แทบไม่น่าเชื่อว่า “สาวมาด เมกะแดนซ์” นักร้องลูกทุ่งชื่อดังเจ้าของเพลง “ดาวมหา’ลัย” ที่เกิดอาการครรภ์เป็นพิษ ทำให้ความดันโลหิตสูงจนเลือดออกทับก้านสมองต้องผ่าตัดสมอง และต้องผ่าคลอดลูกทั้งที่ท้องแค่ 6 เดือน ถึงขั้นหมอบอกว่าถ้าฟื้นก็เป็นเจ้าหญิงนิทรา แถมอาการของสาวมาดก็ทรุดหนักลงเรื่อยๆ ชนิดที่ใครๆ ก็คิดว่าเธอไม่น่าจะรอด
แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็มีจริงเมื่อญาติได้เจอกับ “อาจารย์แบงค์ สเก็ตซ์กรรม” หมอสื่อวิญญาณที่คร่ำวอดเรื่องเจ้ากรรมนายเวรมาหลายปี อาจารย์ท่านนี้แหละที่เป็นคนช่วยขจัดเจ้ากรรมนายเวรของสาวมาดที่ตามมาตั้งแต่อดีต-ปัจจุบันนับสิบตัว จนอาการที่ว่าเป็นตายเท่ากันฟื้นคืนมาจนปัจจุบันออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องผู้ป่วยปกติได้แล้ว ถึงจะเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว อาจารย์แบงค์เป็นใคร อภินิหารนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร วันนี้เราไปทำความรู้จักกัน
“จริงๆ ผมเริ่มเห็นผีตั้งแต่เด็กแล้ว อายุ 5-6 ขวบ ก็เห็นผู้หญิงเดินเข้ากำแพงบ้าน ถามพ่อแม่เขาก็บอกไม่มีคิดไปเอง บางทีมาเป็นเงาโปร่งใสวูบไปมา ไม่ได้กลัวนะ แต่เหมือนรำคาญทำไมเห็นอีกแล้ว พออายุ 8 ขวบก็เริ่มทักเพื่อนให้ระวังอุบัติเหตุ ปรากฎว่าอีกหนึ่งอาทิตย์เขาโดนรถชนอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วก็ไปทักแม่ว่าแม่จะลื่นนะ อีกไม่กี่วันแม่ก็ลื่นจริงๆ แล้วก็ไปทักพ่อว่าจะได้ย้ายสาขาทำงาน เขาก็ได้ย้ายจริงๆ เขาก็เลยตกใจว่าทำไมทายแม่น มันเหมือนเป็นจิต เป็นเซ้นส์”
“แต่มาทำเป็นอาชีพก็ตอน ม.4 ตอนปิดเทอมไปนั่งดูดวงที่ท่าน้ำปากเกร็ด เก็บค่าครูคนละ 100-200 พอเข้ามหาลัยผมเรียนภาษาญี่ปุ่น โทภาษาไทย ที่ศิลปากร สนามจันทร์ นครปฐม เข้าปี 1 ก็รับดูดวงหลังเลิกเรียน บางทีดูตั้งแต่บ่าย 2 ยันตี 2 ยังไม่เลิกเลย เดือนนึงๆ ได้เกือบ 2-3 หมื่น เรียนจบปี 4 บอกแม่ว่าจะเป็นหมอดู แม่ก็บอกจะบ้าเหรอเรียนจบปริญญาตรีมาจะมาเป็นหมอดู ไส้แห้งตาย ทั้งพ่อทั้งแม่เดือดกันใหญ่ ก็เลยไปเป็นล่ามแต่ทำได้ไม่ถึงเดือนก็ออก เพราะเจ้านายเคี่ยวมาก แล้ววุ่นวายพอคนญี่ปุ่นทะเลาะกับคนไทยผมก็ต้องไปแปลว่าต่างคนต่างด่ากันว่าอย่างไร ปี 52 ก็เลยออกมาเป็นอาจารย์สอนที่สถาบันภาษาญี่ปุ่น ติวเตอร์เข้ามหาวิทยาลัย อันนี้ทำได้ไม่ถึง 2 ปีก็ออก เพราะมันวนน่ะ มันเบื่อ ขอแม่ตอนนั้นก็ยังไม่ให้อยู่ออกดี”
