ในฐานะนักวิชาการอิสระ  ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนมานานปี   และเป็นผู้หนึ่งซึ่งมีโอกาสติดตามชมละครเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ

ดิฉันขอปรบมือให้ด้วยความชื่นชมในความตั้งใจจริงของผู้จัดและผู้เขียนบท   ที่ได้นำแนวคิดเรื่อง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  สิทธิ  เสรีภาพ  และความเสมอภาคของบุคคล  ย่อมได้รับความคุ้มครอง  ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๔  มาสอดแทรกไว้ในละครตลอดทั้งเรื่องได้อย่างเหมาะสมกลมกลืนยิ่ง

ทั้งในประเด็นหลักของเรื่อง  ที่แสดงให้เห็นว่า  แม้บุคคลจะมีสถานะเศรษฐกิจหรือสังคมต่างกัน  แต่ทุกคนย่อมเท่าเทียมกัน  หากเรามองกันและกันด้วยสายตาที่ปราศจากมายาคติทั้งปวง

ตลอดจนประเด็นปลีกย่อย  ที่นำเสนอได้ดี  เช่น  กรณีก้องภพ ซึ่งเป็นเกย์    แต่ทุกคนในละครก็ยอมรับ    ดังคำพูดของฟ้ามุ่ยว่า  "  คนจะเป็นเพศอะไร   ก็มีความเป็นคนเท่ากัน   และความดีที่พี่ก้องมี   ไม่เคยเสื่อมสลาย  ไม่ว่าเขาจะเป็นเพศอะไร"

รวมถึงประเด็นการให้โอกาสแก่อดีตผู้ต้องโทษจำคุกเข้าทำงาน   ดังที่น้าอมรพูดกับนายชาติว่า   " ฉันไม่เคยเกี่ยงคนมาทำงานเพราะเรื่องติดคุก  คนเราเคยพลาดได้  แต่ถ้ารู้จักเริ่มต้นใหม่  สังคมก็ควรให้โอกาส "

นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นอีกมากมาย  ที่มิอาจกล่าวถึงทั้งหมดได้ในคราวเดียว  

แต่เพียงเท่านี้  ก็เพียงพอที่จะขอกล่าวชื่นชมและมอบรางวัลให้ ในฐานะละครดีเด่น  ด้านการส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  แก่ละครเรื่อง " รักข้ามเส้น "

อนึ่ง   จึงหวังว่าเสียงจากผู้ชมจะสะท้อนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม   ได้นำเนื้อหาจากละครเรื่องนี้  ไปใช้เป็นกรณีตัวอย่างประกอบการฝึกอบรมเผยแพร่ความรู้เรื่องยาก  อย่างเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  ให้เป็นที่เข้าใจง่ายแก่ประชาชนทั่วประเทศต่อไป