เรื่องเก่าเล่าอดีต ๒๕ เม.ย.๕๖

กระทู้สนทนา
รื่องเก่าเล่าอดีต ๒๕ เม.ย.๕๖

เรื่องของรถเมล์

เพทาย

        ในภาวะที่ราคาน้ำมันในเมืองไทย ขยับสูงขึ้นไปทุกเดือนหรือทุกสัปดาห์ อย่างทุกวันนี้ คนเดินดินที่ไม่มีรถส่วนตัวอย่างผม และผู้มีฐานะเดียวกันอีกหลายล้านคนนั้น ก็ต้องอาศัยบริการของรถรับจ้างสาธารณะ ตั้งแต่รถมอร์เตอร์ไซค์ หรือแมงกะไซ ตามตรอก ซอกซอย  ซึ่งน่าจะใช้บริการในระยะทางใกล้ ๆ เพราะรถมอเตอร์ไซค์นั้น มีอันตรายสูงมากที่สุด สำหรับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะวิ่งไปชนใครหรือถูกใครเขาชน ที่จะไม่เจ็บเป็นไม่มี และผู้ขับขี่ก็มักจะขับ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเสียด้วย เอาเร็วอย่างเดียว ชั่วเวลาในเทศกาลสำคัญเพียงไม่กี่วัน ก็จะมี คนบาดเจ็บล้มตายลง ด้วยรถมอร์เตอร์ไซค์ มากกว่าทหารอเมริกันที่เสียชีวิต ในการทำสงครามกับ ผู้ก่อการร้ายหลายเท่า

        ผมเคยเห็นคำเตือนใจ บนรถสองแถวสมัยก่อน ที่วิ่งในซอยก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น รถมอร์เตอร์ไซค์ มีความว่า

            ผู้คนองต้องถึงซึ่งพินาศ
            ผู้ประมาทอาจต้องถึงซิบหาย
            ผู้อวดเก่งเบ่งนักมักถึงตาย
            ผู้จำไว้ได้ตลอดรอดฝั่งเอย

        ผมว่าน่าจะจดแปะไว้ตามหัวคิวรถ ให้ผู้ขับขี่ได้อ่านเป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจบ้าง ก็จะดีมิใช่น้อย

        รถสามล้อเครื่องหรือรถตุ๊กตุ๊กนั้นค่อยปลอดภัยขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็มีอันตรายจากควันพิษที่พ่นออกมาจากท่อไอเสียของรถเมล์ ในเวลาที่ไปจอดต่อท้ายรอติดไฟแดงเป็นเวลานาน ๆ ส่วนรถแท็กซี่นั้นเป็นรถโดยสารที่มีความสะดวกสบายที่สุด เพราะมีการปรับอากาศเย็นกายเย็นใจ และไม่ต้องต่อราคาเหมือนเมื่อก่อน จะไปใกล้หรือไกลก็คิดราคาตามมิเตอร์ ที่หมุนตามระยะทางและเวลาที่ใช้จริง แต่ก็แพงมากสำหรับผู้ใช้บริการที่มีเบี้ยน้อยหอยเล็กทั้งหลาย

        รถเมล์หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า รถโดยสารประจำทาง จึงเป็นพาหนะที่เหมาะสมที่สุด สำหรับผู้คนในบ้านเมืองใหญ่ทั้งหลาย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครที่มีผู้อยู่อาศัย ใกล้จะถึงสิบล้านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้

        รถเมล์นั้นมีหลายชนิดตั้งแต่รถเอกชนร่วมบริการคันเล็ก ซึ่งเรียกว่ามินิบัส ที่เปลี่ยนแปลงมาจากรถสองแถว เมื่อก่อนบรรทุกคนจนท้ายเกือบครูดถนน และล้อหน้าแทบจะลอยพ้นพื้น ซึ่งแม้ตัวรถจะวิวัฒนาการขึ้น แต่พฤติกรรมของผู้ให้บริการทั้งคนขับและผู้เก็บเงินค่าโดยสาร ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งรถโดยสารของเอกชนคันใหญ่สีแดงคาดเหลือง ซึ่งแปลงโฉมเป็นสีขาวคาดน้ำเงินฟ้าเหลือง แล้วขึ้นราคาเป็นระยะจนเหรียญสลึงกับเหรียญห้าสิบสตางค์หมดค่าไปแล้ว