ดังเปรี้ยงตอนไปประกวดหมอดู จนเป็นที่มาฉายา “อาจารย์แบงค์ สเก็ตช์กรรม ขยำกระดาษ”
“ปี 53 ผมไปแข่งศึกชิงเจ้าหมอดู ของบริษัทโมโนกรุ๊ป ได้รางวัลที่ 2 ซึ่งตั้งแต่สมัยเรียนผมไม่ได้ขยำกระดาษนะครับ แต่สามารถมองเห็นเจ้ากรรมนายเวร ศาสตร์ขยำกระดาษผมคิดกิมมิคขึ้นมาเพื่อเอามาแข่งให้คนจดจำเราได้ เลยเป็นฉายาสเก็ตซ์กรรม ขยำกระดาษ คือใช้จิตสื่อผ่านกระดาษ อย่างบางคนจะเห็นเป็นรูปงูในกระดาษ ปรากฏเขาเคยไปฆ่างูมา บางทียับเป็นรูปเด็ก นั่นคือมีกรรมเกี่ยวกับเด็ก พอได้ตำแหน่งหลังจากนั้นเขาก็เชิญคนที่ได้ที่ 1 ที่ 2 ไปออกรายการวีไอพี แล้วก็ดังมาจากตอนนั้น มีลูกค้าเพิ่มเยอะมาก เดือนหนึ่งได้เป็นแสนขึ้น ทีนี้ขอแม่เป็นหมอดูแม่ก็เลยอนุญาติ เราพิสูจน์ให้เขาเห็น เราใช้หนี้ใช้สินให้พ่อแม่ ซื้อบ้าน ซื้อรถให้ครอบครัว”
“แต่ผมเลิกใช้กระดาษตั้งแต่ปี 55 ตอนนี้ชื่อสเก็ตซ์กรรมไม่ได้ใช้แล้ว มาใช้สื่อกรรมสื่อวิญญาณ เพราะมันต้องใช้เวลา ผมก็เลยใช้หลับตามองไปที่จิต และสายตาเขาเลยดีกว่า เพราะบางคนไม่ต้องขยำกระดาษ แค่เห็นก็รู้ว่าเขาเป็นโรคอะไรอยู่ ทุกข์เรื่องอะไรอยู่”
มีพระพิฆเนศเป็นครูบาอาจารย์ช่วยให้เห็นกรรมคนอื่น
“ตอนเด็กๆ ผมฝันถึงคนที่มีหัวเป็นช้างมาหาบ่อยมาก ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าเป็นพระพิฆเนศมารู้ตอนโต ตอนเราป่วยคนนี้เดินมารูปร่างอ้วนๆ หัวเป็นช้าง แล้วก็มาพ่นน้ำจากง่วงใส่ ตื่นขึ้นมาเราก็ดีขึ้น พอมายึดเป็นอาชีพก็นับถือท่านเป็นครูบาอาจารย์ เวลาจะสื่อกรรมให้ใครผมจะนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วก็พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ครูบาอาจารย์พระพิฆเนศขอให้ท่านเปิดทางให้ข้าพเจ้าเห็นได้ด้วยเทอญ ต้องขออนุญาตก่อน อย่างบางคนเขานับถือเจ้าแม่กวนอิม จะทำให้เห็นยาก เขานับถืออะไรก็ขอให้เขาเปิดทาง แต่บางทีอยากรู้อนาคตแต่ไม่เห็น กลับเห็นแต่ในอดีตที่ผ่านมา มันแล้วแต่มันตอบไม่ได้ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือถ้าผมไมได้สารอะไรจากพระพิฆเนศมาเนี่ย ผมก็ไม่ได้มั่วพูดออกไป อะไรที่ผมไม่รู้จริงๆ ผมก็ไม่บอก พระพิฆเนศไม่ได้ส่งญาณมา แล้วไม่มีสัมผัส”
