[CR] หลอดไฟฮาโลเจน OSRAM NightBreaker Plus Limited Edition #144357

กระทู้รีวิว
สวัสดีครับ ยิ้ม

อนุสนธิ์จากกระทู้นี้ http://ppantip.com/topic/30364604

ยังไงขอขอบคุณคุณ narutack, bcsx, เด็กบูรพา, อย่ามาฮา, kosmo, zeng, ช้างยิ้ม, pronong, Voravutt, ลุงเท่ง, สมาชิกหมายเลข 723818, ลูกชั่งสงสัย สำหรับคำตอบที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกหยิบเจ้านี่มา ไม่ได้ค่ารีวิวอะไรทั้งสิ้น แถมเสียค่าน้ำมันกะซื้อของกินระหว่างทางอีกเพียบ (ได้ข่าวว่าจะแพงกว่าหลอดอีกเถอะนะ ร้องไห้ )

วันนี้เอาเจ้าลูกหว้า (มาร์ช VL สีพลัม ที่ทุกคนบอกว่ามันเป็นสีดำชัดๆ โดยเฉพาะหัวหน้าผม คร่อกฟี้ ) ไปเปลี่ยนป้ายขาวมา ซึ่งเป็นที่ฮือฮาของศูนย์มาก เพราะ....



เซลส์แบบ ถูกกันไปหลายคน แล้วก็แบบถาม พี่ๆ พี่ได้มั่งมั้ย เนี่ยๆ ทั้งเลขท้าย ทั้งโต๊ดเลยนะ ผมก็...

"ไม่ได้ซื้อ มันจะไปถูกได้ยังไงล่ะคร้าบบบ" ร้องไห้

จากนั้นก็ขับไปฉลอง E20 ที่ลดราคามาสามรอบละยังไม่ได้เติม ตามด้วยขับไปหาหลอดไฟมาเปลี่ยนกันเถิด จากเดิมผมวางแผนไว้จะไปวรจักรร้านอะไรสักอย่างอะไหล่ยนต์ แต่คิดไปคิดมา ที่จอดก็ยาก ขับไปก็ไกล (เปลืองน้ำมันไหม? วันนี้ถนนหลานเหลิม เฮ้ย หลานหลวงก็คงติด ละติดยาวจนกว่าจะผ่านตลาดมหานาคแน่ๆ) ไปร้านที่ขายของแต่งแถวสนามบินน้ำดีกว่า ขากลับจะได้แวะซื้อของกินแถวสามัคคี

แล้วก็โดนเจ้านี่มาครับ

OSRAM NightBreaker Plus Limited Edition



เจ้านี่คืออะไร? แล้วผมไปสอยมันมาทำไม ของไม่ใช่ถูกๆ

มันคือหลอดไฟฮาโลเจนมีหลายขนาด รถผมใช้ขั้ว H4 ส่วนเจ้าคันใหญ่น่ะเหรอ (เชอะ!) คันนั้นใช้ Bi-Xenon จากโรงงานครับ คนละระดับกัน (เชอะ! อีกที) จากหลอดเดิมๆ ของโรงงานที่ผมบ่นตั้งแต่กระทู้ก่อนว่ามันไม่ค่อยสว่างเลย โดยเฉพาะตอนขับไปเส้น 304-3069 แถวนิคมฯ 304 นี่ ผมไม่กล้าขับเกิน 60-70 เพราะมองไม่เห็นทางเกิน 50 เมตรเลยกรณีไม่มีรถนำ จะว่าเจ้า FXR-35 ผมมันมืดก็ไม่ใช่ แล้วมันก็ไม่ได้สะท้อนเยอะด้วย ถึงผมใส่เลนส์โพลาไรซ์ก็ช่วยได้แค่ตัดแสงจากรถวิ่งสวน แต่ไม่ได้ทำให้ผมเห็นทางไกลขึ้น การลอกฟิล์มจึงไม่ใช่คำตอบครับ

