สวัสดีค่ะ เราเกิดปี 38 ค่ะ ปีนี้อยู่ ม.6 แล้ว กำลังเตรียมตัวแอดมิสชั่นค่ะ
พ่อกับแม่เคยตีเราสมัยเด็ก ๆ ค่ะ เลิกตีไปตั้งแต่ขึ้นประถมมาซักพัก เราเป็นคนที่มีอิสระทางความคิดสูงค่ะ คือเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเองได้ คือจริง ๆ ก็เป็นสาวมั่นคนหนึ่งอะค่ะ เรื่องการเรียนดีมาตลอดค่ะ พ่อกับแม่ภูมิใจ ไม่ทำตัวเหลวไหล เป็นคนร่าเริงเฮฮา มีเพื่อนเยอะค่ะ
ทีนี้ตั้งแต่เราโตมาจนรู้ความเราต่อต้านระบบการตีของพ่อแม่มาก ๆ เราค่อนข้างชอบไอเดียการทำโทษเด็กด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่ตีค่ะ
เรารู้สึกว่าการตีหากจำเป็นก็ควรใช้เฉพาะกับเด็กที่อยู่ในวัยพึ่งพาสัญชาตญาณดิบ คือยังไม่สามารถพูดคุยกันรุ้เรื่องด้วยตรรกะเหตุผล
ทีนี้เราเป็นคนไม่พับผ้าห่มค่ะ เรื่องมันเกิดจากเมื่อก่อนตื่นสายรีบไปเรียนรีบไปเรียนพิเศษ แล้วก็ติดมาจนโตค่ะ (มีห้องนอนของตัวเอง)
แล้วอยู่มาวันหนึ่งคุณแม่เดินเข้ามาในห้องแล้วบอกว่าถ้าไม่พับผ้าห่มจะตีแล้ว แล้วก็เดินไปเอาไม้เรียวขึ้นมาขู่เราแล้วก็เก็บไว้ในห้องค่ะ ตอนนั้นเรายิ้มแย้มอยู่ดี ๆ ยิ้มก็หุบทันทีเลยค่ะ เราเป็นคนที่ซื่อตรงมากจนไม่สามารถเก็บอารมณ์ทางสีหน้าได้ค่ะ คือถ้าไม่มุ่งมั่นเก็บอารมณ์จริง ๆ มันออกหมดเลย แล้วก็เดิมทีครอบครัวเราน่ารักค่ะ คุณพ่อคุณแม่อินเทรนด์ แต่มาวันนี้เราขำไม่ออก ยิ้มไม่ออกเลย
จากที่ปกติอยู่บ้านจะร่าเริงพูดไม่หยุด เราเริ่มพูดน้อยลงค่ะ ทุกอย่างมันเป็นไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจจะประชดอะไร แต่มันเป็นความรู้สึกเบื่อหน่าย วันแรกเราก็ไม่อะไรเท่าไร พยายามคิดเล่น ๆ ว่าพ่อแม่คงเล่นขำ ๆ ปรากฎว่าเช้าวันต่อมาแม่เข้ามาตรวจจริง ๆ ค่ะ ตอนนั้นเรายังไม่ได้พับผ้าห่ม เราก็พับต่อหน้าแม่ แม่ก็ขู่ว่าจะตีเราค่ะ เราก็ยิ้ม ๆ อยู่ก็หุบทันทีเหมือนเดิม เช้าวันต่อมาเราพับผ้าห่มเรียบร้อย แม่เดินเข้ามาตรวจหน้าเคร่ง ๆ เหมือนเดิมค่ะ ผ้าห่มพับแล้วแต่แม่ก็พูดประมาณว่า นึกว่าไม่พับ ไม่พับจะโดนไม้เรียว คุณพ่อก็แลสนับสนุนค่ะ คอยแซวเราตลอด...ไม้เรียวนะ ไม้เรียว โดนดีแน่ ประมาณนี้ค่ะ
ซึ่งวันนั้นเราก็ยิ้มน้อยลง อยู่ ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิด ต่อต้านไม่อยากคุยกับพ่อแม่ รู้สึกแย่ ๆ แล้วก็ไม่ค่อยพูดค่ะ
(เราเป็นคนเครียดง่ายค่ะ เคยเครียดหนัก ๆ เรื่องสังคมที่โรงเรียนตอนเด็ก ๆ จนฟุ้งซ่านสติกระเจิง แต่ไม่ถึงขั้นพบจิตแพทย์ค่ะ)