“ทุกครั้งที่ทำบุญทำทานเหมือนจะเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ทำภาพมันจะเบลอๆ ถ้าวันไหนทำบุญตอนเช้าหรือตักบาตรมาหรือสวดมนต์ วันนั้นเหมือนเห็นภาพชัดมาก ทุกครั้งที่ผมทำบุญ ผมจะขอให้อาจารย์ที่เป็นพระพิฆเนศ ขอให้ท่านประทานญาณให้ด้วย ยิ่งถ้าทำทานด้วยนั่งสมาธิด้วยมันกระจ่างเลย บางทีได้ยินเป็นเสียง หรือบางทีได้ยินเป็นกลิ่น ตอนนั้นเขาไม่ได้บอกเลยว่าใครตาย เขาจะมาดูดวงเขาก่อน แต่เราก็ได้กลิ่นอะไรไหม้ๆ ตามมา ใครเผาอะไรก็ไม่รู้ เราก็นั่งอยู่ในห้องแอร์ เขาก็จะถามเรื่องวิญญาณสามีที่เขาโดนเผานั่งยางมา โดนนั่งยางตายมา ผมก็บอกเขานะว่าผมไม่ได้เห็นวิญญาณสามีพี่นะ แต่ว่ามันเป็นเหมือนกลิ่นไหม้มา ทำให้รู้ว่าเขาตามพี่มาด้วย”
“รสก็มีนะ คล้ายๆ กลิ่นเลือดน่ะ เหมือนเลือดมาอยู่ในปากเราแต่ไม่ใช่ปากแตก กลิ่นเหมือนศพอะไรแบบนั้น ตอนที่จัดรายการเคเบิล เราไปบ้านร้างไปคดีฆาตกรรมอะไรแบบนี้ได้กลิ่นศพ กลิ่นมันจะแบบว่าแปลกๆ บางคนโดนปาดคอ กลิ่นเลือดมันจะขึ้นมาที่จมูก แล้วลองแตะลิ้นตัวเองดู เฮ้ยทำไมมันรสชาติแบบนี้ มันเลือดๆ น่ะ ปากเราก็ไม่ได้เป็นแผลนี่หว่า คือเรามีรูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส ผิวหนัง บางทีขนลุกเลยก็มี”
เป็นคนกระชากวิญญาณ “สาวมาดเมกะแดนซ์” จากมือมัจจุราช
“ผมดูข่าวในทีวีแล้วเห็นเจ้ากรรมนายเวรเขาเยอะมาก ยังพูดเลยว่าจะรอดมั้ย แต่ผมเห็นมีเทียนขัยอายุเค้าตั้ง 3 เล่ม เทียนขัยอายุ 1 เล่มจะเท่ากับ 10 ปี ซึ่งมันขัดกับสภาพเขาตอนนั้น เพียงแต่เทียนสั่นไหวเหมือนจะดับคล้ายลมหายใจของเขาน่ะ แต่ก็ทำให้รู้ว่าถึงจะริบหรี่แต่ยังพอมีหวัง แต่เราไม่ใช่คนเสนอหน้าไปออกสื่อหรือไปเกาะกระแส เราก็เลยบอกว่าถ้ามีบุญมีกรรมจริงๆ ก็คงได้ช่วยเหลือกัน แล้วอยู่ๆ ผู้ใหญ่ที่ผมทำงานอยู่ที่ H Chanel เขารู้จักกับญาติสาวมาด ก็มาบอกว่าช่วยหน่อยได้มั้ยก็เลยได้ไป”
เห็นเจ้ากรรมนายเวรยืนล้อมเตียงเต็มไปหมด
“ผมดูข่าววันที่ 12 ก.พ. ไปเจอสาวมาดครั้งแรกที่โรงพยาบาลวันที่ 14 ก.พ. มีแต่พี่นิด(พี่สาวของสาวมาด)ที่คุยกับผม ส่วนพี่กรุงสามีคุณสาวมาดเขาเหมือนยังไม่ไว้ใจเราก็ดูออกเลย และรู้มาว่าพี่กรุงไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย แต่ผมอยากช่วยจริงๆ ไง เพราะตอนนั้นหมอบอกเป็นตายเท่ากันทั้งแม่ทั้งลูก บางคนครรภ์เป็นพิษเขาไม่เป็นหนักขนาดนี้ ผมเห็นกรรมการทำแท้งตั้งแต่ในอดีตชาติ แล้วพอเข้าไปในห้องไอซียูวิญญาณหญิงชายที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรด่าผมใหญ่เลย จะเข้ามาทำไม
อย่ามายุ่ง ออกไป กูจะเอามันให้ตาย แล้วภาพที่ผมเห็นมันหลั่งไหลเข้ามาเยอะมาก มีทั้งวิญญาณที่เป็นภพชาติแบบผู้หญิง และผู้ชายที่ไปบังคับเมียให้ไปทำแท้งก็มี พวกที่ฆ่าวัวมาก็มี โบยตีทาสจนแท้งก็มี ภพชาติแบบเป็นสุนัขก็มี เพราะเห็นเป็นหมาตัวสีดำ”
...
