คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
การหาตำแหน่งของ GPS
จะใช้การวัดระยะห่างจากสัญญานดาวเทียม อย่างน้อย 4 ดวงขึ้นไปครับ
ดาวเทียม 3 ดวง จะได้พิกัด X , Y (แนวราบ)
พอจับสัญญานได้ 4 ดวงก็จะได้แกน Z ความสูงมาด้วยครับ
เรียกง่าย ๆ ว่าคำนวนตำแหน่งที่เราอยู่ด้วย
การคำนวณด้วยรูปสามเหลี่ยมคณิตศาสตร์ธรรมดานั่นเอง
ดาวเทียมที่มีอยู่รอบโลกเราเพื่อคำนวณตำแหน่ง มีอยู่ 24 ดวงครับ
แต่การใช้งานจริง มีมากกว่า 24 ดวง เพราะจะมีสำรองด้วย
ความแม่นยำ Accuracy ของGPS จะขึ้นอยู่กับจำนวนดาวเทียมที่รับสัญญานได้ครับ
ยิ่งจับดาวเทียมได้มาก ก็จะมีรูปสามเหลี่ยมในการคำนวณเยอะขึ้น แม่นขึ้นนั่นเองครับ
GPS ที่เราใช้ ๆ กัน หากจับดาวเทียมได้มากที่สุดเท่าที่จะจับได้
จะมี Accuracy แนวราบ +- 5 ม. ครับ
เรียกว่า ตำแหน่งที่รายงานว่าเราอยู่ตรงไหนใน GPS จะอยู่รอบ ๆ ตัวเครื่องในรัศมี 5 เมตร
(Accuracy แนวดิ่งหรือความสูง จะผิดมากกว่า แนวราบ2เท่า คือ +- 10 ม.)
ที่จริงก็มี GPS ที่บอกตำแหน่งละเอียดกว่านี้แต่ ก็ตัวใหญ่มาก
Accuracy ระดับ มม. ราคาก็ระดับล้านบาท
กลับมามองที่ความเร็วบ้าง
ความเร็วก็ได้จากการคำนวณตำแหน่งที่เปลี่ยนไปใน 1 วินาทีครับ
ซึ่งถ้าตำแหน่งเราผิดไป +- 5 ม. พอเป็นความเร็ว มันก็ผิดตามตำแหน่งที่ดาวเทียมจับได้นั่นเองครับ
รถทุกยี้ห้อ ทุกรุ่น มักจะทำเข็มความเร็วมากกว่าความเร็วจริงเล็กน้อยครับ
เช่น เข็มไมล์บอก 130 แต่ความเร็วจริง อาจจะแค่ 120 เท่านั้น
เหตุผลว่าทำไม ไม่ทำให้เข็มไมล์บอก 120 เท่าความเร็วจริง ก็เพราะว่า
1. เวลาโดนตำรวจเรียก จับความเร็ว (ขับเร็วเกิน 120 ตามที่กฏหมายกำหนด)
ความเร็วหน้าปัดเราก็โชว์ว่า เป็น 130 ก็จะได้ไม่ต้องเถียงกับตำรวจครับ
เพราะถ้าเราขับ 120 ความเร็วจริงมันแค่ 110 รับรองว่าไม่โดนจับแน่
2. เป็นเชิงจิตวิทยาให้คนขับภาคภูมิใจว่า ฉันขับรถเร็วนะ
และตรงกันข้าม ก็ขู่ไปในตัวว่ามันเร็วมากไปแล้วนะ 555
จะใช้การวัดระยะห่างจากสัญญานดาวเทียม อย่างน้อย 4 ดวงขึ้นไปครับ
ดาวเทียม 3 ดวง จะได้พิกัด X , Y (แนวราบ)
พอจับสัญญานได้ 4 ดวงก็จะได้แกน Z ความสูงมาด้วยครับ
เรียกง่าย ๆ ว่าคำนวนตำแหน่งที่เราอยู่ด้วย
การคำนวณด้วยรูปสามเหลี่ยมคณิตศาสตร์ธรรมดานั่นเอง
ดาวเทียมที่มีอยู่รอบโลกเราเพื่อคำนวณตำแหน่ง มีอยู่ 24 ดวงครับ
แต่การใช้งานจริง มีมากกว่า 24 ดวง เพราะจะมีสำรองด้วย
ความแม่นยำ Accuracy ของGPS จะขึ้นอยู่กับจำนวนดาวเทียมที่รับสัญญานได้ครับ
ยิ่งจับดาวเทียมได้มาก ก็จะมีรูปสามเหลี่ยมในการคำนวณเยอะขึ้น แม่นขึ้นนั่นเองครับ
GPS ที่เราใช้ ๆ กัน หากจับดาวเทียมได้มากที่สุดเท่าที่จะจับได้
จะมี Accuracy แนวราบ +- 5 ม. ครับ
เรียกว่า ตำแหน่งที่รายงานว่าเราอยู่ตรงไหนใน GPS จะอยู่รอบ ๆ ตัวเครื่องในรัศมี 5 เมตร
(Accuracy แนวดิ่งหรือความสูง จะผิดมากกว่า แนวราบ2เท่า คือ +- 10 ม.)
ที่จริงก็มี GPS ที่บอกตำแหน่งละเอียดกว่านี้แต่ ก็ตัวใหญ่มาก
Accuracy ระดับ มม. ราคาก็ระดับล้านบาท
กลับมามองที่ความเร็วบ้าง
ความเร็วก็ได้จากการคำนวณตำแหน่งที่เปลี่ยนไปใน 1 วินาทีครับ
ซึ่งถ้าตำแหน่งเราผิดไป +- 5 ม. พอเป็นความเร็ว มันก็ผิดตามตำแหน่งที่ดาวเทียมจับได้นั่นเองครับ
รถทุกยี้ห้อ ทุกรุ่น มักจะทำเข็มความเร็วมากกว่าความเร็วจริงเล็กน้อยครับ
เช่น เข็มไมล์บอก 130 แต่ความเร็วจริง อาจจะแค่ 120 เท่านั้น
เหตุผลว่าทำไม ไม่ทำให้เข็มไมล์บอก 120 เท่าความเร็วจริง ก็เพราะว่า
1. เวลาโดนตำรวจเรียก จับความเร็ว (ขับเร็วเกิน 120 ตามที่กฏหมายกำหนด)
ความเร็วหน้าปัดเราก็โชว์ว่า เป็น 130 ก็จะได้ไม่ต้องเถียงกับตำรวจครับ
เพราะถ้าเราขับ 120 ความเร็วจริงมันแค่ 110 รับรองว่าไม่โดนจับแน่
2. เป็นเชิงจิตวิทยาให้คนขับภาคภูมิใจว่า ฉันขับรถเร็วนะ
และตรงกันข้าม ก็ขู่ไปในตัวว่ามันเร็วมากไปแล้วนะ 555
แสดงความคิดเห็น
ทำไมคิดว่า GPS บอกความเร็วได้ตรงกว่าไมล์ติดรถครับ
แล้วเทียบกับ GPS ที่มีการรับส่งสัญญาณจากดาวเทียม
ซึ่งผมคิดว่าการส่งสัญญาณจาก GPS ไปดาวเทียม และจากดาวเทียมกลับมา
มันน่าจะมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง GPS แต่ละยี่ห้อก็รับสัญญาณได้ดีต่างกัน
ความคลาดเคลื่อนก็น่าจะต่างกันครับ
แล้วทำไมไมล์รถถึงแข็งอ่อนไม่เท่ากันครับ ยี่ห้อเดียวกันแต่คนละรุ่นไมล์ไม่เท่ากัน