        รถของ ขส.มก. นั้น ได้พยายามปรับปรุงคุณภาพของการบริการ ให้เป็นที่ถูกอกถูกใจประชาชน ด้วยการกำหนดวิธีบริการ ให้ได้มาตรฐานที่มีชื่อเป็นภาษาฝรั่งอังกฤษ เช่นการพูดที่ไพเราะ การออกรถและจอดนิ่มนวล บางสายที่แล่นผ่านสถาบันสอนคนตาบอด จะมีการขยายเสียงบอกเส้นทาง เช่น สายสิบสอง เศรษฐการ ราชวิถี อนุสาวรีย์ ห้วยขวาง เป็นต้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้พิการทางสายตาเป็นอันมาก แต่สำหรับคนขับและกระเป๋าหรือกระปี่ อาจเป็นโรคประสาทได้ ถ้าต้องทนฟังไปทุกป้ายตลอดระยะทางอันยาวไกล

        ส่วนรถเอกชนร่วมบริการอีกชนิดหนึ่ง สีน้ำเงินคาดเหลือง ส่วนใหญ่เป็นรถปรับ อากาศ รวมทั้งรถปรับอากาศเก่า เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง ของ ขส.มก.ด้วย ซึ่งวิ่งทับกันไปมาจนแทบจะจำไม่ได้แล้ว

                               สำหรับรถปรับอากาศของ ขส.มก.เองที่เรียกว่ารถยูโรสีเหลืองส้ม นัยว่าเป็นการลดมลภาวะบนท้องถนน  เป็นรถที่นั่งสบายที่สุดเพราะปรับอากาศได้เย็นจัด เป็นที่ถูกใจผู้ใช้บริการมาก แต่ ขส.มก.ก็มิได้พอใจแค่นั้น ได้พยายามหาเหตุจูงใจ ผู้โดยสาร ด้วยการขายตั๋ววัน  ตั๋วสัปดาห์ และตั๋วเดือน กับตั๋วปี แต่เมื่อผู้โดยสารนิยมใช้มากขึ้น กลับทำให้ ขส.มก.ขาดรายได้มากขึ้นหรืออย่างไรไม่ทราบ จึงงดขายตั๋วประเภทนี้เสียแล้ว

        รถบริการสาธารณะชนิดสุดท้าย ก็คือรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็ก หรือที่เรียกว่าไมโครบัสของบริษัทเอกชน ซึ่งจัดให้ผู้โดยสารได้นั่งตลอดทาง ไม่มีที่ยืนคิดค่าโดยสารตลอดเส้นทางราคาเดียว แต่ก็เปลี่ยนแปลงไปมาอยู่เรื่อย เพราะเป็นรถเล็ก ที่นั่งน้อย เมื่อไม่มีที่ยืนก็รับผู้โดยสารได้จำกัด รายได้จึงไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ก็ขึ้นราคาสูงเกินไปก็ไม่ได้ เพราะผู้โดยสารซึ่งสมัยนี้เรียกว่าผู้บริโภค ไม่มีเงินจ่ายหรือเรียกว่าไม่มีกำลังซื้อ จึงพากันไม่ใช้บริการ เนื่องจากรถชนิดนี้จะมีเส้นทางที่วกวนอ้อมไปมา ยาวนาน ยิ่งในกรณีที่รถติดไม่เลือกเวลาอย่างปัจจุบัน ผู้ที่ขึ้นจากต้นทางไปปลายทาง คงจะเป็นผู้ที่มีอารมณ์เย็นเป็นอย่างยิ่ง ส่วนผู้ที่ขึ้นลงในระยะสั้น ก็คิดว่าแพงเกินไป

        มีรถโดยสารที่ ขส.มก. คิดจัดให้เป็นรถพิเศษ อีกสามประเภท คือรถที่มีทางลาดสามารถจะรับผู้พิการที่นั่งรถเข็นได้ รู้สึกว่าจะมีตัวอย่างให้ดูคันหนึ่ง แล้วก็เงียบหายไป คงจะเดาได้ว่า ผู้โดยสารประเภทนี้ที่จะลากสังขารออกมาขึ้นรถเมล์ น่าจะมีน้อยเต็มที