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000047425
ปิดคณะแพทยศาสตร์ไปเหอะ “อ.แบงค์สเก็ตซ์กรรม” ผู้กระชากวิญญาณ “สาวมาด เมกะแดนซ์” พ้นมือมัจจุราช
แทบไม่น่าเชื่อว่า “สาวมาด เมกะแดนซ์” นักร้องลูกทุ่งชื่อดังเจ้าของเพลง “ดาวมหา’ลัย” ที่เกิดอาการครรภ์เป็นพิษ ทำให้ความดันโลหิตสูงจนเลือดออกทับก้านสมองต้องผ่าตัดสมอง และต้องผ่าคลอดลูกทั้งที่ท้องแค่ 6 เดือน ถึงขั้นหมอบอกว่าถ้าฟื้นก็เป็นเจ้าหญิงนิทรา แถมอาการของสาวมาดก็ทรุดหนักลงเรื่อยๆ ชนิดที่ใครๆ ก็คิดว่าเธอไม่น่าจะรอด
แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็มีจริงเมื่อญาติได้เจอกับ “อาจารย์แบงค์ สเก็ตซ์กรรม” หมอสื่อวิญญาณที่คร่ำวอดเรื่องเจ้ากรรมนายเวรมาหลายปี อาจารย์ท่านนี้แหละที่เป็นคนช่วยขจัดเจ้ากรรมนายเวรของสาวมาดที่ตามมาตั้งแต่อดีต-ปัจจุบันนับสิบตัว จนอาการที่ว่าเป็นตายเท่ากันฟื้นคืนมาจนปัจจุบันออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องผู้ป่วยปกติได้แล้ว ถึงจะเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว อาจารย์แบงค์เป็นใคร อภินิหารนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร วันนี้เราไปทำความรู้จักกัน
“จริงๆ ผมเริ่มเห็นผีตั้งแต่เด็กแล้ว อายุ 5-6 ขวบ ก็เห็นผู้หญิงเดินเข้ากำแพงบ้าน ถามพ่อแม่เขาก็บอกไม่มีคิดไปเอง บางทีมาเป็นเงาโปร่งใสวูบไปมา ไม่ได้กลัวนะ แต่เหมือนรำคาญทำไมเห็นอีกแล้ว พออายุ 8 ขวบก็เริ่มทักเพื่อนให้ระวังอุบัติเหตุ ปรากฎว่าอีกหนึ่งอาทิตย์เขาโดนรถชนอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วก็ไปทักแม่ว่าแม่จะลื่นนะ อีกไม่กี่วันแม่ก็ลื่นจริงๆ แล้วก็ไปทักพ่อว่าจะได้ย้ายสาขาทำงาน เขาก็ได้ย้ายจริงๆ เขาก็เลยตกใจว่าทำไมทายแม่น มันเหมือนเป็นจิต เป็นเซ้นส์”
“แต่มาทำเป็นอาชีพก็ตอน ม.4 ตอนปิดเทอมไปนั่งดูดวงที่ท่าน้ำปากเกร็ด เก็บค่าครูคนละ 100-200 พอเข้ามหาลัยผมเรียนภาษาญี่ปุ่น โทภาษาไทย ที่ศิลปากร สนามจันทร์ นครปฐม เข้าปี 1 ก็รับดูดวงหลังเลิกเรียน บางทีดูตั้งแต่บ่าย 2 ยันตี 2 ยังไม่เลิกเลย เดือนนึงๆ ได้เกือบ 2-3 หมื่น เรียนจบปี 4 บอกแม่ว่าจะเป็นหมอดู แม่ก็บอกจะบ้าเหรอเรียนจบปริญญาตรีมาจะมาเป็นหมอดู ไส้แห้งตาย ทั้งพ่อทั้งแม่เดือดกันใหญ่ ก็เลยไปเป็นล่ามแต่ทำได้ไม่ถึงเดือนก็ออก เพราะเจ้านายเคี่ยวมาก แล้ววุ่นวายพอคนญี่ปุ่นทะเลาะกับคนไทยผมก็ต้องไปแปลว่าต่างคนต่างด่ากันว่าอย่างไร ปี 52 ก็เลยออกมาเป็นอาจารย์สอนที่สถาบันภาษาญี่ปุ่น ติวเตอร์เข้ามหาวิทยาลัย อันนี้ทำได้ไม่ถึง 2 ปีก็ออก เพราะมันวนน่ะ มันเบื่อ ขอแม่ตอนนั้นก็ยังไม่ให้อยู่ออกดี”
