นี่เป็นกระทู้เเรกหลังจากเเอบส่องมานาน ยาวมากๆเพราะงั้นใครไม่อยากอ่านข้ามไปได้เลยนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมมีเพื่อนสาวคนนึงที่สนิทกันมากๆครับ รู้จักกันมาตั้งเเต่เด็กๆ ชนิดที่ว่า เรียนอนุบาลด้วยกัน เรียนประถมด้วยกัน เรียน ม.ต้นด้วยกัน ถึงเเม้ว่าช่วง ม.ปลายอาจจะต้องห่างๆกันบ้างเพราะผมต้องเบนตัวไปทางด้านสายช่างอาชีวะ เเต่เราก็ยังคุยๆกันอยู่ตลอดครับ
ผมยอมรับครับว่าผมติดเพื่อนคนนี้เอามากๆ เพราะตอนเป็นเด็กเป็นคนตัวเล็ก อ่อนเเอเเละมีเพื่อมาเเกล้งบ่อยๆทำให้ไม่ชอบเข้าสังคม เเถมยังขี้อาย นั่นทำให้ผมมีเพื่อนน้องลงไปอีก ก็มีเเต่เพื่อนสาวคนนี้เเหละครับที่มาคอยปลอบใจผม คอยช่วยผมตอนโดนเเกล้ง (นึกเเล้วก็ขำตัวเอง เป็นผู้ชายเเท้กลับเอาเเต่ร้องให้ เเถมต้องให้ผู้หญิงมาปลอบอีก) กลับกันนิสัยห้าวๆของเธอก็ไม่เป็นที่ชอบใจของกลุ่มเด็กผู้หญิงนักทำให้เธอเองก็ติดผมมากอยู๋เหมือนกัน เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอดครับ กินข้าวด้วยกัน เล่นด้วยกัน ขนาดเข้าห้องน้ำยังต้องให้ผมไปรอหน้าห้องน้ำเลย(อาการหนักทั้งคู่ครับเพราะผมจะเข้าห้องน้ำก็ต้องให้เข้ามารอเหมือนกัน) เราไปไหนมาไหนเป็นคู่ตลอด ต่อมาก็เป็นปกติที่พวกเราจะโดนเเซว โดนล้อ ว่าเป็นเเฟนกันบ้าง คู่ผัวเมียบ้าง เพื่อนผมพอโดนล้มมากๆก็ตวาดกลับไป ส่วนผมนั้นได้เเต่นั่งน้ำตาปริบๆอยู่หลังห้อง เพราะคิดว่าเป็นคำด่าที่เเรง เเละเเม่สอนว่าอย่าไปพูดกับผู้หญิงเเบบนั้น ผู้หญิงจะเสียหาย
พอนานวันเข้าเพื่อนๆก็เลิกล้อไปเลยครับ เเบบว่า ไม่รู้จะล้อกันทำไมเเล้ว ล้อผมเราก็ไปไหนมาไหนกันเป็นคู่อยู่ดี จนใครๆในโรงเรียนก็รู้ว่าพวกผมเป็นคู่หู"ปาท่องโก๋"เพราะตัวติดกันมากๆ ถ้าอาจารย์ให้เพื่อนมาเรียกตัวเพื่อนสาวของผม มันก็จะออกตามหาผม เพราะรู้กันอยุ่ว่าผมอยู่ไหนเธออยู่นั่น ถ้าจะตามเก็บสมุดการบ้านของผม ก็ไปถามหาที่เธอได้เลย เพราะมันจะอยู่ที่เธอเเน่ๆ(เธอเอาไปลอกนั่นเอง)
เเละชีวิตก็มาถึงจุดเปลี่ยน ผมตั้งใจจะเปลี่ยนตัวเองช่วงเข้าม.ต้น ไม่เอาเเล้วผู้ชายขี้เเงเมื่อวันวาน จากนี้ไปเราจะเป็นคนใหม่ จะไม่ต้องคอยพึ่งเพื่อนสาวคนนี้อีกต่อไป (หลังจากรำลากันไปช่วงประถมก็พอรู้ได้ว่าเธอต่อม.ต้นคนละที่กับผม ซึ่งตรงกับเเผนการในใจผมพอดี) ผมทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆเริ่มกล้าคุยกล้าเเสดงออกมากขึ้นจนกลายเป็นคนพูดจ้อทั้งวัน ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากๆ เพราะเพื่อนๆที่นี่ไม่ดูถูกผม ไม่เเกล้งผมเลย เเต่ไม่รู้บุญกรรมหรือผีผลักยังไง เพื่อนสาวของผมก็ดันมาเรียนอยุ่ห้องเดียวกับผมอีก! ให้ตาย! ตอนนั้นผมคิดๆอยู่ว่าโรงเรียนเปิดเทมอจะเดือนนึงเเล้วทำไมถึงโผล่มาได้ ตอนร่ำลากันก็พูดเอาไว้อย่างซึ้งพอมาเจอหน้ากันตอนนี้ก็ดูกร่อยไปเลย
