ค่าเงินเเข็งทำให้บริษัทนำเข้ากำไรเยอะขึ้น เเต่อัตราภาษีที่สูงของบ้านเรา กลับเป็นตัวเร่งทำให้บริษัทนำเข้ากำไรยิ่งกว่า

กระทู้สนทนา
ช่วงนี้คงมีเเต่คนพูดถึงค่าเงินบาท การที่เงินบาทเเข็งค่าขึ้น ก็น่าจะทำให้เรามีความสามารถซื้อของนำเข้าในเข้าในราคาถูก สามารถไปเที่ยวต่างประเทศในราคาถูกลง(ช่วงนี้คนเลยเเห่ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมากขึ้น เยอะจริงๆ เเอบอิจฉา) เลยนึกไปรถนำเข้า ตั้งเเต่ต้นปีเงินบาทวันที่28 ธันวา 30.60 จนการทั่งวันที่18 เงิินบาทอยู่ที่ 28.76 เเข็งค่าขึ้น 6.07% ถ้ามองหยาบๆ ก็เท่ากับบริษัทได้กำไร เพิ่มขึ้น6.07% จากที่ค่าเงินเเข็ง ยกตัวอย่างรถสปอร์ตหรูค่ายยุโรปเครื่อง2000 ซีซี มูลค่า 40000 us ถ้าเทียบเป็นเงินบาทปลายปีเท่ากับ 40000 คูณ 30.60 เท่ากับ 1,224,000บาท ตอนนี้ คูณ 28.76 เท่ากับ 1,150,400บาท กำไรเพิ่ม 73,600บาท ก่อนคิดภาษีนำเข้า เเต่ถ้าคิดรวมภาษีนำเข้า รถคันนี้สมมุติเสียอัตราภาษีนำเข้า 250% ราคารวมภาษีปลายปี 1,224000 คูณ250% เท่ากับ 3,060,000บาท กับ ราคารถรวมภาษีตอนนี้ 2,876,000บาท ส่วนต่าง 184,000บาท จะเห็นว่าถ้าคิดจากอัตราเเลกเปลี่ยนอย่างเดียว กำไร 73,600บาท เเต่พอคูณภาษีเเล้ว กำไรกลับเพิ่มขึ้น 184,000 บาท ส่วนต่างกำไรจากอัตราเเลกเปลี่ยน ถ้าคนซื้ออย่างเราไม่ได้อะไรคงไม่เท่าไหร่ เพราะค่าเงินมีเเข็งมีอ่่อน ถือว่าเป็นความเสี่ยงของบริษัทที่ควรได้ไป เเต่กำไรที่เกิดจากตัวคูณภาษี 184,000 - 73,600 = 110,400 บาท เข้ากระเป๋าใครครับ ต่อให้เอากำไรที่เพิ่ม มาเสียรายได้นิติบุคคล ฐาน23%  110,400 คูณฐาน23% เท่ากับเสียภาษี25,392 ก็ยังกำไร 110,400 - 25,392 = 85,008(ซึ่งเป็นกำไรจากภาษีล้วนๆ)ผมยกตัวอย่างรถยนต์ เเต่อาจจะมองไปถึงสินค้านำเข้าทุกประเภท เท่ากับการที่ค่าเงินเเข็ง ไม่ได้ทำให้เราซื้อของในราคาถูกลงเลย กลับโดนกลไกทางภาษี เป็นตัวเร่งทำให้เกิกกำไรกับบริษัทนำเข้ามากขึ้น  ถ้าไม่ลดราคาสินค้า ก็ควรเป็นภาษีเข้ารัฐมากว่า ถามว่าเราควรจะยังมีวิธีเก็บภาษี เเบบนี้อยู่หรือเปล่า หรือผมคิดตรงไหนผิดครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่