เหตุเกิดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด-ห่าน เจ๊เกียง สะพานเหลือง คืนวันที่ 18 เมษายน 56

กระทู้สนทนา
เมื่อคืนวันที่ 18 เมษายน 56 เวลา 22.00-23.00 น. ชั้นสองห้องแอร์ของร้าน

หลังจากปั่นจักรยานที่สุวรรณภูมิกันเสร็จ ได้เดินทางไปกินก๋วยเตี๋ยวเป็นร้านเจ๊เกียงกัน ซึ่งได้ขึ้นมาใช้โต๊ะที่ชั้นสองห้องแอร์ของร้าน ซึ่งพวกเรามากัน 9 คน และบริเวณชั้นสองได้มีโต๊ะของคนที่มากินอยู่แล้วสองกลุ่ม กลุ่มละสิบคน โต๊ะติดหน้าต่างต่อโต๊ะตามขวางของห้อง เป็นพนักงานออฟฟิศล้วนๆ ไม่มีเด็ก    ส่วนโต๊ะตรงข้ามกับเรา เป็นโต๊ะต่อตามความยาวของตัวตึก มีประมาณสิบคน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

เหตุเริ่มต้นคือเพื่อนผมได้ใส่กางเกงขาสั้น ยี่ห้อ เจ เจ ไม่พกกระเป๋าสตางค์ ได้เอ่ยมาว่า แบ๊งค์พันในกระเป๋าหล่นหาย เพราะจำได้ว่าหยิบมาแต่แบ๊งค์พันใบเดียว จึงช่วยกันมองหาทุกจุด ตั้งแต่รถ มาถึงโต๊ะเรานั่ง

ซึ่งผมได้นั่งฝั่งตรงกันข้ามกับโต๊ะเราที่มีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ วัยรุ่นชายหญิง ได้หันามองแบบผิดปกติ เกือบทั้งโต๊ะ ตลอดที่เรามานั่งกินกัน แต่เหตุการณ์นี้เกิดก่อนที่เพื่อนเราจะเอ่ยว่าเงินหาย

เพื่อนอีกคนที่นั่งหัวโต๊ะ ได้ยินว่าเงินเพื่อนหาย ได้ลำดับเหตุการณ์ก่อนหน้า ได้ความว่า เห็นโต๊ะริมหน้าต่างพนักงานออฟฟิศเรียกเก็บตังค์ค่าอาหาร และตอนเดินกลับได้หยิบของที่พื้น ซึ่งเพื่อนคนที่ทำหาย ได้นั่งหันหลังอยู่ และพนักงานออฟฟิศได้หยิบไปให้น้องวัยรุ่นผู้หญิง กางเกงสีเขียวอ่อน และน้องเขาได้รับไว้ พร้อมเอามาโชว์กันในโต๊ะตัวเอง

ต่อมาเพื่อนเลยพูดว่าตังค์หาย เพื่อนที่นั่งหัวโต๊ะเลยลำดับเหตุการณ์ย้อนก่อนหน้านี่ ว่าเห็นน้องผู้หญิงวัยรุ่นกางเกงเขียว ห้อยกระเป๋าสะพายข้างลายหลุยส์ วิตตง ใบเล็ก เป็นคนได้เงินที่พนักงานออฟฟิศหยิบให้ไป

ผมได้ยินอย่างนั้นเลยเดินเข้าไปสอบถามน้องคนนั้น   ผมพูดว่า  # เอ่อ น้องครับ ไม่ทราบว่าเห็นเงินที่ตกไว้ใหมครับ # น้องผู้หญิงก็เปิดกระเป๋าสะพายแล้วได้หยิบแบงค์พันที่พับอยู่ ซึ่งเหน็บไว้นอกกระเป๋าสตางค์ตัวเองส่งคืน พร้อมพูดกับผมว่า #  ไม่ทราบว่าอันนี้รึเปล่าค่ะ # ผมก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณน้องเขาไปด้วยความสุภาพ  