หลังจากนั้นเรื่องก็เข้าอีรอบเดิมอีกครั้ง ถึงผมจะไม่ขี้เเงเเล้วเเต่ก็ตัวติดเธอตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน นั่งฟังเพลงด้วยกัน จนผมเองก็เสียโอกาศจะไปกระชับความสำพันธ์กับเพื่อนคนอื่นๆ ส่วนเธอก็พูดไว้ว่า "เราไม่คิดจะหาเพื่อนเพิ่ม เพื่อนจอมปลอมมีมากๆก็ไม่ดีหรอก" ผมเลยต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะทนเห็นเธอนั่งอยู่คนเดียวไม่ได้ ต่อมาก็เกิดเรื่่องขึ้นอีกเเบบเดิมๆ ถึงเพื่อนๆในห้องจะไม่ได้ล้อผมตรงๆ เเต่ก็ลือกันหนาหูว่าพวกผมนั้นคบกันเเบบเเฟน อาจเป็นเรื่องปกติของเด็กม.ต้น เเต่ด้วยความที่เราสนิทกันมากไปไหนมาไหนกันตลอด ประกอบกับไม่มีเพื่อนเพิ่มขึ้นเลย อาจารย์ก็เลยเรียกผมไปซักอยู่บ่อยๆว่า เป็นอะไรกัน? ทำไมไม่คิดจะคบเพื่อนคนอื่นดูบ้าง? ถ้าเเม่รู้ไม่กลัวเเม่ว่าเหรอ? จนบ่อยครั้งเข้า ผมก็ป่วยการจะตอบ ปล่อยให้ข่าวลือมันลอยไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนผมกับเธอเป็นที่โด่งดังอีกครั้งใครก็รู้กันว่าพวกเราคบกันอยู่
เเล้วก็เกิดเรื่่องขึ้น มีผู้ชายมาจีบเธอ ผมต้องยอมรับว่าเธอเองก็เป็นคนสวยคนหนึ่ง เเต่ที่ผ่านๆมาไม่มีใครกล้าจีบเพราะคิดว่าผมเป็นเเฟนเธอ จนวันดีคืนร้ายก็มีผู้ชายกล้าเข้ามา เธอมาเล่าให้ผมฟัง ผมสังเกตเห็นว่าเธอเองก็ชอบเขาอยู่ไม่เบาเลยไม่ได้ทักอะไร ช่วงเริ่มต้นของเขาเเละเธอนั้นดีมาก เขากล้ามากที่ฝ่าข่าวลือเข้ามาจีบเธอเเละเป็นเเฟนกับเธอท่ามกลางข่าวลือที่เกี่ยวกับตัวผม เเต่เเล้วเรื่องก็ชักไม่สวยอย่างที่คิด เพราะเขาเริ่มรับไม่ได้กับข่าวลือที่ไม่ได้ลดลงเลย เขาเริ่มตั้งคำถาม ทำไมต้องกินข้างพร้อมผม? ทำไมต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน? ทำไมต้องเป็นห่วงผม? ทำไม่ต้องให้ผมไปรอหน้าห้องน้ำ? เเละอีกสาระพัดทำไมที่เขากระหน่ำถามเธอ เธอเเอบร้องให้เเละมาระบายกับผมบ่อยๆ เธอเสียใจมาก เพราะไม่คิดว่าเขาจะไม่ไว้ใจ เเละ ว่าร้ายเธอได้ขนาดนี้ทั้งๆที่เธอบอกว่าผมเป็นเพื่อนที่สนิทกันมานานเเล้ว เเล้วที่ทำๆอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษเเปลกใหม่ เราอยู่ด้วยกันเป็นคู่มากนานเเล้ว นั่นทำให้เขายิ่งฉุน บอกว่าถ้ารักกันมากขนาดนั้นจะมาคบกับเขาทำไม หลายครั้งที่เธอมาร้องให้ไส่ผมด้วยเรื่องเหล่านี้ จนผมไม่สบายใจเเละเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าเราเป็นอะไรกัน?
ผมเริ่มตีตัวออกห่างจากเธอ เพราะทนเห็นเธอร้องให้ไม่ได้ ผมรู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่เเย่ เเต่ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออก คิดเเต่ว่าอยากให้เขาสบายใจจะได้ไม่ชวนเธอทะเลาะอีก จังหวะนี้เองที่ทำให้ผมได้รู้รักกับผู้หญิงคนหนึ่ง รักครั้งเเรก มันช่างอบอุ่นหัวใจ เธอเป็นคนอัธยาศัยดีเเละคุยเก่ง ไม่นานเราก็เริ่นสนิทเเละตกลงคบกัน(ซึ่งในความจริงคือผมคิดไปเองคนเดียว) เพื่อนสาวของผมเริ่มออกปากเตือน ว่าเธอเป็นคนนิสัยไม่ดี เเละมีประวัติเกี่ยวกับการหลอกลวงผู้ชาย ผมจำได้ว่าวันนั้นผมโมโหมาก เพราะเพื่อนสนิทผมดันมาว่าร้ายเเฟนผมได้ เราทะเลาะกันรุนเเรง ผมบอกเธอว่าเธอไม่มีสิทธิมายุ่งเรื่องของผม! ขนาดเรื่องของเธอผมยังไม่ยุ่งเลย! เธอร้องให้เสียใจ ไม่คิดว่าผมจะกล้าตะคอกไส่เธอ เราเลิกคุยกันไปพักใหญ่ๆ ผมรู้สึกดีที่หลุดพ้นจากผู้หญิงคนนี้มาได้สักที ตอนนี้ผมมีกลุ่มเพื่อนใหม่ ผมมีเเฟน ทำไมผมจะต้องสนเธออีก ผมไม่ใช่เด็กผู้ชายตัวน้อยให้เธอมาคอยปลอบอีกเเล้ว...