                        อีกประเภทหนึ่งคือรถเมล์เฉพาะสตรี คือห้ามไม่ให้บุรุษทั้งสุภาพและไม่สุภาพ ขึ้นรถคันนี้เด็ดขาด ตอนแรกจัดเฉพาะเวลาที่เห็นว่าเหมาะสม แต่ก็ไม่ค่อยมีผู้โดยสาร เพราะสตรีส่วนมากก็มักจะไม่ค่อยมาคนเดียว อาจจะมากับแฟนหรือสามี หรือน้องชายหรือบุตรชายก็ได้ และถึงจะมาคนเดียวถ้ามัวแต่คอยรถประเภทนี้ ก็คงจะไปถึงที่หมายผิดเวลาไปมาก จึงจำต้องขึ้นปนไปกับผู้โดยสารอื่น ๆ โดยยอมเสี่ยงภัยเอาเอง ตามกรรมของตน รถประเภทนี้จึงหายไป เช่นเดียวกับรถ      นักเรียนเหมือนกัน

                       รถอีกประเภทหนึ่งเรียกว่ารถวัฒนธรรม ไม่ทราบว่าจำกัดผู้โดยสารหรือเปล่า รู้สึกว่าพนักงานเก็บค่าโดยสาร หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ากระเป๋าหรือกระปี๋ จะต้องไหว้เคารพผู้โดยสารเมื่อตอนก้าวขึ้นมาด้วย เช่นเดียวกับแอร์โฮสเตส ของการบินไทย ซึ่งดูออกจะมีมารยาทมากเกินไปหน่อย เลยหายหน้าไปเหมือนกัน

        ความจริงถ้า ขส.มก. ซึ่งได้คิดเครื่องแบบพนักงานขับรถ พนักงานเก็บเงินค่าโดยสาร และนายตรวจ ให้มีความสวยงามกว่าเดิม มีขีดเครื่องหมายสีเงินบนอินทรธนูเสื้อเชิร์ต           สีขาว ราวกับเจ้าพนักงานบนเครื่องบินแล้ว น่าจะพยายามอบรมให้พนักงานบนรถโดยสาร                มีมารยาทที่ดี สมกับเป็นคนไทย ไว้อวดชาวต่างชาติ และก็น่าจะอบรมเสียให้หมดทุกคน แล้วคัดเลือกเอาแต่ผู้ที่สอบผ่าน บรรจุเข้าบริการประชาชน ดังที่เราได้เห็นอยู่บ้างบนรถปรับอากาศบางคัน ซึ่งผู้เก็บค่าโดยสารจะกล่าวสวัสดีกับผู้โดยสารที่ขึ้นใหม่ พร้อมกับคำว่าเชิญค่ะหรือเชิญครับ และกล่าวขอบคุณต่อผู้โดยสารที่กำลังจะลงป้าย แค่นี้ก็ชื่นใจสำหรับผู้โดยสารเป็นอย่างยิ่งแล้ว

        แต่ผมได้พบกระเป๋า รถปรับอากาศ สาย ๕๑๐ ที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเยี่ยม ขนาดจูงมือชายชราให้เดินไปนั่งเก้าอี้ที่ว่าง จนชายผู้นั้นออกปากว่าบริการดีจริง เขาก็บอกว่ากลัวจะหกล้มครับ ผมโชคดีที่ได้เจอคนที่มีน้ำใจอย่างนี้อีก เมื่อโดยสารรถปรับอากาศแบบเก่าสีน้ำเงิน มีโฆษณาเต็มข้างตัวถังตั้งแต่ขอบล่างจนจรดหลังคาคันหนึ่ง ไปทางบางขุนนนท์ฝั่งธนบุรี กระเป๋าเป็นชายหนุ่มใหญ่ พูดจาอ่อนหวาน แบบที่ว่ามาแล้ว และเอาใจใส่ผู้โดยสาร แนะนำผู้ขึ้นใหม่ให้นั่งที่ว่าง แนะนำผู้ที่จะลงให้ระวังรถทางซ้าย เตือนพลขับอย่าเพิ่งออกรถ เมื่อมีคนแก่ หรือเด็ก หรือสตรีมีครรภ์ขึ้นลง และทุกคำพูดจะมีครับลงท้ายด้วยทุกครั้ง  จึงรู้สึกว่าน่าจะมีพนักงานอย่างนี้ให้มาก จนครบ            ทุกคัน

