ที่พักอยู่เป็นบ้านติด ๆ กัน แล้วหลังบ้านก็จะเป็นทางเดินผ่านแต่ละบ้าน แล้วข้างบ้านเค้าก็กั้นห้องในบ้านให้คนอื่นมาเช่า โดยการเข้าออกหลังบ้าน ครอบครัวย้ายมาอยู่ก็นานแล้วค่ะหลายเดือนแล้ว แลก ๆ ก็มีเด็กคนเดียว อยู่ไปอยู่มาก็เพิ่มมาอีกคน จนตอนนี้ปิดเทอมก็เพิ่มมาอีกสองคน กลายเป็นสี่พี่น้องแล้ว เด็กผู้ชายล้วน อายุไล่เลี่ยกันหมดตั้งแต่สองขวบจนถึงห้าขวบ สี่พี่น้องวิ่งเล่นกันตามประสาเด็ก ๆ อยู่ที่ไม่มีผู้ใหญ่มาดูแลเลยสักคนนะคะ พ่อแม่ต่างคนต่างทำไง ทิ้งเด็กไว้ในบ้านตามลำพังเฉย ๆ เค้าจะกลับมาเป็นระยะ ๆ ตลอด เด็ก ๆ พวกนี้ก็วิ่งเล่นส่งเสียงดังกันสุด ๆ เล่นไปเล่นมาก็ทะเลาะกันร้องไห้เสียงดัง ปวดหัวมาก เด็ก ๆ พวกนี้จะไม่ค่อยอยู่ในบ้านค่ะ จะอยู่ตรงหลังบ้านตลอด ถ้าเค้าไปร้องไห้กันในบ้านก็คงไม่มีใครต้องเดือดร้อน แต่นี่อะไรกัน มานั่งร้องไห้โวยวายกันหลังบ้าน
ตอนเช้าสักเจ็ดโมง ก็เริ่มแล้วล่ะค่ะ วิ่งเล่น เสียงดังกันสุด ๆ ทั้งวันเลย พวกเค้าไม่นอนกลางวันกันเลยอ่ะ เล่นกันตลอด ถ้าเราอยู่คนเดียวคงไม่เดือดร้อนมากมายอะไร แต่นี่เราก็มีลูกนะ ลูกชายวัยหนึ่งขวบสามเดือน นอนตื่นเพราะเสียงดังของเด็ก ๆ พวกนี้ทุกวัน กลางคืนนอนก็สะดุ้งตื่นเพราะเด็กชอบเอาของเขวี้ยงใส่ฝาผนัง ตอนเช้าก็มาโวยวายเสียงดัง กลางวันก็วิ่งเล่น เสียงร้องไห้กันระงม และวันสองวันนี้ลูกเราเองก็ไม่สบาย สงสารลูกมาก ขนาดไม่สบายนอนยังต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเด็กพวกนี้อีก ตรงนี้แหละที่ทำให้เราสุดจะทนอ่ะ
เด็กพวกนี้ฟังภาษาไทยไม่เข้าใจด้วย พ่อแม่พูดแต่ภาษามลายู แล้วพูดอะไรไปเค้าก็ฟังไม่เข้าใจ เคยบอกแม่เด็กแล้ว เค้าก็แค่พูดบอกลูกว่าอย่าเสียงดัง แล้วก็เดินไปทำงาน จบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาลูกเราจะนอนโอ้ยอยากจะบ้าตาย คนเป็นแม่ก็รอช่วงที่ลูกนอนนี่แหละจะได้ทำอะไรบ้าง จะได้กินข้าวบ้าง แต่นี่ต้องมาคอยระวังเรื่องเสียง ต้องปิดประตูหน้าต่างทุกอย่าง แต่ก็ไม่ค่อยได้ช่วงอะไร เด็กสี่คนเสียงดัง รื้อข้าวของ รื้อกระถางต้นไม้ รื้อทุกอย่าง พ่อแม่ก็ไม่สนใจ ไม่เก็บอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเป็นฝีมือลูกตัวเอง
พอจะมีวิธีอะไรมั้ยค่ะ ที่จะทำให้สถานการณ์มันดูดีขึ้นหน่อย คนเป็นแม่อย่างเราไมเกรนขึ้นทุกวันเลยค่ะ รอวันที่จะย้ายออก แต่มันก็ยังอีกหลายเดือนกว่าบ้านตัวเองจะเสร็จ ที่สำคัญเด็กพวกนี้ร้ายมากด้วยนะคะ ก้าวร้าวสุด ๆ สายตาที่มองผู้ใหญ่ เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยอ่ะ
ปวดหัวจริง ๆ ค่ะ
เสียงดังจากเด็กข้างบ้าน เอาไงดี จะทนไม่ไหวแล้วนะ
ตอนเช้าสักเจ็ดโมง ก็เริ่มแล้วล่ะค่ะ วิ่งเล่น เสียงดังกันสุด ๆ ทั้งวันเลย พวกเค้าไม่นอนกลางวันกันเลยอ่ะ เล่นกันตลอด ถ้าเราอยู่คนเดียวคงไม่เดือดร้อนมากมายอะไร แต่นี่เราก็มีลูกนะ ลูกชายวัยหนึ่งขวบสามเดือน นอนตื่นเพราะเสียงดังของเด็ก ๆ พวกนี้ทุกวัน กลางคืนนอนก็สะดุ้งตื่นเพราะเด็กชอบเอาของเขวี้ยงใส่ฝาผนัง ตอนเช้าก็มาโวยวายเสียงดัง กลางวันก็วิ่งเล่น เสียงร้องไห้กันระงม และวันสองวันนี้ลูกเราเองก็ไม่สบาย สงสารลูกมาก ขนาดไม่สบายนอนยังต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเด็กพวกนี้อีก ตรงนี้แหละที่ทำให้เราสุดจะทนอ่ะ
เด็กพวกนี้ฟังภาษาไทยไม่เข้าใจด้วย พ่อแม่พูดแต่ภาษามลายู แล้วพูดอะไรไปเค้าก็ฟังไม่เข้าใจ เคยบอกแม่เด็กแล้ว เค้าก็แค่พูดบอกลูกว่าอย่าเสียงดัง แล้วก็เดินไปทำงาน จบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาลูกเราจะนอนโอ้ยอยากจะบ้าตาย คนเป็นแม่ก็รอช่วงที่ลูกนอนนี่แหละจะได้ทำอะไรบ้าง จะได้กินข้าวบ้าง แต่นี่ต้องมาคอยระวังเรื่องเสียง ต้องปิดประตูหน้าต่างทุกอย่าง แต่ก็ไม่ค่อยได้ช่วงอะไร เด็กสี่คนเสียงดัง รื้อข้าวของ รื้อกระถางต้นไม้ รื้อทุกอย่าง พ่อแม่ก็ไม่สนใจ ไม่เก็บอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเป็นฝีมือลูกตัวเอง
พอจะมีวิธีอะไรมั้ยค่ะ ที่จะทำให้สถานการณ์มันดูดีขึ้นหน่อย คนเป็นแม่อย่างเราไมเกรนขึ้นทุกวันเลยค่ะ รอวันที่จะย้ายออก แต่มันก็ยังอีกหลายเดือนกว่าบ้านตัวเองจะเสร็จ ที่สำคัญเด็กพวกนี้ร้ายมากด้วยนะคะ ก้าวร้าวสุด ๆ สายตาที่มองผู้ใหญ่ เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยอ่ะ
ปวดหัวจริง ๆ ค่ะ