เเละเรื่องราวร้ายๆที่เธอเคยบอกไว้ก็เป็นจริง ผมถูกหลอก เธอไม่เคยเป็นเเฟนผม ไม่เคยคิดกับผมอย่างนั้น ที่ผ่านมาเธอเเค่หาเพื่อนคุย หรืออะไรทำนองนั้น ผมรู้สึกเหมือนชาที่ใบหน้าอยู่ตลอดเวลา มันเเบบ จะร้องให้ก็ร้องไม่ออก เพราะโง่เอง เริ่มซึมเศร้า เริ่มติดยาเสพติด เริ่มเสเพล ไม่สนใจเรียน ประกอบกับเรื่องทางบ้านที่พ่อเเม่เเยกทางกัน ผมเลยเป็นเด็กบ้านเเตกสมบูรณ์เเบบ เพื่อนสาวของผมพยายามช่วยผมขึ้นมา ผมกลับไม่สนใจ ผมไม่อยากฟังคำพูดของเธออีกเเล้ว เธอเองก็คงเหมือนผู้หญิงคนที่ทิ้งผมไป กะจะมาหลอกให้ผมเชื่อใจเเล้วตีจากอีกคนละซิ!
จนวันนึงตอนผมนั่งเล่นอยู่ที่ริมระเบียง เธอเดินเข้ามากอดผม เเบบไม่สนคนรอบข้าง ผมตกใจเเละจะผลักเธอออกไป บอกเธอว่าไม่กลัวใครเอาไปบอกเเฟนรึไง เธอบอกเธอไม่สน ไม่สนอีกเเล้ว เธอทนเห็นผมอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้อีกเเล้ว! ผมน้ำตาซึม ไม่คิดว่าจะยังมีคนจริงใจกับผมอยู่ ผมสัญญากับเธอว่าเราจะเริ่มกันใหม่ ผมจะปรับตัวใหม่ เป็นคนดี ขยันเรียนดังเดิมให้ได้ มันยากมากในตอนเริ้่มเเรก เพราะกลุ่มเพื่อนๆรับไม่ได้ที่ผมอยู่ๆก็กลายเป็นเด็กเรียนเอาดื้อๆ หัวโจกที่ไปไหนไปกัน กลับไปเป็นเด็กเนิร์ดติดผู้หญิงอย่างเดิม ผมโดนล้ออย่างรุนเเรง ด่าทอเสียๆหายๆ พวกเพื่อนๆของอดีตเเฟน (หรือไม่เคยเป็น) ก็นินทาผมอยู่เป็นพักๆ เเต่ผมก็ไม่ไส่ใจ มุ่งหน้าเรียนลูกเดียว ชีวิตผมดีขึ้นเรื่องๆ กลับกันกับชีวิตของเธอที่เเย่ลง เเฟนของเธอหึงเเละทะเลาะกันเเรงขึ้นเรื่อยๆ เขารับไม่ได้กับข่าวที่ว่าเธอกอดผม(อันที่จริงเราก็กอดกันตลอด เเค่ไม่เคยทำตอนมีคนอยู่ เเละไม่เคยป่าวประกาศ) เเละเริ่มไปไหนมาไหนกันผมอีกครั้ง เริ่มมันลุกลามใหญ่โตถึงขั้นหาว่าผมเเย่งเเฟนเขา? ผมเป็นชู้? ถึงจะเป็นความคิดที่ดูตลก เเต่ก็ทำให้ผมกับเขามองหน้ากันไม่ติด มีข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับตัวผมมากมายซึ่งตัวผมเองรับได้ เเต่มันคงหนักเกินไปสำหรับผู้หญิงสักคน เพราะข่าวนี้ดันไปรู้ถึงคนที่บ้านเธอ ทำให้เธอเครียดมากผลการเรียนตกฮวบ จนใครๆว่่า เธอบ้าผู้ชายจนไม่สนใจเรียน ผมโกรธเเทนเเต่ไม่รู้จะทำยังไง เธอเกือบโดนตบเพราะมีคนหาว่าเธอไปเเย่งเเฟนคนอื่น(จริงๆเเล้วเธอไม่ได้เเย่งใคร ตอนมาเเฟนเธอก็เข้ามาจีบเอง พอเห็นผมสนิทกับเธอมากเลยงอนไปคบกับผู้หญิงอีกคน ฟังดูตลกเเต่ผู้หญิงคนนั้นคิดเป็นตุเป็นตะ ด่าว่าถ้าเลือกจะเอาผมเเล้วยังจะรั้งเเฟนไว้ทำไม)
ผมไม่มีความคิดจะต่อยตีกับเด็กผู้หญิง เเต่ตอนนั้นผมเเทบทนไม่ไหวที่จะตบปากพวกนั้นไปสักฉาด เเต่เพื่อนสาวผมก็ห้ามเอาไว้ บอกให้ผมอดทน ผมก็ทำตามนั้น เรื่องราวร้ายๆผ่านไปอย่างช้าๆ จนในที่สุดมันก็จบลง เราจบม.ต้นกันจนได้ ผมเสียใจลึกๆที่จะไม่ได้เจอกันบ่อยๆเหมือนเดิมอีกเพราะผมต้องเรียนสายช่าง ผมคงอดคิดถึงเพื่อนสาวคนนี้ไม่ได้ เราจากกันด้วยดีอีกครั้ง ถึงไม่มีคำร่ำลาที่สวยหรู เเต่เราก็รู้ว่ามันจะยังคงมีมิตรภาพดีๆให้กันต่อไป
