ALONE: โรดทริปรอบประเทศมอนเตเนโกร วันที่ 1 (3)

ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/30235563
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/30364395

ตอน น้ำใจ



    ฉัน: ม้า ให้ป๊าส่งที่อยู่ที่บ้านมาทางวอทส์แอพพ์ให้หน่อยได้มั้ยคะ มิ้นลืมอ่ะ
    แม่: จะเอาไปทำอะไรล่ะ
    ฉัน: เดี๋ยวจะส่งอะไรไปให้ สวยๆ
    แม่: ได้ๆ เดี๋ยวบอกให้ส่งตอนนี้เลย แล้ววันนี้ทำอะไรมาบ้าง
    ฉัน: เรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะ ซื้อครีม
    แม่: ซื้อครีม?!?!
    ฉัน: มาจากอิสราเอลด้วย เก๋มะ
    แม่: ซื้อครีมอิสราเอลที่มอนเตเนโกร...    

    วันว่าง...
    แผนการวันนี้ คือ การพยายามวาง ‘แผน’ สำหรับวันที่เหลือในมอนเตเนโกร
    ฉันรู้แค่ว่าฉันอยากไป Durmitor National Park
    ฉันเลือกจะไปที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่ฉันเลือกไปที่ Mljet National Park ในโครเอเชีย นั่นก็คือ พี่กูเกิ้ลบอกว่ามันสวย
    พี่บอกน้อง น้องก็เชื่อพี่
    ฉันใช้เวลาช่วงสายถามไปทั่วว่ามีวิธีไหนที่พอจะไปได้บ้าง คำตอบที่ได้ก็คือ
เช่ารถแล้วขับไป
ซื้อทัวร์
    ตัวเลือกที่หนึ่งจบไปเพราะฉันไม่มีใบขับขี่สากล ขับรถก็ไม่แข็ง ไอที่ว่าจะให้ขับรถลุยเดี่ยวไปคนเดียว ดูจะเป็นอันตรายต่อชีวิตจนเกินไป
    ส่วนตัวเลือกที่สองก็น่าสนใจ ติดแต่ว่าทัวร์ที่โฮสเทลที่ฉันพักอยู่จัด นอกจากราคาค่อนข้างสูงแล้ว ยังไม่ได้ไปแค่ที่นี่ที่เดียวแต่ต้องไปล่องแก่งด้วย ฉันกับน้ำจืดไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่ อีกอย่างฉันก็ไม่อยากขาแข้งหัก สำลักน้ำ คอนแทคเลนส์หลุด ฉันเลยไปติดต่อกับทัวร์ของอีกโฮสเทลนึง แต่โชคดันไม่เข้าข้าง คนไม่พอจะจัดเสียนี่
    เอาไงดี(วะ)?
    เวลาคิดอะไรไม่ออก อย่าไปจม ถ้าจะได้ไปมันก็จะได้ไปเอง ฉันคิดแบบนี้นะ อีกอย่างสลาเวนโก้(เจ้าของโฮสเทล)ก็ให้สัญญากับฉันว่าจะลองดูๆให้ ฉันบ่นเรื่องนี้กับสเตฟานี่เล็กน้อย นางไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ชวนฉันไปเดินเล่นในเมือง
    ฉันตอบตกลง
    ด้วยความที่ย่านเมืองเก่ามีขนาดเล็กกะทัดรัด พวกเราเลยเดินกันแบบตาชมตึก สองมือถือไอติม ส่วนแผนที่ก็เก็บไว้ในกระเป๋า สองสิ่งที่ห้ามพลาด คือ โบสถ์ St. Tryphon Cathedral  ซึ่งเป็นโบสถ์ประจำเมือง อายุอานามปาไปเกือบพันปี และพิพิธภัณฑ์ Maritime Museum
    ถึงฉันจะบอกว่าห้ามพลาด แต่ตัวฉันกับสเตฟานี่พลาด...
    จะเรียกว่าพลาดทีเดียวก็ไม่ถูก เพราะพวกเราเลือกที่จะไม่เข้า อย่าหาว่าฉันเป็นคนไม่มีอารยธรรมเลยนะ แต่หลังจากอยู่ยุโรปมาเกือบสามปี ดูโบสถ์มาเป็นร้อย ฉันเริ่มจะหมดความสนใจกับสิ่งก่อสร้างของมนุษย์คอเคซอยด์เสียแล้ว ส่วนสเตฟานี่ นางว่านางขอเก็บสตางค์ไว้กินข้าวดีกว่า
    แล้วพวกเราทำอะไรกันบ้างเล่า?
    ซื้อโปสการ์ดส่งให้แม่ และซื้อครีม
    ฮะ!! ซื้อครีม... ฉันรู้ว่ามันบ้า แต่นางสาวอิสราเอลเขาขายของเก่งจริงๆ
    เดินผ่านร้าน ครีมป้ายมือ ลากเข้าร้าน  กล่อม โชว์ของเป็นล้าน โปะสิ่งต่างๆลงที่หน้าและตัว ลดราคา ขาย ซื้อ เสร็จ!
    สเตฟานี่ี่ที่ตั้งใจว่าจะเก็บเงินไว้กินข้าว... ไม่ต้องพูดถึง
    พวกเราสำนึกผิด เดินกลับโฮสเทลแบบไม่พูดไม่จา
    วันนี้ว่างจริงๆ กระเป๋าตังค์น่ะนะ
    