หลอดไฟนี่ ถึงผมไม่ถือว่าเป็นของแต่ง แต่ศูนย์ถือครับ ผมถามไปแล้วล่ะเมื่อเช้าว่ามีบริการเปลี่ยนให้มั้ย คิดค่าแรงก็ได้ (ผมรู้น่าว่ามันเปลี่ยนเองไม่ยาก แต่ความซุ่มซ่ามระดับเดินชนประตูกระจกอย่างน้อยเดือนละครั้งเนี่ย ผมให้ช่างชำนาญๆ เขาเปลี่ยนดีกว่า เป็นประจำ ไอ้ประเภทถอดอะไรสักอย่างออกมาแล้วประกอบกลับละน็อตเกิน ร้องไห้ ) ซึ่งช่างศูนย์นิสสันก็บอกชัดเจนว่า

"นโยบายถือเป็นของแต่งครับ ต้องเปลี่ยนเองที่ร้านประดับยนต์นะ และถ้าเปลี่ยนส่วนไหนก็หมดประกันส่วนนั้น"

ชัดเจนนะครับ เพราะฉะนั้นใครไปติดรีเลย์ หรือใส่แปลงซีนอนที่อาจมีปัญหากับระบบไฟ ก็ขอให้ระวังตรงนี้ไว้ด้วย ผมก็หมดประกัน "หลอดไฟ" ไปแล้ว 1 อย่างแหละ เอิ๊กกก...

โอเค เข้าเรื่อง เพราะฉะนั้น วิธีทำให้มันสว่างมากขึ้น แบบไม่ใช่ลอกเปลี่ยนฟิล์ม ก็มีแค่ "เปลี่ยนหลอด" มีตัวเลือกอะไรบ้างล่ะ?

1. ใส่รีเลย์ ละใส่ตัวหลอดกำลังสูงๆ ซึ่งจะมีข้อเสียคือ โคมอาจจะเหลืองไว หรือเกิดความร้อนสูง (อันตรายนะครับ โคมไฟอาจจะร้อนจัดละละลายไหลละล่องเงินลอยละลิ่วไปเลย)

2. ใส่ Xenon Conversion Kit

2.1 แบบพื้นๆ เกรด "ไต้หวัน" หรือบางทีก็แอบข้ามช่องแคบไปฝั่งตะวันตกนิดนึง : ราคาถูก แต่มีโปรเจ็กเตอร์ไหม? ถ้าไม่มี จะใส่ให้ฟุ้งให้ชาวบ้านด่าบรรพบุรุษเหรอ? ยิ่งค่า K สูงๆ ไม่ได้แปลว่าสว่างนะครับ ความสว่างเขาวัดเป็นแรงเทียน ลูเมน (เรติคูลัม โอมาซัม แอบโอมาซัม... ไม่จ้ายยยย ผิดๆๆ ลบๆๆๆ) ฯลฯ พวกโน้น นอกจากนี้ ค่า K ที่สูงๆ คือโทนฟ้า-ม่วง เกิดการฟุ้งได้ง่าย กระจายแสง แต่ไม่ทำให้เห็นวัตถุชัดเจนขึ้น ซึ่งเกณฑ์กฎหมายบ้านเราเรื่องค่า K สีที่ผิดกฎหมายก็ไม่ชัด แต่ที่ชัดกว่าคือ "ตาจ่า" ครับ ร้องไห้ เพราะฉะนั้นระดับที่ปลอดภัยคือต่ำกว่า 6000K หรือช่วง 4000K ออกเหลืองนิดๆ นี่แหละกำลังดี



ยืมรูปกระทู้โน้นนะครับ ก็คือควรจะใส่ให้เหลืองไม่เกินขาวนั่นแหละ ถ้าเริ่มมีฟ้าๆ ยิ่งจ่าใส่แว่นมีเลนส์สีนะ อื้อหือ... เถียงไม่ออกครับ อย่างน้อยเงินค่าข้าว 1 มื้อ ล่องลอยแน่นอน (แบบยัด) ถ้าแบบไม่ยัด คือท่านจ่ายค่าปรับให้ถูกกฎหมายล่ะก็ โน่นครับ... หลายฮะ หลายมื้อ