ผมตั้งใจเรียนกับวิชาช่างมากจนผมไม่ค่อยได้โทรไปคุยกับเธอบ่อยนัก เเต่ก็พอจะรู้ได้ว่าเธอไม่ค่อยสบายใจ เหมือนว่าความรักวัยรุ่นของเธอกับเขาถึงจุดอิ่มตัว เเละมันคงเเย่ลงทุกวันๆ ผมโทรไปหาเธอเพื่อถามถึงความเป็นอยู่ จนได้ความว่าช่วงหลังมานี้เเย่มากๆ เขาขู่จะเลิกกับเธออยู่บ่อยๆ เเละเขาเองก็เริ่มมีคนใหม่ เเต่ใจมันรักเขาไปเเล้ว จากนี้ไปคงต้องอดทน ผมสงสารเธอมาก เเต่ก็ทำได้เเค่คุยปลอบใจ เธอบอกให้ผมลองหาใครสักคน อย่าเครียดกับชีวิตมากนัก ย้ำว่าอยากเลือกพลาดเเบบเธอ ผมก็เออออไปตามนั้น จนวันนึงผมก็ไปพบกับเเฟนคนปัจจุบัน เธอเป็นพี่สาวของเพื่อน ผมเริ่มคบกับเธอโดยไม่เทใจให้เหมือนคนก่อน เพราะประสพการณ์มันสอนให้จำ เเต่เธอก็เป็นคนดีมาก คอยดูเเลผมตลอดถึงเธอจะขี้หึงไปบ้าง เเต่ความดีของเธอก็ชนะใจผม เเล้วเเฟนของผมก็เริ่มรู้ถึงการโทรคุยกันของผมกับเพื่อน เธอโมโหมาก บอกว่าทำกับเธอเเบบนี้ได้ยังไง ผมบอกผมทำอะไร! ผมเเค่โทรคุยกับเพื่อนสนิทเหมือนเคยๆ ก่อนหน้าจะเข้าไปจีบเธอเป็นเเฟนก็ได้เพื่อนสาวคนนี้เเนะนำ ผมพยายามอธิบายว่าเราสนิทกันเเค่ไหน เป็นเพื่อนกันมานานเเล้ว ไม่คิดจะจีบกันหรอก เเต่เธอไม่เชื่อ ตัดพ้อว่าถ้ารักกันนักทำไมไม่ไปรักกันเลยล่ะ! นั่นทำให้ผมต้องตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งว่า เราเป็นอะไรกัน ทำไมการคบกันของผมกับเพื่อนถึงเป็นปัญหาของใครตลอด เเล้วที่เราทำอยู่มันผิดตรงไหน! จนในที่สุดผมก็ต้องเลิกคุยกับเพื่อนสาวเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เพื่อนสาวเองก็รับได้เเละสัญญาว่าจะเลิกโทรมาอีก เเต่ใจเจ้ากรรมก็ดันพลั้งเผลอตัวอยู่ตลอด เครียดอะไรก็ยังโทรไปหาเธอ คิดถึงก็โทรไปหา มีเรื่องอะไรก็โทรไปเล่า เหมือนเดิม เธอเองก็คงอดไม่ได้ โทรมาหาผมเหมือนเดิม คำสัญญาขาดสะบั้นลง เเฟนของผมโมโหมากๆ เธอร้องให้ ร้องให้หนักมากจนผมเเทบบ้า ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเเค่การโทรคุยกันจะเป็นปัญหาใหญ่ เธอว่าเพื่อนเขาไม่โทรคุยกันบ่อยขนาดนี้ ไม่เป็นห่วงกันขนาดนี้ ไม่เเคร์กันขนาดนี้ ผมพยายามอธิบายเธอเเต่มันเปล่าประโยชน์ เธอไม่รับฟังผมอีกเเล้ว เเต่ก็รักผมเกินกว่าจะทิ้้งผมไปได้ ผมเหมือนผู้ชายเลวๆที่ชอบทำร้ายจิตใจผู้หญิง ทั้งๆที่ผมว่า ผมไม่ได้ทำอะไรเลย!
จนวันหนึ่งเพื่อนสาวผมโทรมาหลังจากหายไปนาน(เพราะโทรมาเเล้วเเฟนผมรับเลยมีดราม่ากันยกใหญ่) เธออยากเจอผม อยากคุยกันหน่อยเรื่องสำคัญ เเต่ผมไปไม่ได้เเฟนผมว่าถ้าจะไปก็เลิกกันไปเลย ผมจึงจำใจต้องพาเเฟนไปด้วย เพื่อนสาวของผมดูซึมเศร้า เธอเเสร้งยิ้มเเสร้งหัวเราะตลอดเวลา เธอพยายามคุยอธิบายเเฟนของผมให้เข้าใจเเต่เเฟนผมไม่อยากคุยด้วย ตลอดการสนทนาสับเพเหระ ผมรู้ว่าเธอมีเรื่องที่อยากจะบอกผม เเต่เธอก็เก็บมันเอาไว้ เเสร้งถามนู้นนี่ไปเรื่อย จนเเม่ของเเฟนผมโทรมาขอให้กลับไปช่วยงาน ผมตกลงเเละบอกลาเพื่อนของผมอย่างเร่งรีบ เธอบอกลาผมเช่นกัน เเต่ในวินาทีนั้น ในตอนที่เรายกมือขึ้นมาโบกลากันเเละกัน ผมประสานสายตากันเธอ เนิ่นนานจนเหมือนเป็นนาที เเล้วมือของเราก็ค่อยๆ ค่อยๆขยับเข้าไกล้กัน เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนผสานมือกันในที่สุด เธอขยับนิ้วมือเล็กน้อยในอุ้งมือของผม ผมเองก็กุมมือเธอไว้เเน่นเรามองตากันจนเสียกระเเอมไอของเเฟนดังขึ้นปลุกผมจากภวังค์