เช้าวันนี้เราสาย เรารีบวิ่งลงจากบ้าน คุณพ่อคุณแม่รออยู่ที่หน้าบ้านแล้ว พอเราวิ่งลงมาคุณแม่ก็ถามเสียงเข้ม ๆ ว่า พับผ้าห่มรึยัง ไหนขึ้นไปตรวจซิ เราลืมก็เลยรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน พ่อกับแม่ก็พูดไล่หลังมาตลอดว่าโดนไม้แน่ โดนไม้เรียวแน่ พอเราพับเสร็จคราวนี้เราเงียบไปเลยค่ะ รู้สึกพูดไม่ออก รู้สึกแย่ขีดสุดมาก จนตอนนี้เราแทบไม่พูดเลย เรายิ้มไม่ออก ไม่อยากมองหน้าใครเลย เราอยากตื่นไปเรียน ไปอยู่ที่เรียนพิเศษ อยู่กับพวกเพื่อนแล้วเรารุ้สึกดี ใจเย็นลงมาก แต่พอกลับบ้าน มันไม่อยากทำอะไรเลยค่ะ ได้แต่นั่งมองผ้าห่ม แล้วก็มองไม้เรียวในห้องแม่ ใจมันหดหู่ไปหมด เหมือนจะร้องไห้ พอปรึกษาเพื่อนเพื่อนก็บอกเรื่องแค่นี้เอง ไม่ชอบก็บอกพ่อแม่ไปสิ แต่เรารุ้ว่าถ้าบอกไปทะเลาะกันแน่่นอน พ่อแม่เราเป็นคนไม่ยอมใครทั้งคู่ยิ่งให้ลูกมาสั่งสอนนี่รับไม่ได้แน่ ๆ
คือ เราเรียนอยู่ห้องนักเรียนห้องเรียนพิเศษในโรงเรียนชื่อดังของภาคตะวันออกค่ะ และเพื่อนเราในห้องทั้งสามสิบคน ตั้งแต่โตมาไม่มีใครถูกพ่อแม่ตีเลย เราไม่คิดว่าการตีจะทำให้เด็กเรียนเก่งหรือฉลาดขึ้นค่ะ เราเชื่อว่าที่ทุกวันนี้สมองด้านสร้างไอเดียหรือความกล้าแสดงความคิดเห็นของเด็กไทยบอดเพราะการตีค่ะ เช่น ตอบไม่ได้โดนตี ท่องไม่ได้โดนตี
ซึ่งเพื่อนเราทุกคนที่หัวดีไม่เคยมีใครโดนตีเลยตั้งแต่โตมา เรารู้สึกว่าคนอายุเท่าเราที่โดนตีอยู่ทุกวันนี้ส่วนมากคือพ่อแม่ใช้อารมณ์ตีจริง ๆ หรือไม่ก็เลวร้ายจริง ๆ เพราะวัยนี้ทุกคนต่างคุยกันด้วยเหตุผลได้แล้วแน่ ๆ แหละค่ะ ซึ่งคนที่ยังโดนตีอยู่มีแต่เด็กมีปัญหาทั้งนั้น(จากที่เห็นเฉพาะในโรงเรียนเรานะคะ) แล้วเราก็ไม่เคยคิดเลยว่าในที่สุดมันจะเกิดกับตัวเอง
เราเห็นมาตลอดที่พ่อกับแม่ยกไม้เรียวขู่สุนัขที่เลี้ยงในบ้าน ว่าอยากโดนใช่มั้ย อยากโดนใช่มั้ย เดี๋ยวเหอะ เราไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายพวกท่านจะใช้คำพูดนั้นกับเรา ส่วนไม้เรียวที่เอามาขู่เรามันก็ดูคุ้นตาเหลือเกิน
เราอดไม่ได้ค่ะที่จะคิดว่า เฮ้ย...นี่เราเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ เราไปถึงขั้นนั้นแล้วเหรอ เราคิดมากฟุ้งซ่านไปหมดจนอยู่บ้านอ่านหนังสือไม่ได้เลยค่ะ
พักนี้ไม่ค่อยหิวข้าว กินได้นิดเดียว ไม่รุ้เหมือนกันว่าเกี่ยวกับความเครียดรึเปล่า เราเครียดมากจริง ๆ เพราะงั้นขอยืมพื้นที่ระบายหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
++อัพเดท++
ห้องนอนของเราสะอาดดีค่ะ เพิ่งรีโรเวทห้องไปหมาด ๆ ปกติจะรกเพราะหนังสือล้นตู้เลยต้องตั้ง ๆ ไว้ที่พื้น ตอนนี้ซื้อตู้หนังสือสูง ๆ มาใหม่จากอีเกีย แล้วก็ตู้หนังสือเล็กอีกตู้หนึ่ง ห้องสะอาดดีค่ะ
เหลือแต่เตียง ที่ไม่ค่อยพับผ้าห่ม คุณแม่ก็เลยหันมาใช้วิธีนี้ ไม่ถงไม่ถามถึงสุขภาพกันซักคำ 555+
