[ขออภัยที่ถามคำถามเดิม] ตกลงคนเดี๋ยวนี้ "เรื่องเยอะ" เกินไป? หรือผม "ใจดี" เกินไปกันแน่?

http://ppantip.com/topic/30393615

จากกระทู้นี้ ดูเหมือนชาวพันติ๊ปจะเฮโลเข้าข้างฝ่ายลูกค้ากันใหญ่ ( ช่วงกลางวันผมอยู่ที่ทำงานไม่มีเวลาตอบ แต่ขอพูดหน่อย ตอนที่พิมพ์อยู่นี้ก็ง่วงๆ แต่ถ้าไม่แสดง คห. แล้วมันรู้สึกคาใจครับ )

จริงๆ ถ้าจะถามว่าใครผิดน่ะหรอ? จากกระทู้ดังกล่าว ถ้าเป็นผม อย่าว่ากันที่ผมเห็นต่างอย่างสวนกระแส

ผมว่ากรณีนี้ "ลูกค้าผิด" เทียบเท่ากับที่ "พนักงานขายโดนัทผิด"

บางคนอ่านถึงตรงนี้ จะโมโหผม หาว่าโรคจิต ตรรกะป่วย ฯลฯ บลาๆๆ ก็ตามสบาย

แต่ช่วย "กรุณาอ่านให้จบ" สักนิด

- ครับ เรื่องนี้จำเลยมี 2 ท่าน ท่านแรกคือตัวลูกค้า ที่ไม่ยอมถามหาใบเสร็จ ( จะบอกไม่สนใจไม่ได้ นั่นหลักฐานของคุณ ขนาดบนรถเมล์ คุณซื้อตั๋วแล้ว ตั๋วยังต้องเก็บไว้กับตัวจนลงรถเลย ถ้า พนง. ตรวจตั๋วมาขอท่านตรวจ ท่านจะอ้างอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น หน้าที่ท่านคือทวงตั๋วตั้งแต่ที่จ่ายเงินให้กระเป๋าแล้ว ) อีกท่านก็คุณพนักงานขายโดนัท ( ตามหน้าที่แล้ว คุณต้องขอให้เชารับใบเสร็จก่อน ผมไป 7/11 เกือบทุกสาขา ถ้าไม่ใช่คนที่คุ้นหน้าตากันดี พนง.จะขอให้หยิบใบเสร็จไปด้วยเสมอ )

- พนง. แคชเชียร์ด้านใน ขอเรียกดูใบเสร็จ ไม่มีความผิดเลย เพราะเขาต้องมีหน้าที่รับผิดชอบสินค้า ถ้าของหาย เขาก็ต้องรับใช้ เขาทำตามหน้าที่ดีแล้ว แถมเท่าที่อ่านจากกระทู้นั้น พนง. รายนี้ก็ไม่ได้พูดว่าลูกค้าเป็นขโมยแต่อย่างใด แค่ให้ รปภ. พาไปสอบถามกับ พนง.ขายโดนัทเท่านั้น

- รปภ. ก็ไม่ผิด เขามีหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสถานที่นั้น ใครที่มีทำอะไรไม่ตรงตามขั้นตอน ตามที่เขาได้รับการชี้แจงจากหน่วยเหนือมา ด้วยหน้าที่แล้ว ให้สงสัยไว้ก่อนว่าบุคคลดังกล่าวอาจจะเป็นผู้ไม่ประสงค์ดี กรณีนี้เมื่อแคชเชียร์ร้องขอ เขาย่อมมีสิทธิ์กักตัวไว้ก่อนได้ ( และดูแล้ว รปภ. ก็ไม่ได้พูดจาอะไรกระโชกโฮกฮาก แค่เชิญตัวคุณลูกค้ารายนี้ไปถามคนขายโดนัทเท่านั้น )

- จขกท. ต้นเรื่องนั้นก็ผิดด้วย..ผิดอะไรหรือ? ผิดที่ตัดสินคนจากการแต่งตัว แค่ชายคนดังกล่าวสวมเชิ้ต ใส่กางเกงสแล็ก รองเท้าหนังอย่างดี ก็เชื่อแล้วว่าไม่ใช่มิจฉาชีพแน่ๆ ( แสดงว่าไม่เคยได้ยินวลี "โจรใส่สูท" ที่เป็นข่าวบ่อยๆ โดยมิจฉาชีพมักแต่งตัวดีๆ หรูๆ เพื่อให้เหยื่อตายใจ เชื่อว่า "เขาไม่ยากจน คงไม่ปล้นเราหรอก" )  