ยังไม่จบนะครับ
สับสนกับความรู้สึกของตัวเองมากครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมมีเพื่อนสาวคนนึงที่สนิทกันมากๆครับ รู้จักกันมาตั้งเเต่เด็กๆ ชนิดที่ว่า เรียนอนุบาลด้วยกัน เรียนประถมด้วยกัน เรียน ม.ต้นด้วยกัน ถึงเเม้ว่าช่วง ม.ปลายอาจจะต้องห่างๆกันบ้างเพราะผมต้องเบนตัวไปทางด้านสายช่างอาชีวะ เเต่เราก็ยังคุยๆกันอยู่ตลอดครับ
ผมยอมรับครับว่าผมติดเพื่อนคนนี้เอามากๆ เพราะตอนเป็นเด็กเป็นคนตัวเล็ก อ่อนเเอเเละมีเพื่อมาเเกล้งบ่อยๆทำให้ไม่ชอบเข้าสังคม เเถมยังขี้อาย นั่นทำให้ผมมีเพื่อนน้องลงไปอีก ก็มีเเต่เพื่อนสาวคนนี้เเหละครับที่มาคอยปลอบใจผม คอยช่วยผมตอนโดนเเกล้ง (นึกเเล้วก็ขำตัวเอง เป็นผู้ชายเเท้กลับเอาเเต่ร้องให้ เเถมต้องให้ผู้หญิงมาปลอบอีก) กลับกันนิสัยห้าวๆของเธอก็ไม่เป็นที่ชอบใจของกลุ่มเด็กผู้หญิงนักทำให้เธอเองก็ติดผมมากอยู๋เหมือนกัน เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอดครับ กินข้าวด้วยกัน เล่นด้วยกัน ขนาดเข้าห้องน้ำยังต้องให้ผมไปรอหน้าห้องน้ำเลย(อาการหนักทั้งคู่ครับเพราะผมจะเข้าห้องน้ำก็ต้องให้เข้ามารอเหมือนกัน) เราไปไหนมาไหนเป็นคู่ตลอด ต่อมาก็เป็นปกติที่พวกเราจะโดนเเซว โดนล้อ ว่าเป็นเเฟนกันบ้าง คู่ผัวเมียบ้าง เพื่อนผมพอโดนล้มมากๆก็ตวาดกลับไป ส่วนผมนั้นได้เเต่นั่งน้ำตาปริบๆอยู่หลังห้อง เพราะคิดว่าเป็นคำด่าที่เเรง เเละเเม่สอนว่าอย่าไปพูดกับผู้หญิงเเบบนั้น ผู้หญิงจะเสียหาย
พอนานวันเข้าเพื่อนๆก็เลิกล้อไปเลยครับ เเบบว่า ไม่รู้จะล้อกันทำไมเเล้ว ล้อผมเราก็ไปไหนมาไหนกันเป็นคู่อยู่ดี จนใครๆในโรงเรียนก็รู้ว่าพวกผมเป็นคู่หู"ปาท่องโก๋"เพราะตัวติดกันมากๆ ถ้าอาจารย์ให้เพื่อนมาเรียกตัวเพื่อนสาวของผม มันก็จะออกตามหาผม เพราะรู้กันอยุ่ว่าผมอยู่ไหนเธออยู่นั่น ถ้าจะตามเก็บสมุดการบ้านของผม ก็ไปถามหาที่เธอได้เลย เพราะมันจะอยู่ที่เธอเเน่ๆ(เธอเอาไปลอกนั่นเอง)
เเละชีวิตก็มาถึงจุดเปลี่ยน ผมตั้งใจจะเปลี่ยนตัวเองช่วงเข้าม.ต้น ไม่เอาเเล้วผู้ชายขี้เเงเมื่อวันวาน จากนี้ไปเราจะเป็นคนใหม่ จะไม่ต้องคอยพึ่งเพื่อนสาวคนนี้อีกต่อไป (หลังจากรำลากันไปช่วงประถมก็พอรู้ได้ว่าเธอต่อม.ต้นคนละที่กับผม ซึ่งตรงกับเเผนการในใจผมพอดี) ผมทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆเริ่มกล้าคุยกล้าเเสดงออกมากขึ้นจนกลายเป็นคนพูดจ้อทั้งวัน ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากๆ เพราะเพื่อนๆที่นี่ไม่ดูถูกผม ไม่เเกล้งผมเลย เเต่ไม่รู้บุญกรรมหรือผีผลักยังไง เพื่อนสาวของผมก็ดันมาเรียนอยุ่ห้องเดียวกับผมอีก! ให้ตาย! ตอนนั้นผมคิดๆอยู่ว่าโรงเรียนเปิดเทมอจะเดือนนึงเเล้วทำไมถึงโผล่มาได้ ตอนร่ำลากันก็พูดเอาไว้อย่างซึ้งพอมาเจอหน้ากันตอนนี้ก็ดูกร่อยไปเลย