ผมเลยนำเงินไปคืนเพื่อน และกลุ่มน้องทั้งเด็กๆ ได้เดินลงไปชั้นล่าง เหลือแต่พี่ใส่แว่นผู้ชาย กับ ผู้หญิงอายุประมาณ 40 อีกสอง รวมเป็นสามคนในตอนนั้น และซักพัก ผู้ชายใส่แว่นได้คุยกับผมแบบข้ามโต๊ะว่า ผมเอาเงินของน้องไปได้ยังไง มันเป็นเงินของน้องผู้หญิงคนนั้นเขา ผมก้ได้อธิบายว่า เพื่อนผมทำหาย และ เห็นน้องเขารับเงินที่พนักงานเก็บได้ และผมได้เข้าไปคุยกับน้อง น้องก็หยิบเงินให้โดยไม่มีท่าทางลังเลซักนิด

พี่แว่นก็ได้แต่บอกว่าผมทำไม่ถูก พูดในทำนองผมไปกรรโชกเงินจากน้อง ด้วยเสียงเริ่มดัง เพื่อนผมอีกคน ก็ตัดบทบอกคืนเงินไปให้เขาเหอะ ถ้าพี่แว่นมั่นใจว่าเป็นเงินของเด็กที่โต๊ะตัวเอง และแก ยังบอกด้วยว่า ลูกสาวผมมันสมองไม่ค่อยดี มันชอบเอ๋อๆ มันชอบหลงๆ ลืม ซะด้วย

ซึ่งตอนที่ผมเดินไปคุยกับน้องวัยรุ่นผู้หญิง น้องเขาก็อยู่บนร้าน ได้ยืนนอกโต๊ะ เพื่อกำลังจะลงไปชั้นล่างกับ เด็กๆ ซึ่งถ้าผมจะกรรโชกเงินจากน้อง ตรงนั้น ผมคงเป็นคนร้ายที่โง่ที่สุด

เราก็ได้แต่คุยกันในกลุ่มหลังคืนเงิน ว่า ดูสิ คนสมัยนี้ ไม่ใช่เงินตัวเองยังกล้าเอา หลังจากน้องเขาและเด็กๆได้กลับมาที่โต๊ะ พร้อมไอติมที่ซื้อมา ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้คุยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย และอีกสิบนาทีก็ได้เรียกเก็บตังค์ออกไป

และโต๊ะเราก็เรียกเก็บตังค์ ก็ได้ถามน้องอ้วนๆผู้ชายที่คุมบริเวณชั้นสอง ว่าเห็นเหตุการณ์ใหม น้องบอกเห็นแต่ไม่ทราบที่มาที่ไป เห็นพนักงานออฟฟิศเก็บเงิน และให้เด็กผู้หญิงวัยรุ่นกางเกงเขียวไป ซึ่งตอนนั้นเขาก็นึกว่าน้องเขาทำเงินหล่นเอง

ถ้าพี่แว่นหรือ คนที่โต๊ะพี่อ่านเจอ หรือ พนักงานออฟฟิศที่ มากินกันวันและเวลาดังกล่าว พี่ทำสิ่งที่น่าทุเรศมาก กับเงินที่ไม่ใช่ของตัวเอง สังคมมันไม่ดีก็เพราะคนอย่างพวกคุณทำมัน แทนที่รับเงินที่มันไม่ใช่ของเรา ไม่ยอมส่งคืนเจ้าของ หรือทำวิธีใดๆ ให้เงินกลับไปหาเจ้าของซะ กลับเงียบ เลยถือว่าเป็นความโชคดีของคุณ ลาภลอยล่ะสิ เพื่อนเห็นว่าหลังจากรับเงิน ได้ถ่ายรูปแบงค์ด้วย น่าสมเพศ จริงๆ กับการกระทำของพวกคุณ

ถ้าเงินจำนวนเยอะๆกว่านี้ คุณคงจะไม่มีทางคืนให้หรอก คนอื่นเขาเดือดร้อน แค่ใหน ไม่รับรู้ ไม่นึกถึงใจเขาใจเรา ผมยังพูดในกลุ่มตัวเองเลยว่า ถ้าเป็นลูกเราทำแบบนี้ เราคงจะลงโทษแน่ๆ ถ้าไม่คืนอะไรที่เก็บได้คืนเจ้าของ

รูปกลุ่มพี่แว่น ผมได้ถ่ายไว้เหมือนกัน แต่ไม่ต้องลงหรอกครับ เผื่อพี่และคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาอ่าน

จบดีกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่