ขอพินที่ระบาย - เครียดค่ะ อายุจะ 18 แล้ว แต่แม่เอาไม้เรียวมาขู่
พ่อกับแม่เคยตีเราสมัยเด็ก ๆ ค่ะ เลิกตีไปตั้งแต่ขึ้นประถมมาซักพัก เราเป็นคนที่มีอิสระทางความคิดสูงค่ะ คือเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเองได้ คือจริง ๆ ก็เป็นสาวมั่นคนหนึ่งอะค่ะ เรื่องการเรียนดีมาตลอดค่ะ พ่อกับแม่ภูมิใจ ไม่ทำตัวเหลวไหล เป็นคนร่าเริงเฮฮา มีเพื่อนเยอะค่ะ
ทีนี้ตั้งแต่เราโตมาจนรู้ความเราต่อต้านระบบการตีของพ่อแม่มาก ๆ เราค่อนข้างชอบไอเดียการทำโทษเด็กด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่ตีค่ะ
เรารู้สึกว่าการตีหากจำเป็นก็ควรใช้เฉพาะกับเด็กที่อยู่ในวัยพึ่งพาสัญชาตญาณดิบ คือยังไม่สามารถพูดคุยกันรุ้เรื่องด้วยตรรกะเหตุผล
ทีนี้เราเป็นคนไม่พับผ้าห่มค่ะ เรื่องมันเกิดจากเมื่อก่อนตื่นสายรีบไปเรียนรีบไปเรียนพิเศษ แล้วก็ติดมาจนโตค่ะ (มีห้องนอนของตัวเอง)
แล้วอยู่มาวันหนึ่งคุณแม่เดินเข้ามาในห้องแล้วบอกว่าถ้าไม่พับผ้าห่มจะตีแล้ว แล้วก็เดินไปเอาไม้เรียวขึ้นมาขู่เราแล้วก็เก็บไว้ในห้องค่ะ ตอนนั้นเรายิ้มแย้มอยู่ดี ๆ ยิ้มก็หุบทันทีเลยค่ะ เราเป็นคนที่ซื่อตรงมากจนไม่สามารถเก็บอารมณ์ทางสีหน้าได้ค่ะ คือถ้าไม่มุ่งมั่นเก็บอารมณ์จริง ๆ มันออกหมดเลย แล้วก็เดิมทีครอบครัวเราน่ารักค่ะ คุณพ่อคุณแม่อินเทรนด์ แต่มาวันนี้เราขำไม่ออก ยิ้มไม่ออกเลย
จากที่ปกติอยู่บ้านจะร่าเริงพูดไม่หยุด เราเริ่มพูดน้อยลงค่ะ ทุกอย่างมันเป็นไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจจะประชดอะไร แต่มันเป็นความรู้สึกเบื่อหน่าย วันแรกเราก็ไม่อะไรเท่าไร พยายามคิดเล่น ๆ ว่าพ่อแม่คงเล่นขำ ๆ ปรากฎว่าเช้าวันต่อมาแม่เข้ามาตรวจจริง ๆ ค่ะ ตอนนั้นเรายังไม่ได้พับผ้าห่ม เราก็พับต่อหน้าแม่ แม่ก็ขู่ว่าจะตีเราค่ะ เราก็ยิ้ม ๆ อยู่ก็หุบทันทีเหมือนเดิม เช้าวันต่อมาเราพับผ้าห่มเรียบร้อย แม่เดินเข้ามาตรวจหน้าเคร่ง ๆ เหมือนเดิมค่ะ ผ้าห่มพับแล้วแต่แม่ก็พูดประมาณว่า นึกว่าไม่พับ ไม่พับจะโดนไม้เรียว คุณพ่อก็แลสนับสนุนค่ะ คอยแซวเราตลอด...ไม้เรียวนะ ไม้เรียว โดนดีแน่ ประมาณนี้ค่ะ
ซึ่งวันนั้นเราก็ยิ้มน้อยลง อยู่ ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิด ต่อต้านไม่อยากคุยกับพ่อแม่ รู้สึกแย่ ๆ แล้วก็ไม่ค่อยพูดค่ะ
(เราเป็นคนเครียดง่ายค่ะ เคยเครียดหนัก ๆ เรื่องสังคมที่โรงเรียนตอนเด็ก ๆ จนฟุ้งซ่านสติกระเจิง แต่ไม่ถึงขั้นพบจิตแพทย์ค่ะ)