ดังเปรี้ยงตอนไปประกวดหมอดู จนเป็นที่มาฉายา “อาจารย์แบงค์ สเก็ตช์กรรม ขยำกระดาษ”
“ปี 53 ผมไปแข่งศึกชิงเจ้าหมอดู ของบริษัทโมโนกรุ๊ป ได้รางวัลที่ 2 ซึ่งตั้งแต่สมัยเรียนผมไม่ได้ขยำกระดาษนะครับ แต่สามารถมองเห็นเจ้ากรรมนายเวร ศาสตร์ขยำกระดาษผมคิดกิมมิคขึ้นมาเพื่อเอามาแข่งให้คนจดจำเราได้ เลยเป็นฉายาสเก็ตซ์กรรม ขยำกระดาษ คือใช้จิตสื่อผ่านกระดาษ อย่างบางคนจะเห็นเป็นรูปงูในกระดาษ ปรากฏเขาเคยไปฆ่างูมา บางทียับเป็นรูปเด็ก นั่นคือมีกรรมเกี่ยวกับเด็ก พอได้ตำแหน่งหลังจากนั้นเขาก็เชิญคนที่ได้ที่ 1 ที่ 2 ไปออกรายการวีไอพี แล้วก็ดังมาจากตอนนั้น มีลูกค้าเพิ่มเยอะมาก เดือนหนึ่งได้เป็นแสนขึ้น ทีนี้ขอแม่เป็นหมอดูแม่ก็เลยอนุญาติ เราพิสูจน์ให้เขาเห็น เราใช้หนี้ใช้สินให้พ่อแม่ ซื้อบ้าน ซื้อรถให้ครอบครัว”
“แต่ผมเลิกใช้กระดาษตั้งแต่ปี 55 ตอนนี้ชื่อสเก็ตซ์กรรมไม่ได้ใช้แล้ว มาใช้สื่อกรรมสื่อวิญญาณ เพราะมันต้องใช้เวลา ผมก็เลยใช้หลับตามองไปที่จิต และสายตาเขาเลยดีกว่า เพราะบางคนไม่ต้องขยำกระดาษ แค่เห็นก็รู้ว่าเขาเป็นโรคอะไรอยู่ ทุกข์เรื่องอะไรอยู่”
มีพระพิฆเนศเป็นครูบาอาจารย์ช่วยให้เห็นกรรมคนอื่น
“ตอนเด็กๆ ผมฝันถึงคนที่มีหัวเป็นช้างมาหาบ่อยมาก ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าเป็นพระพิฆเนศมารู้ตอนโต ตอนเราป่วยคนนี้เดินมารูปร่างอ้วนๆ หัวเป็นช้าง แล้วก็มาพ่นน้ำจากง่วงใส่ ตื่นขึ้นมาเราก็ดีขึ้น พอมายึดเป็นอาชีพก็นับถือท่านเป็นครูบาอาจารย์ เวลาจะสื่อกรรมให้ใครผมจะนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วก็พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ครูบาอาจารย์พระพิฆเนศขอให้ท่านเปิดทางให้ข้าพเจ้าเห็นได้ด้วยเทอญ ต้องขออนุญาตก่อน อย่างบางคนเขานับถือเจ้าแม่กวนอิม จะทำให้เห็นยาก เขานับถืออะไรก็ขอให้เขาเปิดทาง แต่บางทีอยากรู้อนาคตแต่ไม่เห็น กลับเห็นแต่ในอดีตที่ผ่านมา มันแล้วแต่มันตอบไม่ได้ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือถ้าผมไมได้สารอะไรจากพระพิฆเนศมาเนี่ย ผมก็ไม่ได้มั่วพูดออกไป อะไรที่ผมไม่รู้จริงๆ ผมก็ไม่บอก พระพิฆเนศไม่ได้ส่งญาณมา แล้วไม่มีสัมผัส”