- และที่ผมเคืองที่สุดจนต้องตั้งกระทู้นี้ คือพฤติกรรม "เจ้ายศเจ้าอย่าง" ของคุณลูกค้าเจ้าปัญหา แสดงให้เห็นถึงการหล่อหลอมตั้งแต่เด็กๆ ได้เลย ( ถ้าให้ผมเดา คนๆ นี้ไม่น่าจะเคยทำงานระดับล่างมาก่อน ดูจากที่ จขกท. นั้นบรรยายการแต่งตัว น่าจะมาจากครอบครัวมีฐานะดีพอสมควร ด้วยความสบายเพราะอาจถูก Spoiled มาตลอด พอเจอแบบนี้จึงรับไม่ได้ ทั้งที่มันเป็นระเบียบปฏิบัติปกติ หรืออีกนัยหนึ่ง อาจจะเก็บกดมาจากที่อื่น แล้วก็มาหาคนระบาย เพราะที่อื่นระบายไม่ได้ )

-----------------------------------

จะหาว่าผมขวางโลกก็ได้นะครับ แต่ผมมองแบบนี้จริงๆ

ชีวิตผมเจอเรื่องแบบนี้บ่อยมาก ไม่ใช่แค่จาก รปภ. แต่เรียกว่าเป็น "บุคคลต้องสงสัย" ของตำรวจด้วยซ้ำไป? หลายครั้งคนเดินไปมาชิลๆ แต่พอผมผ่านไป ไม่ทันไรพี่ๆ ตำรวจมาหาผม ขอค้นตัวบ้าง ถามโน่นถามนี่บ้าง หรือเวลาเจอด่าน พวกๆ ผมที่ไปด้วยกันไม่ค่อยโดนอะไรหรอก ส่วนผมเจอถามคำถามโน่นนี่นั่นมากกว่าขาวบ้านเขา

ถามว่าผมเคืองไหมครับ? ก็เคืองแหละ ชีวิตผมไม่เคยตีรันฟันแทงกับใคร ( สู้ไปก็แพ้เขาตลอด ทุกวันนี้ฝึกฝนร่างกายเพื่อการหนีโดยเฉพาะ ) ไม่ต้องคิดไปถึงเรื่องผมเป็นมือปืนรับจ้าง หรือผู้ก่อการร้ายนักวางระเบิดเลยครับ ผมทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอก ดังนั้นการที่มาเพ่งเล็งผม มองว่าเป็นมิจฉาชีพ เป็นบุคคลเฝ้าระวัง บางทีผมก็รู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน

แต่อีกทางหนึ่ง ผมเคยคุยกับผู้อาวุโสบางท่าน ที่ทำงานพวก Security ทั้งหลาย เขาบอกว่าผมอย่าไปโกรธเจ้าหน้าที่เขาเลย เขาทำตามหน้าที่ของเขา ถ้าเขาเจอใครที่คิดว่าต้องสงสัย ก็ต้องค้น ต้องสอบถาม ( จะบอกว่าหน้าตาผมไปทางภาคใต้ สมัยเรียนรามฯ ที่บางกะปิ หรือมีครั้งนึงลงไปทำงานแถวหาดใหญ่ คนแถวนั้นมักจะมาทักผมด้วยสำเนียงใต้อะครับ ผมก็บอกตลอดว่าผมเป็นคน กทม. ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแบบนี้หรือเปล่า จึงถูกมองอย่างไม่ไว้วางใจตลอด คงคิดว่าผมจะมาก่ออาชญากรรมใน กทม. แหงๆ ) ถ้าเขาขี้เกียจ ปล่อยไปเฉยๆ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม แล้วเจ้าบุคคลดังกล่าว ดันไปก่ออาชญากรรมขึ้นมาจริงๆ

ถามว่าใครซวยครับ? ประชาชนซวย? ถูก..แต่คนรับผิดชอบก็คือเจ้าหน้าที่นั่นแหละ เขาอาจจะถูกลงโทษทางวินัยร้ายแรง ( ปลดออก , ไล่ออก ) ฐานเลินเล่อต่อหน้าที่ทำให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เรียกว่าหมดอนาคตไปเลย ลูกเมียเขาก็มี ครอบครัวเขาก็มีนะครับ เห็นใจกันบ้าง