เช้าวันนี้เราสาย เรารีบวิ่งลงจากบ้าน คุณพ่อคุณแม่รออยู่ที่หน้าบ้านแล้ว พอเราวิ่งลงมาคุณแม่ก็ถามเสียงเข้ม ๆ ว่า พับผ้าห่มรึยัง ไหนขึ้นไปตรวจซิ เราลืมก็เลยรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน พ่อกับแม่ก็พูดไล่หลังมาตลอดว่าโดนไม้แน่ โดนไม้เรียวแน่ พอเราพับเสร็จคราวนี้เราเงียบไปเลยค่ะ รู้สึกพูดไม่ออก รู้สึกแย่ขีดสุดมาก จนตอนนี้เราแทบไม่พูดเลย เรายิ้มไม่ออก ไม่อยากมองหน้าใครเลย เราอยากตื่นไปเรียน ไปอยู่ที่เรียนพิเศษ อยู่กับพวกเพื่อนแล้วเรารุ้สึกดี ใจเย็นลงมาก แต่พอกลับบ้าน มันไม่อยากทำอะไรเลยค่ะ ได้แต่นั่งมองผ้าห่ม แล้วก็มองไม้เรียวในห้องแม่ ใจมันหดหู่ไปหมด เหมือนจะร้องไห้ พอปรึกษาเพื่อนเพื่อนก็บอกเรื่องแค่นี้เอง ไม่ชอบก็บอกพ่อแม่ไปสิ แต่เรารุ้ว่าถ้าบอกไปทะเลาะกันแน่่นอน พ่อแม่เราเป็นคนไม่ยอมใครทั้งคู่ยิ่งให้ลูกมาสั่งสอนนี่รับไม่ได้แน่ ๆ
คือ เราเรียนอยู่ห้องนักเรียนห้องเรียนพิเศษในโรงเรียนชื่อดังของภาคตะวันออกค่ะ และเพื่อนเราในห้องทั้งสามสิบคน ตั้งแต่โตมาไม่มีใครถูกพ่อแม่ตีเลย เราไม่คิดว่าการตีจะทำให้เด็กเรียนเก่งหรือฉลาดขึ้นค่ะ เราเชื่อว่าที่ทุกวันนี้สมองด้านสร้างไอเดียหรือความกล้าแสดงความคิดเห็นของเด็กไทยบอดเพราะการตีค่ะ เช่น ตอบไม่ได้โดนตี ท่องไม่ได้โดนตี
ซึ่งเพื่อนเราทุกคนที่หัวดีไม่เคยมีใครโดนตีเลยตั้งแต่โตมา เรารู้สึกว่าคนอายุเท่าเราที่โดนตีอยู่ทุกวันนี้ส่วนมากคือพ่อแม่ใช้อารมณ์ตีจริง ๆ หรือไม่ก็เลวร้ายจริง ๆ เพราะวัยนี้ทุกคนต่างคุยกันด้วยเหตุผลได้แล้วแน่ ๆ แหละค่ะ ซึ่งคนที่ยังโดนตีอยู่มีแต่เด็กมีปัญหาทั้งนั้น(จากที่เห็นเฉพาะในโรงเรียนเรานะคะ) แล้วเราก็ไม่เคยคิดเลยว่าในที่สุดมันจะเกิดกับตัวเอง
เราเห็นมาตลอดที่พ่อกับแม่ยกไม้เรียวขู่สุนัขที่เลี้ยงในบ้าน ว่าอยากโดนใช่มั้ย อยากโดนใช่มั้ย เดี๋ยวเหอะ เราไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายพวกท่านจะใช้คำพูดนั้นกับเรา ส่วนไม้เรียวที่เอามาขู่เรามันก็ดูคุ้นตาเหลือเกิน
เราอดไม่ได้ค่ะที่จะคิดว่า เฮ้ย...นี่เราเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ เราไปถึงขั้นนั้นแล้วเหรอ เราคิดมากฟุ้งซ่านไปหมดจนอยู่บ้านอ่านหนังสือไม่ได้เลยค่ะ
พักนี้ไม่ค่อยหิวข้าว กินได้นิดเดียว ไม่รุ้เหมือนกันว่าเกี่ยวกับความเครียดรึเปล่า เราเครียดมากจริง ๆ เพราะงั้นขอยืมพื้นที่ระบายหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
++อัพเดท++
ห้องนอนของเราสะอาดดีค่ะ เพิ่งรีโรเวทห้องไปหมาด ๆ ปกติจะรกเพราะหนังสือล้นตู้เลยต้องตั้ง ๆ ไว้ที่พื้น ตอนนี้ซื้อตู้หนังสือสูง ๆ มาใหม่จากอีเกีย แล้วก็ตู้หนังสือเล็กอีกตู้หนึ่ง ห้องสะอาดดีค่ะ
เหลือแต่เตียง ที่ไม่ค่อยพับผ้าห่ม คุณแม่ก็เลยหันมาใช้วิธีนี้ ไม่ถงไม่ถามถึงสุขภาพกันซักคำ 555+