หลังจากโดนลบไปสองกระทู้ติดๆกัน
ผมไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องร้านตัวเองยังไงให้ไม่ผิดกฏ
เอาเป็นตามนี้หล่ะกันครับ ผมมาเล่าความฝันของผมในการทำ "ร้านอาหาร" ให้ฟังกัน
ในกระทู้นี้ จะไม่มีภาพ และข้อความเพื่อโฆษณา แต่จะบอกถึงวิธีการ และขั้นตอน กว่าจะได้มันมา
ผมลงรูปไม่เป็น แต่จะแปะลิงค์ไว้ หวังว่าคงไม่ผิดกฏ
(บางตอนของข้อความเหล่านี้ อาจจะมีคำพูดไม่สุภาพบ้าง ซึ่งผมได้เซ็นเซ่อร์ตัวเองแล้วด้วยการพิมพ์
หากท่านที่รับไม่ได้ อย่าอ่านต่อครับ)
รบกวนซักนิดครับ ถึง Admin และผู้ที่ประสงค์แจ้งลบกระทู้ผม...
ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำในการใช้งานเว็บบอร์ดเพิ่มขึ้นนะครับ
หากว่ากระทู้นี้ยังผิดอีก ผมรบกวนช่วยให้เหตุผล ที่ยาวซักนิด และเข้าใจง่ายหน่อยจะเป็นพระคุณมาก
ผมยังอ่อนหัดเรื่องนี้อยู่มาก และพร้อมจะน้อมรับการแก้ไข เพื่อไม่ให้ผิดกฏหรือระเบียบ Webboard นี้แต่อย่างใด
เรื่องมีอยู่ว่า........
ในอดีตที่ผ่านมาในวัยเยาว์ ตั้งแต่เริ่มจำอะไรได้บ้าง
ก็จะเห็น พ่อ และแม่ ประกอบอาหารให้ทานอยู่เป็นประจำ
พ่อและแม่ผม เหมือนเป็น Chef คนแรกที่ผมเห็น พ่อจะแนวอาหารจีน เน้นหนักไปทางเนื้อ สเต็ก ตุ๋นนี่นู้นนั่น
แต่แม่ จะเน้นไปทางอาหาร "กุหลา" หรือเค้าเรียก "ไทยใหญ่" เชื่อว่าบอกชื่ออาหารไป น้อยคนนักที่จะรู้จัก
เพราะหาทาน โคตรยาก เนื่องจากมันใช้เวลาทำแต่ละอย่าง โคตรนาน และส่วนประกอบ แม่งโคตรเยอะ
มะเขืออุ๊บ , หมูลุง , หมูนาบ , ผัดกระเจี๊ยบ , หน่อไม้อุ๊บ , ถั่วเน่า ฯลฯ ถามหน่อยเหอะ...ใครรู้จักมั่งวะ
ผมเริ่มทำอาหารเป็นตั้งแต่เด็ก เริ่มจากทำกินเอง ทำให้คนในบ้านกิน
เริ่มจากอาหารง่ายๆ หมูกระเทียม ผัดกระเพรา ไข่ตุ่น ลามปามไปเรื่อยเปื่อย
จนพออายุน่าจะ 14-15 มั้งนะ ญาติเปิดร้านอาหารตามสั่ง เลยมีโอกาศได้ลองทำให้คนอื่นกินบ้าง
การเปิดร้านอาหารตามสั่งของญาติผม ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ในการทำอาหารของผมมาก
ผมได้ทำ ผัดซี้อิ้ว ราดหน้า ข้าวผัด ซึ่งมารู้ตอนหลังว่าเค้าไม่ใส่ซีอิ้วดำกันแล้ว
ทุกเมนูในร้านอาหารตามสั่งเกือบ 80-90% ผมทำได้ตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากนั้นก็เรื่อยเปื่อย ทำนู้นนี่นั่นไปเรื่อย (หมายถึงอาหารนะ)
เน้นกิน ชอบ จำ แล้วกลับมาทำ อาหารส่วนใหญ่ที่ผมทำ คืออาหารที่ผมกินเป็น
บางอย่างที่ดูจะวุ่นวาย ก็หลีกเลี่ยงไม่ทำในตอนนั้น ก็ยังหาแนวไม่ได้ในชีวิต.......