ขนาดทหารเขายังอบรมกันเลย ในยามวิกาล ถ้ารถไม่มีตราของหน่วยแล่นเข้ามา ให้เรียกให้หยุดแล้วขอตรวจตามระเบียบทุกครั้ง ( คนเคยเป็นทหารเกณฑ์นี่แหละ เคยเล่าว่านายทหารเวรต้องการตรวจระเบียบของหน่วย เลยขับรถส่วนตัวที่ไม่ติดเครื่องหมายของหน่วยเข้ามา โดยไม่บอกให้เวรยามรู้ล่วงหน้า )

ขออภัยที่ผมบ่นยาวไปนิด บางทีผมอยากให้บรรดาลูกค้าที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็น "พระเจ้า" ทั้งหลาย เข้าใจหัวอกพนักงานบริการบ้างนะครับ

ขอบคุณที่อ่านจนจบ จะด่าผมก็ตามสบาย ( ลืมบอกไปอย่าง เคยมีคนทักว่าผมหน้าตาไปทางมาเลเซียมั่งละ ปากีสถานมั่งละ ตะวันออกกลางมั่งละ -------> โซนผู้ก่อการร้ายชัดๆ ร้องไห้)

ปล.เห็นหลายๆ คห. เข้าข้างลูกค้ากันจนเคยตัว

น่าจะมีใคร "ทำ" แบบที่ Boston ( หรือใหญ่หน่อย ก็ 9/11 ไปเลย ) แต่เปลี่ยนมาเป็นใจกลาง กทม. แทน ก็คงดี เผื่อคนไทยจะเข้าใจมาตรการ รปภ. มากขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ส่วนอันนี้เป็นกระทู้เก่า ที่ผมเพิ่งบ่นไปเมื่อวันศุกร์ ( 19-4-2013 ) ที่ผ่านมา

http://ppantip.com/topic/30387179

----------------------------

นั่งรถเมล์กลับบ้าน ได้ยินเสียงผู้ชายวัยกลางคน ทะเลาะกับกระเป๋ารถเมล์ ( ผู้หญิงวัยกลางคนเช่นกัน ) ด้วยความเป็นคนชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน พยายามเงี่ยหูฟัง จับใจความได้ว่า ลุงคนนี้ แกมีบัตรลดครึ่งราคา แต่ตอนจ่ายค่ารถเมล์ ป้ากระเป๋าแกก็ทอนเงินให้ตามปกตินี่แหละ

ปัญหาคือ เพราะถนนในเมืองไทยมันไม่เรียบ จังหวะที่ป้ากระเป๋าแกจะยื่นเงินทอนให้ลุงคนนี้ รถมันสะเทือนจากพื้นถนน ทำให้เงินทอนหล่นพื้น

ป้าแกก็ขอโทษ แต่ปัญหาคือลุงแกไม่จบ ตะโกนด่าป้าแกเป็นชุดๆ หาว่าป้าแก ( รวมทั้งพวก ขสมก. ทุกคน ) ไม่ชอบบัตรลดราคา และแกล้งทำเงินทอนหล่นพื้น ซึ่งที่นั่งลุงแกมันดันอยู่ด้านในของเบาะหลังสุด และคนก็แน่น ป้าแกไม่สามารถก้มไปเก็บให้ได้ ลุงแกก็บ่นๆๆๆ อยู่นั่นแหละ ป้าแกก็เถียงกลับ ( แต่ไม่ได้ใช้คำหยาบคาย )

เถียงกันไปมาแบบนั้น ผมชักรำคาญ เลยนั่งบ่นกับตัวเอง "โอย! มนุษยโลก มันจะเรื่องเยอะอะไรนักหนา" ซึ่งมันดันเป็นจังหวะที่ป้าแกเดินมาถึงผมพอดี ทีนี้แกเลยบ่นให้ผมฟังใหญ่เลย ผมก็ขอให้แกหยุดเถอะ ปล่อยลุงนั่นบ่นไปคนเดียว เดี๋ยวเขาก็ลงแล้ว

ป้าแกก็บ่นให้ผมฟังต่อนะ ว่าตลอดชีวิตไม่เคยด่าใครแรงๆ มาก่อน แล้วทำไมวันนี้ถึงมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ( ส่วนลุงแกยังบ่นไม่หยุดที่เบาะหลังท้ายรถ ) ผมก็พยายามพูดให้แกใจเย็นลง