2.2 แบบ Conversion Kit แพงๆ อย่างของ Philips ที่หลักสองหมื่น เฮือก... : อธิบายนิดนึง คือตามความเข้าใจของผม ปกติหลอดซีนอนจะกินไฟต่ำ ประมาณ 35 วัตต์ น้อยกว่าฮาโลเจน แต่ตอนเปิดครั้งแรกมันคงจะหลักการเดียวกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ เลยต้องมีบัลลาสต์ใส่เพื่อ "กระชากแรงดัน" ตอนเปิดให้ได้หลักหมื่นโวลต์เพื่อกระตุ้นการสว่างของก๊าซภายใน (มันเป็นหมู่ 7 ใช่ไหม ผมลืม ขอโทษครับ อาจารย์เคมี) จากนั้นจึงจะลดแรงดันลงมาที่ระดับ 12 โวลต์ตามปกติ ซึ่งข้อเสียจุดเดียวตรงนี้แหละที่ทำให้หลอดซีนอนอาจไม่เหมาะกับไฟที่ต้อง "ต้องสว่างทันทีที่ต้องการ" เช่นไฟเลี้ยว ไฟขอทาง

อันนี้หน้าตา Conversion Kit ของฟิลิปส์ครับ



ซึ่งถ้าพูดขำๆ เฮ้ย นี่มันราคาตั้งหลายหมื่นนะ ผมใช้หลอด Aftermarket หรือซีนอนกากๆ ได้ตั้งไม่รู้กี่ชุด โอ้ย ตัดมันออกไปจากหัวซะ... (หันไปมองเจ้า X-Trail เออสิ หล่อนใช้ Bi-Xenon เลยด้วยซ้ำ ใช่ซี่!!! ชั้นมัน Eco Car)

เพราะฉะนั้น เหลือทางเดียว

3. เปลี่ยนหลอดฮาโลเจนแบบความสว่างสูง

ซึ่งก็มีหลายเกรด ถ้าพูดกันตามระดับความสว่าง ก็มีตั้งแต่ +20% (หลอดอัพเกรดทั่วไป) +50% (แพงประมาณ 2 เท่าอันแรก) และพวก +80% +90% หรือ +100% และผมได้ตั้งถามไว้ในกระทู้ก่อนครับ (ดูลิงค์ด้านบนนะ)

/////

จากกระทู้เดิมที่ผมตั้งถาม ระหว่าง Philip X-TremeVision กับ OSRAM NightBreaker Plus เสียงก็แตกไปหลายทาง ข้อดีข้อเสียของทั้งสองตัวก็มีดังนี้

ฝ่ายแดง OSRAM



ข้อดี
- ถูกกว่า (ราคาประมาณ 60% ของฟิลิปส์ คิดจากราคาคนหิ้วมาขายนะครับ)
- ให้แสงโทนขาวกว่าเล็กน้อย (สวย แต่ไม่สว่างเท่าแน่ๆ)

ข้อเสีย
- ระยะและความสว่างได้ไม่ไกลเท่า (อุณหภูมิสี 3500-3600K)
- Feedback ตัว NightBreaker (ตัวก่อนนี้) แย่สุดๆ เรื่องอายุการใช้งาน

เสื้อเหลือง เฮ้ยยย ฝ่ายน้ำเงิน Philips



ข้อดี
- ให้แสงขาวอมเหลือง (3000K) มองได้ชัดเจนกว่า โดยเฉพาะถนนยางมะตอยสีดำที่บ้านเราใช้กันเยอะ
- ระยะไกลกว่า
- อายุการใช้งานค่อนข้างจะน่าเชื่อว่านานกว่า OSRAM (เมื่อเอาตัวเก่าเทียบกัน: เป็นการสรุปฟีดแบ็กจากเมืองนอกโดยรวมนะครับ)

ข้อเสีย
- แพง แพงประมาณว่า เปลี่ยน OSRAM ได้ 5 รอบ เปลี่ยนอีนี่ได้ 2-3 รอบ แล้วแต่ว่าได้ล็อตแพงไม่แพง ยิ่งถ้าซื้อในเซ็นทรัล ราคากระโดดไปชุดละเฉียดสามพันบาท อ้วกกกกกก....

เอาล่ะสิ ฮ่า... สับสน

(มาต่อกันที่ #1 ครับ ชักจะยาว)
ชื่อสินค้า:   OSRAM Night Breaker Plus Limited Edition H4
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่