ครั้งนึง ในสมัยเรียนหนังสืออยู่ในระดับมหาวิทยาลัย
ผมมีความคิดอยากจะทำร้านอาหาร เรียกว่าฝันกันเลยดีกว่า เพราะแม่งเกินเอื้อมสุดๆ
ผมฝันอยากมีร้านที่สยามสแควร์ ข้างๆร้านรถดีเด็ด (เคยกินป่ะ)
เป็นห้องแถว 2 คูหา3-4 ชั้นไม่แน่ใจ เท่าที่คะเน น่าจะ4ชั้นนะ
เปิดขายอาหารอีสาน สไตล์ฟิวชั่น (Fusion) คือแบบหน้าตาต้องดี จัดจานแปลกๆ
ไม่เยอะ ไม่น้อย แดกพออิ่มบ้างไม่อิ่มบ้างแต่ต้องถ่ายรูปสวย
(สมัยนั้นที่คิด ยังไม่มี Facebook หรือแม้แต่ Hi5 ไม่งั้นกว่าจะได้กิน แม่งคงถ่ายซะจืดก่อน)
คิดจนครบทุกกระบวนการขั้นตอน รวมถึงการออกแบบ (ตอนนั้นเรียน สถาปัตย์กรรม อยู่)
รวมถึงไปเสาะหาวิธีการคิด คำนวนต้นทุน รายได้ รายจ่าย สารพัดสารพัน
ครบถ้วนกระบวนความ ทั้งหมดที่ร้านอาหารควรมี
ถึงเวลาที่ต้องไปติดต่อเจ้าของที่.........
ผมจำตัวเลขแน่ชัดไม่ได้ว่ากี่บาท แต่จำได้ว่า "ล้านบาทไทย"
คาดเคลื่อนนิดหน่อย นี่คือค่ามัดจำนี่นู้นนั่น ก่อนเข้าอยู่ รวมถึงค่าเช่าล่วงหน้า อะไรประมาณนี้
นี่มันเช่าห้องหรือที่เชี่ยอะไรนี่ครับ...แพงชิหอย
ผมรวบรวมตัวเลขทั้งหมด เขียนใส่กระดาษ กะจะไป Present เพื่อขอเงินกับ คุณพ่อ
ท่านใจดีมาก เป็นคนมีเหตุผล และหลักการณ์ ผมถึงต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
เพื่อหวังชนะใจท่าน ขอเงินมาลงทุนทำร้านอาหาร เดินตามฝัน....
พ่อถีบหน้าหงาย.....วิ่งแทบไม่ทัน
ล้อเล่นครับ......ไม่ได้ถีบ แค่บอกว่าในวัยของผม (ตอนนั้น20กว่าๆ) มันยังเร็วไปในการลงทุน
ซึ่งจำได้ว่าเบ็ดเสร็จใช้เงินเกือบ 7 ล้านบาท... และครอบครัวเรา ก็ไม่ได้ร่ำรวยมากขนาดนั้น
ถ้าอยากทำ ไปหาความรู้เพิ่ม และที่สำคัญ..ต้องหาเงินด้วยตัวเอง...
จบข่าว.....
ผมเก็บความน้อยใจในตอนนั้น และคำสอนของพ่อ กลับมาชอกช้ำอยู่พักใหญ่
หลังจากนั้นก็ลืมเลือนไปตามประสาวัยรุ่น มีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะแยะ
เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยจริงๆนะ.........
เชื่อมั้ย...แม้แต่ชื่อร้าน...ผมยังคิดเอาไว้เลย
"ฐานทัพลาว"
แค่ชื่อแม่งก็เจ็บจี๊ดโดนใจแล้ว....ไม่ให้กูทำได้ไงวะ 55555+
เวลาล่วงเลยผ่านมาสิบกว่าปี ผ่านนี่นู้นนั่นอะไรมากมายก่ายกอง
ทั้งนี้รวมถึงประสบการณ์ในการทำอาหารของผมด้วย ผมก็ยังไม่เคยเรียนทำอาหารที่ไหนจริงจัง
แม้ว่าช่วงนึงของชีวิต เกือบจะได้เรียนแล้วก็ตาม
เคยมากสุดคือหลังจากเรียนจบ ป.ตรี ไปสมัครงานเป็น ผู้ช่วยกุ๊ก เพื่ออยากเรียนทำอาหาร
แต่พ่อครัวแม่งเป็นตุ๊ด จ้องจะเอาแตงกว่ามันเสียบตูดผม ทำได้ 3 วัน....กูเผ่นดีกว่า
เวลาผ่านไป ทำงาน ทำงาน ทำงาน โตขึ้น โตขึ้น
เริ่มทำธุรกิจกับเพื่อน พี่น้อง กินเหล้าจัดๆ อยากมีร้านเหล้า เอ้าาาา ทามมมมม
เห้ย...คิดชื่อร้าน นี่นู้นนั่น ไม่โดนใจซักอย่าง.....สุดท้าย "ฐานทัพลาว" กลับเข้ามาในหัว.....