หลังจากนั้นเรื่องก็เข้าอีรอบเดิมอีกครั้ง ถึงผมจะไม่ขี้เเงเเล้วเเต่ก็ตัวติดเธอตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน นั่งฟังเพลงด้วยกัน จนผมเองก็เสียโอกาศจะไปกระชับความสำพันธ์กับเพื่อนคนอื่นๆ ส่วนเธอก็พูดไว้ว่า "เราไม่คิดจะหาเพื่อนเพิ่ม เพื่อนจอมปลอมมีมากๆก็ไม่ดีหรอก" ผมเลยต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะทนเห็นเธอนั่งอยู่คนเดียวไม่ได้ ต่อมาก็เกิดเรื่่องขึ้นอีกเเบบเดิมๆ ถึงเพื่อนๆในห้องจะไม่ได้ล้อผมตรงๆ เเต่ก็ลือกันหนาหูว่าพวกผมนั้นคบกันเเบบเเฟน อาจเป็นเรื่องปกติของเด็กม.ต้น เเต่ด้วยความที่เราสนิทกันมากไปไหนมาไหนกันตลอด ประกอบกับไม่มีเพื่อนเพิ่มขึ้นเลย อาจารย์ก็เลยเรียกผมไปซักอยู่บ่อยๆว่า เป็นอะไรกัน? ทำไมไม่คิดจะคบเพื่อนคนอื่นดูบ้าง? ถ้าเเม่รู้ไม่กลัวเเม่ว่าเหรอ? จนบ่อยครั้งเข้า ผมก็ป่วยการจะตอบ ปล่อยให้ข่าวลือมันลอยไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนผมกับเธอเป็นที่โด่งดังอีกครั้งใครก็รู้กันว่าพวกเราคบกันอยู่
เเล้วก็เกิดเรื่่องขึ้น มีผู้ชายมาจีบเธอ ผมต้องยอมรับว่าเธอเองก็เป็นคนสวยคนหนึ่ง เเต่ที่ผ่านๆมาไม่มีใครกล้าจีบเพราะคิดว่าผมเป็นเเฟนเธอ จนวันดีคืนร้ายก็มีผู้ชายกล้าเข้ามา เธอมาเล่าให้ผมฟัง ผมสังเกตเห็นว่าเธอเองก็ชอบเขาอยู่ไม่เบาเลยไม่ได้ทักอะไร ช่วงเริ่มต้นของเขาเเละเธอนั้นดีมาก เขากล้ามากที่ฝ่าข่าวลือเข้ามาจีบเธอเเละเป็นเเฟนกับเธอท่ามกลางข่าวลือที่เกี่ยวกับตัวผม เเต่เเล้วเรื่องก็ชักไม่สวยอย่างที่คิด เพราะเขาเริ่มรับไม่ได้กับข่าวลือที่ไม่ได้ลดลงเลย เขาเริ่มตั้งคำถาม ทำไมต้องกินข้างพร้อมผม? ทำไมต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน? ทำไมต้องเป็นห่วงผม? ทำไม่ต้องให้ผมไปรอหน้าห้องน้ำ? เเละอีกสาระพัดทำไมที่เขากระหน่ำถามเธอ เธอเเอบร้องให้เเละมาระบายกับผมบ่อยๆ เธอเสียใจมาก เพราะไม่คิดว่าเขาจะไม่ไว้ใจ เเละ ว่าร้ายเธอได้ขนาดนี้ทั้งๆที่เธอบอกว่าผมเป็นเพื่อนที่สนิทกันมานานเเล้ว เเล้วที่ทำๆอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษเเปลกใหม่ เราอยู่ด้วยกันเป็นคู่มากนานเเล้ว นั่นทำให้เขายิ่งฉุน บอกว่าถ้ารักกันมากขนาดนั้นจะมาคบกับเขาทำไม หลายครั้งที่เธอมาร้องให้ไส่ผมด้วยเรื่องเหล่านี้ จนผมไม่สบายใจเเละเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าเราเป็นอะไรกัน?
ผมเริ่มตีตัวออกห่างจากเธอ เพราะทนเห็นเธอร้องให้ไม่ได้ ผมรู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่เเย่ เเต่ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออก คิดเเต่ว่าอยากให้เขาสบายใจจะได้ไม่ชวนเธอทะเลาะอีก จังหวะนี้เองที่ทำให้ผมได้รู้รักกับผู้หญิงคนหนึ่ง รักครั้งเเรก มันช่างอบอุ่นหัวใจ เธอเป็นคนอัธยาศัยดีเเละคุยเก่ง ไม่นานเราก็เริ่นสนิทเเละตกลงคบกัน(ซึ่งในความจริงคือผมคิดไปเองคนเดียว) เพื่อนสาวของผมเริ่มออกปากเตือน ว่าเธอเป็นคนนิสัยไม่ดี เเละมีประวัติเกี่ยวกับการหลอกลวงผู้ชาย ผมจำได้ว่าวันนั้นผมโมโหมาก เพราะเพื่อนสนิทผมดันมาว่าร้ายเเฟนผมได้ เราทะเลาะกันรุนเเรง ผมบอกเธอว่าเธอไม่มีสิทธิมายุ่งเรื่องของผม! ขนาดเรื่องของเธอผมยังไม่ยุ่งเลย! เธอร้องให้เสียใจ ไม่คิดว่าผมจะกล้าตะคอกไส่เธอ เราเลิกคุยกันไปพักใหญ่ๆ ผมรู้สึกดีที่หลุดพ้นจากผู้หญิงคนนี้มาได้สักที ตอนนี้ผมมีกลุ่มเพื่อนใหม่ ผมมีเเฟน ทำไมผมจะต้องสนเธออีก ผมไม่ใช่เด็กผู้ชายตัวน้อยให้เธอมาคอยปลอบอีกเเล้ว...
