(รีวิว) เกรียนฟิคชั่น (2013) : บ่องตงเป็นเกรียนมันโคตรเหนื่อย!!


(ข้อเขียนนี้พูดถึงเนื้อหาของหนังบางส่วน แต่ไม่เปิดเผยความลับสำคัญ)

ถ้าหนังอย่าง คน ผี ปีศาจ, 13 เกมสยอง, รักแห่งสยาม, Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ยังการันตีความเป็นผู้กำกับหนัง "ดราม่าคุณภาพ" ของ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ไม่พอ ผลงานล่าสุดอย่าง "เกรียนฟิคชั่น" น่าจะช่วยย้ำสถานภาพดังกล่าวให้ชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น เพราะนี่ไม่ใช่หนังวัยรุ่นเกรียนๆ กากๆ เหมือนที่ชื่อหนังบอก และก็ไม่ใช่หนังเกย์ๆ อย่างที่ตัวอย่างชวนให้เข้าใจผิด แต่มันเป็นหนังดราม่าวัยรุ่นแนว coming of age ที่มีความจริงจัง และทำออกมาได้ลงตัวมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

"เกรียนฟิคชั่น" ตั้งใจพูดถึงชีวิตวัยเรียน ม.ปลาย ในมุมที่พยายามบอกว่ามันคือ "จุดเปลี่ยนผ่านสำคัญ" ที่มีผลกับการกำหนดทางเดินชีวิตของแต่ละคนในสเต็ปถัดๆ ไป โดยที่มีเรื่องของ ความรัก เพื่อน โรงเรียน และครอบครัว เป็นปัจจัยที่พร้อมจะผลักดันให้เป็นไปในทางที่ดี หรือดิ่งลงหุบเหว ได้ทุกเมื่อ

หนังเล่าเรื่องเกี่ยวกับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านมุมมองของตัวละครหลักที่ชื่อ "ตี๋" เด็กบ้านแตกที่มี ทิพย์ พี่สาวเป็นญาติเพียงคนเดียว โดยที่เรื่องราวทั้งหมดมีต้นตอมาจากการที่ ตี๋ ได้ไปทำให้ พลอยดาว นักเรียนหญิงระดับหัวแถวของชมรมการละคร ได้รับความอับอาย จนกลายเป็นคนที่หมดความสามารถทางการแสดง และอนาคตที่ถูกคาดหมายไว้ว่าจะประสบความสำเร็จในวงการบันเทิง ก็พลันต้องดับวูบไปกับเหตุการณ์ในครั้งนี้

ซึ่งฝ่าย ตี๋ เองที่แอบชอบพลอยดาวอยู่ลึกๆ ก็รู้สึกผิด และสิ่งที่เกิดขึ้นก็กลายเป็นปมฝังใจที่ต้องพยายามแก้ไขสะสางให้พลอยดาวกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ ก่อนที่ชีวิต ม.ปลายจะจบลงแล้วต้องแยกย้ายกันไป แต่ด้วยจังหวะชีวิตที่ไม่ลงตัว ทั้งจากเพื่อน และ ทิพย์ ผู้เป็นพี่สาว ก็ได้ทำให้เกิดเหตุการณ์อื่นๆ ประเดประดังเข้ามาจน ตี๋ ปวดร้าวถึงขั้นเลือกที่จะทิ้งอนาคตของตนเอง หนีหายจากโรงเรียน หนีหายจากทุกคน ไปใช้ชีวิต "ของจริง" ในแบบที่ไม่มีตำรา ม.ปลายเล่มไหนเคยสอน ส่งผลให้ "ความรู้สึกผิด" ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากเรื่องของตี๋และพลอยดาว แผ่ขยายไปยังคนอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อนาคตของ ตี๋ ต้องบิดเบี้ยวออกนอกเส้นทาง

เรื่องราวหลักที่ว่าด้วยเพื่อน มิตรภาพ ความรัก และการเติบโต เหล่านี้ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างหนักแน่น อบอุ่น และมีอารมณ์ขันเบาๆ ที่ไม่หวือหวา แต่ก็ได้ผลและไม่น่าเบื่อ นักแสดงหน้าใหม่ไหลลื่นไปกับบทแบบยกทีม ขณะที่งานถ่ายภาพสวยๆ กับสกอร์ประกอบแนวแอมเบี้ยน/โพสต์ร็อค เวิ้งๆ ฟุ้งๆ แม้จะมีโผล่มาไม่มากนัก แต่ก็ทำหน้าที่เพิ่มความเหงาและความขรึมให้กับหนังในหลายจังหวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนั้นในรายละเอียดปลีกย่อยของเนื้อหา หนังยังไปไกลด้วยการแอบวิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษา ที่ตัวละครในเรื่องนี้บอกว่าเป็นเหมือนสเต็ปชีวิตที่ "คนไม่รู้จัก" หยิบยื่นมาให้ และการสอบมันก็เป็นแค่เรื่อง "คำตอบในกระดาษ" ที่แทบจะนำมาตอบอะไรในชีวิตจริงไม่ได้เลย

แต่หนังก็ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาโยนบาปให้กับ "ระบบ" แต่เพียงถ่ายเดียว เพราะเมื่อมาถึงบทสรุปส่งท้าย หนังเลือกที่จบแบบฉลาดๆ ด้วยการหยิบเรื่อง "ครอบครัว" มาเป็นประเด็นปิดเรื่อง กับจุดหักมุมที่เหมือนหมัดฮุกเด็ดๆ ส่งตรงเข้าปลายคาง ให้คนดูได้อึ้ง จุก สะเทือน และถือเป็นการหักมุมที่สอดรับกับเรื่องราวทั้งหมดที่วางมาตั้งแต่ต้นเป็นอย่างดี

ซึ่งจะว่าไปแล้วครอบครัวก็ถือเป็นเบ้าหลอมชีวิตที่สำคัญไม่แพ้ เพื่อน การศึกษา หรือสิ่งอื่นๆ ถ้ามันแตกแยกหรือล้มเหลว แล้วไม่ได้รับการใส่ใจที่จะแก้ไข มันก็พร้อมที่จะส่งต่อความแตกแยก หรือล้มเหลวนั้นไปสู่คนในครอบครัวรุ่นถัดไป

คะแนน : สามดาวครึ่ง

(หน้าหนังอาจจะวัยรุ๊นวัยรุ่น แต่ผู้ใหญ่ดูก็อินนะจ๊ะ เพราะผู้ใหญ่ก็คือวัยรุ่นเมื่อนานมาแล้วนั่นเอง ^^)
ฝากแฟนเพจกด like ด้วยจ้า http://www.facebook.com/pages/เกรียนหนัง/112834835539518

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่