ชื่อร้าน "ฐานทัพลาว" ร้านเหล้าร้านแรกของชีวิตผมเลยเกิดขึ้น
ร้านเหล้าเล็กๆ แต่หุ้นส่วนแม่งเพียบ แค่กินกันเองก็มีค่าเช่าแล้ว ลูกค้าเยอะ
แต่ตอนนั้นก็ไม่มีอาหารขาย ใช้่วิธีสั่งร้านข้างๆเอา บลา บลา บลา
จนวันนึง หุ้นแม่งเยอะจัด ทะเลาะกันเอง ถอนหุ้นบ้าง ไรบ้าง
สุดท้ายก็ปิดปรับปรุงกิจการแบบไม่มีกำหนด
แต่ไม่เจ๊งนะ....แค่ปรับปรุง
เชื่อมั้ย รอบที่2 .....
หลังจากนั้น ชื่อ "ฐานทัพลาว" ก็เป็นชื่อที่ติดปากของกลุ่ม กลายเป็น บริษัท ออแกนไนซ์เซอร์
ที่ผมและน้องๆทำกันขึ้นมา รับงานอีเว้น อีเวร อีห่า อีเหว รับแม่งหมด
ตอนทำร้านเหล้า พื้นที่ร้านแม่งเล็กกว่าห้องในอพาท์เมนท์
แต่ดันมี 2 คอนเสริต และอีก 1 แรลลี่... เจ๋งป่ะ
ทุกอย่างก็เลือนลางไปบ้างตามกาลเวลา........
(อ่านต่อตอนหน้าครับ)
ปอลิง24/4/56: ได้ทำการแก้ไขสัญลักษณ์
ที่เซนเซ่อร์ด้วยตัวเองเอาไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมดเท่านั้น โดยไม่มีการลบหรือเปลี่ยนข้อความใดๆ เลย ปรากฏว่าไม่มีคำหยาบเลยฮะ น่าชื่นใจ
เอาเป็นว่า...ผมมาเล่าความฝันให้ฟังก็หล่ะกัน(ดราม่านิดๆ สำหรับคนมีเวลา) Ep.1
ผมไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องร้านตัวเองยังไงให้ไม่ผิดกฏ
เอาเป็นตามนี้หล่ะกันครับ ผมมาเล่าความฝันของผมในการทำ "ร้านอาหาร" ให้ฟังกัน
ในกระทู้นี้ จะไม่มีภาพ และข้อความเพื่อโฆษณา แต่จะบอกถึงวิธีการ และขั้นตอน กว่าจะได้มันมา
ผมลงรูปไม่เป็น แต่จะแปะลิงค์ไว้ หวังว่าคงไม่ผิดกฏ
(บางตอนของข้อความเหล่านี้ อาจจะมีคำพูดไม่สุภาพบ้าง ซึ่งผมได้เซ็นเซ่อร์ตัวเองแล้วด้วยการพิมพ์ หากท่านที่รับไม่ได้ อย่าอ่านต่อครับ)
รบกวนซักนิดครับ ถึง Admin และผู้ที่ประสงค์แจ้งลบกระทู้ผม...
ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำในการใช้งานเว็บบอร์ดเพิ่มขึ้นนะครับ
หากว่ากระทู้นี้ยังผิดอีก ผมรบกวนช่วยให้เหตุผล ที่ยาวซักนิด และเข้าใจง่ายหน่อยจะเป็นพระคุณมาก
ผมยังอ่อนหัดเรื่องนี้อยู่มาก และพร้อมจะน้อมรับการแก้ไข เพื่อไม่ให้ผิดกฏหรือระเบียบ Webboard นี้แต่อย่างใด
เรื่องมีอยู่ว่า........