เเละเรื่องราวร้ายๆที่เธอเคยบอกไว้ก็เป็นจริง ผมถูกหลอก เธอไม่เคยเป็นเเฟนผม ไม่เคยคิดกับผมอย่างนั้น ที่ผ่านมาเธอเเค่หาเพื่อนคุย หรืออะไรทำนองนั้น ผมรู้สึกเหมือนชาที่ใบหน้าอยู่ตลอดเวลา มันเเบบ จะร้องให้ก็ร้องไม่ออก เพราะโง่เอง เริ่มซึมเศร้า เริ่มติดยาเสพติด เริ่มเสเพล ไม่สนใจเรียน ประกอบกับเรื่องทางบ้านที่พ่อเเม่เเยกทางกัน ผมเลยเป็นเด็กบ้านเเตกสมบูรณ์เเบบ เพื่อนสาวของผมพยายามช่วยผมขึ้นมา ผมกลับไม่สนใจ ผมไม่อยากฟังคำพูดของเธออีกเเล้ว เธอเองก็คงเหมือนผู้หญิงคนที่ทิ้งผมไป กะจะมาหลอกให้ผมเชื่อใจเเล้วตีจากอีกคนละซิ!
จนวันนึงตอนผมนั่งเล่นอยู่ที่ริมระเบียง เธอเดินเข้ามากอดผม เเบบไม่สนคนรอบข้าง ผมตกใจเเละจะผลักเธอออกไป บอกเธอว่าไม่กลัวใครเอาไปบอกเเฟนรึไง เธอบอกเธอไม่สน ไม่สนอีกเเล้ว เธอทนเห็นผมอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้อีกเเล้ว! ผมน้ำตาซึม ไม่คิดว่าจะยังมีคนจริงใจกับผมอยู่ ผมสัญญากับเธอว่าเราจะเริ่มกันใหม่ ผมจะปรับตัวใหม่ เป็นคนดี ขยันเรียนดังเดิมให้ได้ มันยากมากในตอนเริ้่มเเรก เพราะกลุ่มเพื่อนๆรับไม่ได้ที่ผมอยู่ๆก็กลายเป็นเด็กเรียนเอาดื้อๆ หัวโจกที่ไปไหนไปกัน กลับไปเป็นเด็กเนิร์ดติดผู้หญิงอย่างเดิม ผมโดนล้ออย่างรุนเเรง ด่าทอเสียๆหายๆ พวกเพื่อนๆของอดีตเเฟน (หรือไม่เคยเป็น) ก็นินทาผมอยู่เป็นพักๆ เเต่ผมก็ไม่ไส่ใจ มุ่งหน้าเรียนลูกเดียว ชีวิตผมดีขึ้นเรื่องๆ กลับกันกับชีวิตของเธอที่เเย่ลง เเฟนของเธอหึงเเละทะเลาะกันเเรงขึ้นเรื่อยๆ เขารับไม่ได้กับข่าวที่ว่าเธอกอดผม(อันที่จริงเราก็กอดกันตลอด เเค่ไม่เคยทำตอนมีคนอยู่ เเละไม่เคยป่าวประกาศ) เเละเริ่มไปไหนมาไหนกันผมอีกครั้ง เริ่มมันลุกลามใหญ่โตถึงขั้นหาว่าผมเเย่งเเฟนเขา? ผมเป็นชู้? ถึงจะเป็นความคิดที่ดูตลก เเต่ก็ทำให้ผมกับเขามองหน้ากันไม่ติด มีข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับตัวผมมากมายซึ่งตัวผมเองรับได้ เเต่มันคงหนักเกินไปสำหรับผู้หญิงสักคน เพราะข่าวนี้ดันไปรู้ถึงคนที่บ้านเธอ ทำให้เธอเครียดมากผลการเรียนตกฮวบ จนใครๆว่่า เธอบ้าผู้ชายจนไม่สนใจเรียน ผมโกรธเเทนเเต่ไม่รู้จะทำยังไง เธอเกือบโดนตบเพราะมีคนหาว่าเธอไปเเย่งเเฟนคนอื่น(จริงๆเเล้วเธอไม่ได้เเย่งใคร ตอนมาเเฟนเธอก็เข้ามาจีบเอง พอเห็นผมสนิทกับเธอมากเลยงอนไปคบกับผู้หญิงอีกคน ฟังดูตลกเเต่ผู้หญิงคนนั้นคิดเป็นตุเป็นตะ ด่าว่าถ้าเลือกจะเอาผมเเล้วยังจะรั้งเเฟนไว้ทำไม)
ผมไม่มีความคิดจะต่อยตีกับเด็กผู้หญิง เเต่ตอนนั้นผมเเทบทนไม่ไหวที่จะตบปากพวกนั้นไปสักฉาด เเต่เพื่อนสาวผมก็ห้ามเอาไว้ บอกให้ผมอดทน ผมก็ทำตามนั้น เรื่องราวร้ายๆผ่านไปอย่างช้าๆ จนในที่สุดมันก็จบลง เราจบม.ต้นกันจนได้ ผมเสียใจลึกๆที่จะไม่ได้เจอกันบ่อยๆเหมือนเดิมอีกเพราะผมต้องเรียนสายช่าง ผมคงอดคิดถึงเพื่อนสาวคนนี้ไม่ได้ เราจากกันด้วยดีอีกครั้ง ถึงไม่มีคำร่ำลาที่สวยหรู เเต่เราก็รู้ว่ามันจะยังคงมีมิตรภาพดีๆให้กันต่อไป