"เอาน่ะ ถ้าลุงแกเป็นข้าราชการจริง สงสัยในที่ทำงานคงโดนข่มโดนกด เลยต้องมาหาที่ระบายข้างนอก" ( ผมพูดแบบนี้เพราะป้าแกบอกว่าลุงคนนั้นอวดตัวว่าเป็นข้าราชการเก่า )

สักพักลุงแกก็ถึงป้าย แล้วก็เดินเลยที่นั่งผมลงไป ( ดีนะที่แกไม่ได้ิยินสิ่งที่ผมบ่น กลัวมีเรื่องนะครับ ถึงลุงแกจะอายุเยอะ แต่ยังเดินไปมาคล่องพอสมควร แถมรถเมล์ก็แคบ ประตูก็ปิด ผมจะตายไหม? ฝึกวิชาน่ะฝึกมาเพื่อหนี ไม่สู้คนครับสู้ไปก็แพ้เขา )

------------------------------------

ที่เล่า case นี้ให้ฟัง ไม่ใช่อะไรหรอกครับ หมู่นี้ผมชักรู้สึกว่าคนเราจะ "เรื่องเยอะ" มากขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่า? เห็นพนักงานบริการทั้งหลายเป็นเบ๊ เป็นทาสกันหรือ? อย่างกรณีของรถเมล์ ผมสังเกตเห็นบ่อยมาก คนรอที่ป้าย ไม่ได้จับตามองว่ารถสายที่ตัวเองจะไปมาถึงหรือยัง เพราะเอาแต่ Chat มือถือ พอรถมาจอดก็ไม่รู้้เรื่อง แต่พอคนอื่นขึ้นมาหมด รถจะออกแล้ว ดันเพิ่งรู้สึกตัว จะวิ่งตามรถ แต่รถก็ไม่จอดแล้ว

Case แบบนี้ัทั้งคนขับ ทั้งกระเป๋าบ่นให้ฟังหลายครั้ง ว่าคนพวกนี้แหละชอบไปร้องเรียน

อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยเจอพนักงานแย่ๆ หรือเปล่า? อย่างในหลายกรณี เวลาผมไปร้านสะดวกซื้อ บางทีพนักงานเล่นกันอยู่ไม่ได้มองลูกค้า ผมจะแกล้งยืนแปบนึงนะ ถ้าไม่รู้สึกตัว ถึงจะเรียกด้วยคำพูด "โทษนะครับ" ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะหันมา แล้วมักจะขอโทษผมนะ แน่นอนบางทีก็เตือนๆ ไปบ้างอย่างสุภาพ ว่าดูร้านด้วย ถ้าเจอคนอื่นที่เป็นพวกขี้โวยวายมันจะเป็นเรื่อง เขาก็รับคำ ก็คุยสุภาพดี ไม่มีปัญหาอะไร

หรือร้านอาหารในห้าง บางทีผมไปกับคนอื่นๆ เอาแล้ว ได้ช้าบ้าง ของขาดบ้าง ผมจะขอไปถาม ไปเจรจาก่อนเลย ซึ่งส่วนใหญ่พนักงานก็คุยดี แล้วก็ถ้าทักท้วงไป เขาก็รีบทำมาให้นะครับ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอีก ที่ต้องขอไปเจรจาเบื้องต้นก่อน เพราะบางทีคนที่ไปด้วยกันมักจะทนไม่ได้แล้วก็ไปออกอาการโวยวายหรือร้องเรียนกับต้นสังกัดทันที โดยที่ยังไม่ได้มีการเจรจาทักท้วงเบื้องต้นก่อน

หลังๆ นี่ชักลามมาถึงแม่บ้านหรือพนักงานเก็บขยะ กทม. นอกเหนือจากการพยายามเหยียบๆ ก้นบุหรี่จากบรรดาคนมักง่ายที่สูบแล้วทิ้งลงพื้นเพื่อให้ไฟดับแล้ว เวลากินกาแฟเย็นเสร็จ ถ้าบริเวณนั้นมีท่อระบายน้ำหรือคลอง ผมจะเปิดฝาแล้วเทน้ำแข็งลงท่อหรือสาดลงคลองให้หมด ให้เหลือแต่แก้วเปล่าๆ กับหลอดแล้วค่อยเอาไปทิ้งในถังขยะ เพราะผมเป็นห่วง พนง. เก็บขยะและกวาดถนนของ กทม. ว่าถ้าทิ้งแก้วมีน้ำแข็ง แล้วน้ำแข็งละลาย มันจะไปนอนก้นถุงขยะ และมวลน้ำพวกนี้ มันหนักกว่าขยะทั่วไปเสียอีก ถุงขยะอาจจะขาดได้ซึ่งมันจะลำบากคนพวกนี้ที่ต้องมาค่อยๆ เก็บ ( แน่นอนบางครั้งถ้าไม่มีท่อน้ำหรือคลอง ผมก็ไม่ได้ทำแบบนี้ แต่จะพยายามทำเท่าที่โอกาสจะอำนวย )