ในอดีตที่ผ่านมาในวัยเยาว์ ตั้งแต่เริ่มจำอะไรได้บ้าง
ก็จะเห็น พ่อ และแม่ ประกอบอาหารให้ทานอยู่เป็นประจำ
พ่อและแม่ผม เหมือนเป็น Chef คนแรกที่ผมเห็น พ่อจะแนวอาหารจีน เน้นหนักไปทางเนื้อ สเต็ก ตุ๋นนี่นู้นนั่น
แต่แม่ จะเน้นไปทางอาหาร "กุหลา" หรือเค้าเรียก "ไทยใหญ่" เชื่อว่าบอกชื่ออาหารไป น้อยคนนักที่จะรู้จัก
เพราะหาทาน โคตรยาก เนื่องจากมันใช้เวลาทำแต่ละอย่าง โคตรนาน และส่วนประกอบ แม่งโคตรเยอะ
มะเขืออุ๊บ , หมูลุง , หมูนาบ , ผัดกระเจี๊ยบ , หน่อไม้อุ๊บ , ถั่วเน่า ฯลฯ ถามหน่อยเหอะ...ใครรู้จักมั่งวะ
ผมเริ่มทำอาหารเป็นตั้งแต่เด็ก เริ่มจากทำกินเอง ทำให้คนในบ้านกิน
เริ่มจากอาหารง่ายๆ หมูกระเทียม ผัดกระเพรา ไข่ตุ่น ลามปามไปเรื่อยเปื่อย
จนพออายุน่าจะ 14-15 มั้งนะ ญาติเปิดร้านอาหารตามสั่ง เลยมีโอกาศได้ลองทำให้คนอื่นกินบ้าง
การเปิดร้านอาหารตามสั่งของญาติผม ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ในการทำอาหารของผมมาก
ผมได้ทำ ผัดซี้อิ้ว ราดหน้า ข้าวผัด ซึ่งมารู้ตอนหลังว่าเค้าไม่ใส่ซีอิ้วดำกันแล้ว
ทุกเมนูในร้านอาหารตามสั่งเกือบ 80-90% ผมทำได้ตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากนั้นก็เรื่อยเปื่อย ทำนู้นนี่นั่นไปเรื่อย (หมายถึงอาหารนะ)
เน้นกิน ชอบ จำ แล้วกลับมาทำ อาหารส่วนใหญ่ที่ผมทำ คืออาหารที่ผมกินเป็น
บางอย่างที่ดูจะวุ่นวาย ก็หลีกเลี่ยงไม่ทำในตอนนั้น ก็ยังหาแนวไม่ได้ในชีวิต.......
ครั้งนึง ในสมัยเรียนหนังสืออยู่ในระดับมหาวิทยาลัย
ผมมีความคิดอยากจะทำร้านอาหาร เรียกว่าฝันกันเลยดีกว่า เพราะแม่งเกินเอื้อมสุดๆ
ผมฝันอยากมีร้านที่สยามสแควร์ ข้างๆร้านรถดีเด็ด (เคยกินป่ะ)
เป็นห้องแถว 2 คูหา3-4 ชั้นไม่แน่ใจ เท่าที่คะเน น่าจะ4ชั้นนะ
เปิดขายอาหารอีสาน สไตล์ฟิวชั่น (Fusion) คือแบบหน้าตาต้องดี จัดจานแปลกๆ
ไม่เยอะ ไม่น้อย แดกพออิ่มบ้างไม่อิ่มบ้างแต่ต้องถ่ายรูปสวย
(สมัยนั้นที่คิด ยังไม่มี Facebook หรือแม้แต่ Hi5 ไม่งั้นกว่าจะได้กิน แม่งคงถ่ายซะจืดก่อน)
คิดจนครบทุกกระบวนการขั้นตอน รวมถึงการออกแบบ (ตอนนั้นเรียน สถาปัตย์กรรม อยู่)
รวมถึงไปเสาะหาวิธีการคิด คำนวนต้นทุน รายได้ รายจ่าย สารพัดสารพัน
ครบถ้วนกระบวนความ ทั้งหมดที่ร้านอาหารควรมี
ถึงเวลาที่ต้องไปติดต่อเจ้าของที่.........
ผมจำตัวเลขแน่ชัดไม่ได้ว่ากี่บาท แต่จำได้ว่า "ล้านบาทไทย"
คาดเคลื่อนนิดหน่อย นี่คือค่ามัดจำนี่นู้นนั่น ก่อนเข้าอยู่ รวมถึงค่าเช่าล่วงหน้า อะไรประมาณนี้
นี่มันเช่าห้องหรือที่เชี่ยอะไรนี่ครับ...แพงชิหอย
ผมรวบรวมตัวเลขทั้งหมด เขียนใส่กระดาษ กะจะไป Present เพื่อขอเงินกับ คุณพ่อ
ท่านใจดีมาก เป็นคนมีเหตุผล และหลักการณ์ ผมถึงต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
เพื่อหวังชนะใจท่าน ขอเงินมาลงทุนทำร้านอาหาร เดินตามฝัน....