ผมตั้งใจเรียนกับวิชาช่างมากจนผมไม่ค่อยได้โทรไปคุยกับเธอบ่อยนัก เเต่ก็พอจะรู้ได้ว่าเธอไม่ค่อยสบายใจ เหมือนว่าความรักวัยรุ่นของเธอกับเขาถึงจุดอิ่มตัว เเละมันคงเเย่ลงทุกวันๆ ผมโทรไปหาเธอเพื่อถามถึงความเป็นอยู่ จนได้ความว่าช่วงหลังมานี้เเย่มากๆ เขาขู่จะเลิกกับเธออยู่บ่อยๆ เเละเขาเองก็เริ่มมีคนใหม่ เเต่ใจมันรักเขาไปเเล้ว จากนี้ไปคงต้องอดทน ผมสงสารเธอมาก เเต่ก็ทำได้เเค่คุยปลอบใจ เธอบอกให้ผมลองหาใครสักคน อย่าเครียดกับชีวิตมากนัก ย้ำว่าอยากเลือกพลาดเเบบเธอ ผมก็เออออไปตามนั้น จนวันนึงผมก็ไปพบกับเเฟนคนปัจจุบัน เธอเป็นพี่สาวของเพื่อน ผมเริ่มคบกับเธอโดยไม่เทใจให้เหมือนคนก่อน เพราะประสพการณ์มันสอนให้จำ เเต่เธอก็เป็นคนดีมาก คอยดูเเลผมตลอดถึงเธอจะขี้หึงไปบ้าง เเต่ความดีของเธอก็ชนะใจผม เเล้วเเฟนของผมก็เริ่มรู้ถึงการโทรคุยกันของผมกับเพื่อน เธอโมโหมาก บอกว่าทำกับเธอเเบบนี้ได้ยังไง ผมบอกผมทำอะไร! ผมเเค่โทรคุยกับเพื่อนสนิทเหมือนเคยๆ ก่อนหน้าจะเข้าไปจีบเธอเป็นเเฟนก็ได้เพื่อนสาวคนนี้เเนะนำ ผมพยายามอธิบายว่าเราสนิทกันเเค่ไหน เป็นเพื่อนกันมานานเเล้ว ไม่คิดจะจีบกันหรอก เเต่เธอไม่เชื่อ ตัดพ้อว่าถ้ารักกันนักทำไมไม่ไปรักกันเลยล่ะ! นั่นทำให้ผมต้องตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งว่า เราเป็นอะไรกัน ทำไมการคบกันของผมกับเพื่อนถึงเป็นปัญหาของใครตลอด เเล้วที่เราทำอยู่มันผิดตรงไหน! จนในที่สุดผมก็ต้องเลิกคุยกับเพื่อนสาวเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เพื่อนสาวเองก็รับได้เเละสัญญาว่าจะเลิกโทรมาอีก เเต่ใจเจ้ากรรมก็ดันพลั้งเผลอตัวอยู่ตลอด เครียดอะไรก็ยังโทรไปหาเธอ คิดถึงก็โทรไปหา มีเรื่องอะไรก็โทรไปเล่า เหมือนเดิม เธอเองก็คงอดไม่ได้ โทรมาหาผมเหมือนเดิม คำสัญญาขาดสะบั้นลง เเฟนของผมโมโหมากๆ เธอร้องให้ ร้องให้หนักมากจนผมเเทบบ้า ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเเค่การโทรคุยกันจะเป็นปัญหาใหญ่ เธอว่าเพื่อนเขาไม่โทรคุยกันบ่อยขนาดนี้ ไม่เป็นห่วงกันขนาดนี้ ไม่เเคร์กันขนาดนี้ ผมพยายามอธิบายเธอเเต่มันเปล่าประโยชน์ เธอไม่รับฟังผมอีกเเล้ว เเต่ก็รักผมเกินกว่าจะทิ้้งผมไปได้ ผมเหมือนผู้ชายเลวๆที่ชอบทำร้ายจิตใจผู้หญิง ทั้งๆที่ผมว่า ผมไม่ได้ทำอะไรเลย!
จนวันหนึ่งเพื่อนสาวผมโทรมาหลังจากหายไปนาน(เพราะโทรมาเเล้วเเฟนผมรับเลยมีดราม่ากันยกใหญ่) เธออยากเจอผม อยากคุยกันหน่อยเรื่องสำคัญ เเต่ผมไปไม่ได้เเฟนผมว่าถ้าจะไปก็เลิกกันไปเลย ผมจึงจำใจต้องพาเเฟนไปด้วย เพื่อนสาวของผมดูซึมเศร้า เธอเเสร้งยิ้มเเสร้งหัวเราะตลอดเวลา เธอพยายามคุยอธิบายเเฟนของผมให้เข้าใจเเต่เเฟนผมไม่อยากคุยด้วย ตลอดการสนทนาสับเพเหระ ผมรู้ว่าเธอมีเรื่องที่อยากจะบอกผม เเต่เธอก็เก็บมันเอาไว้ เเสร้งถามนู้นนี่ไปเรื่อย จนเเม่ของเเฟนผมโทรมาขอให้กลับไปช่วยงาน ผมตกลงเเละบอกลาเพื่อนของผมอย่างเร่งรีบ เธอบอกลาผมเช่นกัน เเต่ในวินาทีนั้น ในตอนที่เรายกมือขึ้นมาโบกลากันเเละกัน ผมประสานสายตากันเธอ เนิ่นนานจนเหมือนเป็นนาที เเล้วมือของเราก็ค่อยๆ ค่อยๆขยับเข้าไกล้กัน เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนผสานมือกันในที่สุด เธอขยับนิ้วมือเล็กน้อยในอุ้งมือของผม ผมเองก็กุมมือเธอไว้เเน่นเรามองตากันจนเสียกระเเอมไอของเเฟนดังขึ้นปลุกผมจากภวังค์
ยังไม่จบนะครับ