    ความฝัน หรือ ความจริง
    ณ โฮสเทล
    ฉันสวมวิญญาณนักขายเกลี้ยกล่อมสเตฟานี่ให้เช่ารถไปกับฉัน ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว ฉันชี้ชวนให้นางดูรูปหลายสิบใบที่แปะหราไว้ที่ผนังด้านหนึ่งของโฮสเทล
    “It’s going to be wicked fun. Trust me” ฉันย้ำเป็นรอบที่สาม
    “Fine! It’s 60 euros per day to rent a car, right? Pretty cheap though.” นางตอบตกลง
    เยส!!
    ตกลงกันว่า นางจะรับผิดชอบเรื่องขับรถ ส่วนฉันต้องเรียนรู้เส้นทางและแผนที่
    เย็นวันนั้นฉันขอให้สลาเวนโก้อธิบายเส้นทางให้ฟัง เขานั่งลงอธิบายอย่างใจเย็น ทั้งลากเส้น วาดวงกลม และเขียนยุกยิกๆลงบนแผนที่ ฉันนั่งฟังเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาว่าวันแรกให้ไปที่ Durmitor National Park ส่วนวันที่สองก็ให้ไปที่ Skadar Lake National Park แล้วยึดเอา Kotor เป็นจุดศูนย์กลางและเป็นที่นอน
    เส้นทางแรกจะเหนื่อยมากหน่อยเพราะว่าต้องใช้เวลาขับรถนาน กว่าจะกลับมาถึงก็น่าจะมืดค่ำ ประมาณการว่าออกแปดโมง กลับมาถึงสามทุ่ม ฉันกังวลใจเล็กน้อย เพราะใครบ้างอยากขับรถดึกๆในประเทศที่ไม่คุ้นเคย แถมเส้นทางยังคดเคี้ยวเป็นงู
    “Do you think it’s safe to drive at night in the mountain?” ฉันหยุดถามหลายครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลใจ ฉันไม่รู้ว่าสเตฟานี่จะขับไหวหรือไม่
    สลาเวนโก้หยุดคิด แล้วเดินออกไปกดโทรศัพท์หาใครบางคน เมื่อเดินกลับมา เขาบอกว่า
    “You can stay at my parent’s place tomorrow night. It’s in Niksic and it’s on the way. From Durmitor National Park, it takes about an hour or so. You will be there on time for dinner”
    “What? Really?” ฉันไม่เชื่อหูตัวเอง
    “Yes. My mom will prepare a room for you two.” เขายืนยันพร้อมส่งยิ้มกว้าง
    เฮ้ย!! ฉันอึ้งไป ตกใจ ดีใจ ประหลาดใจ งง เฮ้ย!!
    พวกเรานั่งสรุปแผนการ Road Trip ซึ่งก็คือ


    วันแรก: Kotor - Durmitor National Park - Crno Jezero(Black Lake) - Đurđevića Tara Bridge - Niksic (ค้างคืนที่บ้านสลาเวนโก้)
    วันที่สอง: Niksic - Skadar Lake National Park - Lovcen National Park - Kotor
    ฉันขอบคุณเขาไม่ขาดปาก งุนงง ประทับใจ ทำไมเขามีน้ำใจกับพวกฉันขนาดนี้ ถ้ามาลองนั่งคิดดูดีๆ ฉันกับสเตฟานี่เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ถ้าให้พูดแรงๆก็คือ ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาจากไหน เขากลับเปิดบ้านของครอบครัวรับคนแปลกหน้าสองคนนี้ไปนอน เพราะเขาเป็นห่วงความปลอดภัย ไม่อยากให้ขับรถดึกๆดื่นๆ
    พวกเราเจอกันเมื่อวาน แต่น้ำใจที่เขาหยิบยื่นให้มันใสกิ๊งไม่มีข้อแม้เรื่องเวลาหรืออะไรทั้งสิ้น ผู้คนที่ฉันพบระหว่างทางมักจะทำให้ฉันประหลาดใจได้เสมอ นี่เองคงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ฉันไม่เคยรู้สึกเบื่อการเดินทาง
    คืนนี้ก่อนนอน ฉันยังครุ่นคิด ฉันยังไม่อยากจะเชื่อ น้ำใจที่ฉันได้รับมัน ‘เหนือ’ จริง คืนนี้คงไม่ต้องฝัน เพราะมันคงไม่มีอะไร ‘เหนือ’ จริงมากกว่านี้อีกแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่