พ่อถีบหน้าหงาย.....วิ่งแทบไม่ทัน
ล้อเล่นครับ......ไม่ได้ถีบ แค่บอกว่าในวัยของผม (ตอนนั้น20กว่าๆ) มันยังเร็วไปในการลงทุน
ซึ่งจำได้ว่าเบ็ดเสร็จใช้เงินเกือบ 7 ล้านบาท... และครอบครัวเรา ก็ไม่ได้ร่ำรวยมากขนาดนั้น
ถ้าอยากทำ ไปหาความรู้เพิ่ม และที่สำคัญ..ต้องหาเงินด้วยตัวเอง...
จบข่าว.....
ผมเก็บความน้อยใจในตอนนั้น และคำสอนของพ่อ กลับมาชอกช้ำอยู่พักใหญ่
หลังจากนั้นก็ลืมเลือนไปตามประสาวัยรุ่น มีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะแยะ
เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยจริงๆนะ.........
เชื่อมั้ย...แม้แต่ชื่อร้าน...ผมยังคิดเอาไว้เลย
"ฐานทัพลาว"
แค่ชื่อแม่งก็เจ็บจี๊ดโดนใจแล้ว....ไม่ให้กูทำได้ไงวะ 55555+
เวลาล่วงเลยผ่านมาสิบกว่าปี ผ่านนี่นู้นนั่นอะไรมากมายก่ายกอง
ทั้งนี้รวมถึงประสบการณ์ในการทำอาหารของผมด้วย ผมก็ยังไม่เคยเรียนทำอาหารที่ไหนจริงจัง
แม้ว่าช่วงนึงของชีวิต เกือบจะได้เรียนแล้วก็ตาม
เคยมากสุดคือหลังจากเรียนจบ ป.ตรี ไปสมัครงานเป็น ผู้ช่วยกุ๊ก เพื่ออยากเรียนทำอาหาร
แต่พ่อครัวแม่งเป็นตุ๊ด จ้องจะเอาแตงกว่ามันเสียบตูดผม ทำได้ 3 วัน....กูเผ่นดีกว่า
เวลาผ่านไป ทำงาน ทำงาน ทำงาน โตขึ้น โตขึ้น
เริ่มทำธุรกิจกับเพื่อน พี่น้อง กินเหล้าจัดๆ อยากมีร้านเหล้า เอ้าาาา ทามมมมม
เห้ย...คิดชื่อร้าน นี่นู้นนั่น ไม่โดนใจซักอย่าง.....สุดท้าย "ฐานทัพลาว" กลับเข้ามาในหัว.....
ชื่อร้าน "ฐานทัพลาว" ร้านเหล้าร้านแรกของชีวิตผมเลยเกิดขึ้น
ร้านเหล้าเล็กๆ แต่หุ้นส่วนแม่งเพียบ แค่กินกันเองก็มีค่าเช่าแล้ว ลูกค้าเยอะ
แต่ตอนนั้นก็ไม่มีอาหารขาย ใช้่วิธีสั่งร้านข้างๆเอา บลา บลา บลา
จนวันนึง หุ้นแม่งเยอะจัด ทะเลาะกันเอง ถอนหุ้นบ้าง ไรบ้าง
สุดท้ายก็ปิดปรับปรุงกิจการแบบไม่มีกำหนด
แต่ไม่เจ๊งนะ....แค่ปรับปรุง
เชื่อมั้ย รอบที่2 .....
หลังจากนั้น ชื่อ "ฐานทัพลาว" ก็เป็นชื่อที่ติดปากของกลุ่ม กลายเป็น บริษัท ออแกนไนซ์เซอร์
ที่ผมและน้องๆทำกันขึ้นมา รับงานอีเว้น อีเวร อีห่า อีเหว รับแม่งหมด
ตอนทำร้านเหล้า พื้นที่ร้านแม่งเล็กกว่าห้องในอพาท์เมนท์
แต่ดันมี 2 คอนเสริต และอีก 1 แรลลี่... เจ๋งป่ะ
ทุกอย่างก็เลือนลางไปบ้างตามกาลเวลา........
(อ่านต่อตอนหน้าครับ)
ปอลิง24/4/56: ได้ทำการแก้ไขสัญลักษณ์ ที่เซนเซ่อร์ด้วยตัวเองเอาไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมดเท่านั้น โดยไม่มีการลบหรือเปลี่ยนข้อความใดๆ เลย ปรากฏว่าไม่มีคำหยาบเลยฮะ น่าชื่นใจ