---------------------------------

ไม่ได้จะอวดอ้างความดีหรอกครับ ( ถ้าไม่มี case วันนี้ ผมคงไม่มาตั้งกระทู้นี้ ) เพียงแต่ผมสงสัยว่าคนสมัยนี้เรื่องเยอะ และเคยชินกับคติ "ลูกค้าคือพระเจ้า" มากไปหรือเปล่า?

หรือผมเป็นคนใจดีเกินไปกันแน่..ส่วนนึงยอมรับว่า การตวาดใครไปมั่วซั่ว วันนี้เขาอาจนิ่งๆ แต่วันหน้าเขาอาจมาดักแก้แค้นก็ได้ ( เกิด พนง.พวกนี้ไปตามผัวมาดักต่อยผม ผมก็ซวยสิครับ บอกแล้วผมไม่สู้คน สู้ไปก็แพ้เขา ) แต่อีกส่วนนึง อาจจะเป็นเพราะผมทำงานระดับล่างมาก่อน ถึงจะเป็นภาคโรงงานไม่ใช่ภาคบริการก็ตาม เข้าใจดีว่าพนักงานระดับล่างพวกนี้โดนกดดันแค่ไหน เถียงอะไรก็ไม่ได้ ต้องครับๆ ค่ะๆ อย่างเดียวเท่านั้น พอวันนึงพ้นสภาพดังกล่าว ดีหน่อยมาอยู่ในส่วน Office จึงพยายามแบ่งเบาภาระพวกเขาเท่าที่จะทำได้

อีกอย่าง จะว่าผมโลกสวยก็ได้นะครับ พนักงานภาคบริการ บางส่วนรายได้ดีก็จริง แต่ก็แลกมากับสิ่งที่ขัดกับความเคยชินของคนทั่วไป เช่นต้องเจอลูกค้าแย่ๆ แต่เถียงไม่ได้บ้าง หรือวันหยุดเทศกาลก็ไม่ได้หยุดบ้าง หรือคนส่วนใหญ่หยุดวันอาทิตย์ คนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้หยุดบ้าง ผมจึงมองว่างานแบบนี้ ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้

ยิ่งถ้างานแม่บ้าน งานเก็บขยะ กวาดถนน ( อย่าดุถูก พนง. ส่วนนี้ในสังกัด กทม. นะครับ เท่าที่เคยฟังมา รายได้ดีเลยแหละ ไม่รู้ อปท. อื่นจะเหมือน กทม. หรือเปล่า? ) รายได้ดีจริง แต่มันเป็นงานที่ 3D คือลำบาก ( Difficult ) , อันตราย ( Dangerous ) , สกปรก ( Dirty ) เชื่อว่าใครหลายๆ คน รวมทั้งผมคนนึงละ ต่อให้รายได้ดีแค่ไหน ก็คงไม่คิดจะไปทำ ดังนั้นผมถือว่าคนที่ไปทำ ต้องมีความอดทนพอสมควร ดังนั้นต้องให้เกียรติเขาบ้าง อะไรพอแบ่งเบาได้ก็ช่วยๆ กันไป

จากทั้งหมดนี้ ผมสงสัยมากมาย ตกลงผมใจดีเกินไป หรือคนสมัยนี้เรื่องเยอะเกินไปครับ?

ปล.ส่วน case เมเจอร์พระราม 3 ไม่ออกความเห็นนะครับ ยังไม่มีโอกาสดูคลิปเลย ( เครื่องผมเปิดวีดิโอนานๆ แล้วชอบดับ ) หรือถึงดู ก็อาจจะตัดสินอะไรไม่ได่ คนสมัยนี้เจ้าเล่ห์เยอะครับ อาจจะถ่ายเฉพาะมุมใดมุมหนึ่งแล้วเอามาเผยแพร่ ก็เป็นได้เช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่