“ทุกครั้งที่ทำบุญทำทานเหมือนจะเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ทำภาพมันจะเบลอๆ ถ้าวันไหนทำบุญตอนเช้าหรือตักบาตรมาหรือสวดมนต์ วันนั้นเหมือนเห็นภาพชัดมาก ทุกครั้งที่ผมทำบุญ ผมจะขอให้อาจารย์ที่เป็นพระพิฆเนศ ขอให้ท่านประทานญาณให้ด้วย ยิ่งถ้าทำทานด้วยนั่งสมาธิด้วยมันกระจ่างเลย บางทีได้ยินเป็นเสียง หรือบางทีได้ยินเป็นกลิ่น ตอนนั้นเขาไม่ได้บอกเลยว่าใครตาย เขาจะมาดูดวงเขาก่อน แต่เราก็ได้กลิ่นอะไรไหม้ๆ ตามมา ใครเผาอะไรก็ไม่รู้ เราก็นั่งอยู่ในห้องแอร์ เขาก็จะถามเรื่องวิญญาณสามีที่เขาโดนเผานั่งยางมา โดนนั่งยางตายมา ผมก็บอกเขานะว่าผมไม่ได้เห็นวิญญาณสามีพี่นะ แต่ว่ามันเป็นเหมือนกลิ่นไหม้มา ทำให้รู้ว่าเขาตามพี่มาด้วย”
“รสก็มีนะ คล้ายๆ กลิ่นเลือดน่ะ เหมือนเลือดมาอยู่ในปากเราแต่ไม่ใช่ปากแตก กลิ่นเหมือนศพอะไรแบบนั้น ตอนที่จัดรายการเคเบิล เราไปบ้านร้างไปคดีฆาตกรรมอะไรแบบนี้ได้กลิ่นศพ กลิ่นมันจะแบบว่าแปลกๆ บางคนโดนปาดคอ กลิ่นเลือดมันจะขึ้นมาที่จมูก แล้วลองแตะลิ้นตัวเองดู เฮ้ยทำไมมันรสชาติแบบนี้ มันเลือดๆ น่ะ ปากเราก็ไม่ได้เป็นแผลนี่หว่า คือเรามีรูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส ผิวหนัง บางทีขนลุกเลยก็มี”
เป็นคนกระชากวิญญาณ “สาวมาดเมกะแดนซ์” จากมือมัจจุราช
“ผมดูข่าวในทีวีแล้วเห็นเจ้ากรรมนายเวรเขาเยอะมาก ยังพูดเลยว่าจะรอดมั้ย แต่ผมเห็นมีเทียนขัยอายุเค้าตั้ง 3 เล่ม เทียนขัยอายุ 1 เล่มจะเท่ากับ 10 ปี ซึ่งมันขัดกับสภาพเขาตอนนั้น เพียงแต่เทียนสั่นไหวเหมือนจะดับคล้ายลมหายใจของเขาน่ะ แต่ก็ทำให้รู้ว่าถึงจะริบหรี่แต่ยังพอมีหวัง แต่เราไม่ใช่คนเสนอหน้าไปออกสื่อหรือไปเกาะกระแส เราก็เลยบอกว่าถ้ามีบุญมีกรรมจริงๆ ก็คงได้ช่วยเหลือกัน แล้วอยู่ๆ ผู้ใหญ่ที่ผมทำงานอยู่ที่ H Chanel เขารู้จักกับญาติสาวมาด ก็มาบอกว่าช่วยหน่อยได้มั้ยก็เลยได้ไป”
เห็นเจ้ากรรมนายเวรยืนล้อมเตียงเต็มไปหมด
“ผมดูข่าววันที่ 12 ก.พ. ไปเจอสาวมาดครั้งแรกที่โรงพยาบาลวันที่ 14 ก.พ. มีแต่พี่นิด(พี่สาวของสาวมาด)ที่คุยกับผม ส่วนพี่กรุงสามีคุณสาวมาดเขาเหมือนยังไม่ไว้ใจเราก็ดูออกเลย และรู้มาว่าพี่กรุงไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย แต่ผมอยากช่วยจริงๆ ไง เพราะตอนนั้นหมอบอกเป็นตายเท่ากันทั้งแม่ทั้งลูก บางคนครรภ์เป็นพิษเขาไม่เป็นหนักขนาดนี้ ผมเห็นกรรมการทำแท้งตั้งแต่ในอดีตชาติ แล้วพอเข้าไปในห้องไอซียูวิญญาณหญิงชายที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรด่าผมใหญ่เลย จะเข้ามาทำไม
...
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000047425