         พอรถแล่นมาถึงสี่แยกจะต้องเลี้ยวขวา ซึ่งจะติดไฟแดงเป็นเวลานาน เขาก็บอกกับผู้โดยสารอย่างสุภาพว่า

        “ กรุณาอดใจรอสักหน่อยนะครับ เพราะรถจะติดไฟแดงนานมากครับ และเพื่อเป็นการฆ่าเวลา ก่อนที่ท่านผู้โดยสารจะเบื่อ
ผมจะได้ร้องเพลงให้ท่านฟังสักเพลงหนึ่งครับ  ซึ่งผมจดจำเอามา โดยที่ผมไม่ได้เป็นนักร้องอาชีพที่ไหน ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด หวังว่าท่านคงจะให้อภัยนะครับ “

        แล้วเขาก็บรรจงร้องเพลงลูกทุ่ง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตอันอาภัพ ของกระเป๋า           รถเมล์  ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนไหว อักขระชัดเจน จังหวะคงที่ และใช้มือทั้งสองข้าง ทั้งที่ว่างและที่ถือกระบอกตั๋ว ประกอบการร้องของเขาด้วย ซึ่งผู้โดยสารบนรถทั้งคัน ต้องนิ่งฟังเขาอย่างเงียบสงบ พอจบเพลง ก็มีเสียงปรบมือขึ้นพร้อมกัน อย่างเกรียวกราวแสดงถึงความพึงพอใจต่อบริการที่เขาแถมให้ อย่างจริงใจ

        สำหรับผม ชื่นชมเขาเป็นอันมาก ที่สามารถทำได้อย่างพอเหมาะพอดี กับโอกาสเวลาและสถานที่ เพราะเป็นช่วงที่รถจอดสนิท ไม่มีผู้คนขึ้นลง และเสียงบนถนนก็เบาบางกว่าปกติ เพราะรถที่อยู่ในแถวเดียวกัน ก็จอดเรียงเป็นตับ ผู้โดยสารจึงได้ยินเสียงเพลงของเขาตลอดทั้งคัน โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม เมื่อจบเพลงลงพอดีกับสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นเขียว และรถคันนั้นเริ่มเคลื่อนที่เลี้ยวขวา เขาก็พนมมือไหว้อย่างนอบน้อม และกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลเช่นเดิมว่า

        “ ขอบพระคุณทุกท่าน ที่กรุณาให้เสียงปรบมือแก่ผม กรุณารออีกนิดให้รถจอดป้ายเรียบร้อยเสียก่อนจึงค่อยลงนะครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ “

        ผมลงจากรถคันนั้น ด้วยความภูมิใจแทนองค์การของเขาว่า  อย่างน้อยก็ยังมีเขาอยู่คนหนึ่ง ที่ให้บริการแก่ประชาชนผู้ไม่มีรถส่วนตัว ได้อาศัยนั่งไปถึงที่หมายปลายทาง ด้วยความสบายใจ และไม่ใช่ด้วยการอบรมของผู้ใด หรือมาตรการที่เป็นตัวกำหนดมาตรฐานใด ๆ หากเป็นการให้ด้วยน้ำใจของเขาเอง ด้วยความสุภาพเรียบร้อย และอดทน ท่ามกลางอากาศที่อบอ้าว บรรยากาศที่ชุลมุนวุ่นวาย ของความรีบร้อนในการเดินทาง ทั้งภายในและภายนอกรถ รวมทั้งความเอาแต่ใจของผู้โดยสารบางคน หวังว่าพฤติกรรมอันดีของเขา คงจะช่วยให้เขามีโอกาสได้      ทำงานที่เหนื่อยน้อยกว่านี้ ในอนาคตอันใกล้

        น่าเสียดายที่ผมไม่ได้จดจำว่ารถคันนั้นหมายเลขอะไร และมองป้ายชื่อของเขา            ไม่ทันด้วย รู้แต่ว่าเป็นรถปรับอากาศสาย ๗๙ เท่านั้น.

################        



วารสารข่าวทหารอากาศ
พฤษภาคม ๒๕๕๐        


วางเมื่อ เวลา ๐๘.๕๔
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่