OBLIVION : อุบัติการณ์ โลกลืม
คมนิด จี๊ดเลย : ทุกข้อสงสัยล้วนมีคำตอบ ถ้าเรามุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริง
Napat's Rating : (B+) , 8.5 /10
Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิิกLIKE!! : https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนังในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น -
จากใจ..ถึงหนังเรื่องนี้ : กล่าวถึงหนังเรื่องนี้ ถึงว่าเป็นไซไฟฟอร์มใหญ่เรื่องแรกๆที่เริ่มส่งสัญญาณว่ากองทัพไซไฟช่วงซัมเมอร์ในปีนี้ซึ่งเยอะมากกำลังจะทยอยแห่ทัพมาแล้ว(รวมทั้งงานTHE LAST DAYที่ผมกำกับด้วย แหะๆ) เรื่องนี้ถือว่าเป็นไซไฟประเดิมปีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือว่าเป็นหนังคุณภาพดีมากในช่วงต้นปี แม้ว่าจะยังไม่สุดจนต้องคารวะให้งามๆ แต่ถ้าเทียบกับหนังเรื่องก่อนของผู้กำกับคนนี้ในเรื่อง Tron Legacy ผมคิดว่าเรื่องนี้ทำได้ดีกว่าเยอะมากกกกกกก!!! แม้ว่าจะไม่มีสามมิติ แต่ควรเสียตังค์ไปดูความอลังและความบันเทิงในโรงครับ โดยเฉพาะคอไซไฟไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
ผมจะไม่ขอสปอยส์เนื้อเรื่องของหนังให้ฟังนะครับ แต่จะบอกว่า สิ่งที่ยอดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้มีห้าอย่างใหญ่ๆ ที่น่าจดจำและคุ้มค่าพอที่จะเสียเงินดูในโรง
สิ่งแรกคือเรื่องภาพ การถ่ายภาพที่โคตรเจ๋ง สวย คม กริบ ละเมียดละไมมากๆ แม้ว่าจะไม่เป็นสามมิติ แต่มุมกล้อง ภาพ มู้ดและโทนของหนัง สีหนัง สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมของเนื้อเรื่องตามแบบฉบับไซไฟได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำได้น่าประทับใจมากครับ
ประการที่สอง ได้แก่ด้านฉาก การออกแบบงานสร้าง รวมถึงอาร์ตไดฯ พร๊อพอุปกรณืต่างๆ ยังคงทำได้น่าทึ่งและดูล้ำยุค สมจริง นึกถึงตอนที่หนัง Tron Legacyมี ตอนนั้นเสียดายมากที่มีฉากดีๆแต่หนังบทห่วย แต่เรื่องนี้เมื่อฉากงามๆมาอยู่ในหนังที่มีบทดีๆองค์ประกอบดีๆ มันเลยยิ่งเสริมทัพให้หนังดูดีมีคุณภาพได้ทันตาครับ
ประการที่สามคือด้าน ดนตรี งานสกอร์รอบนี้ผู้กำกับก็ตัดสินใจเลือกใช้สกอร์จากวงดนตรีนอกที่ไม่ได้ทำงานประพันธ์เพลงให้ภาพยนตร์เป็นงานหลักอยู่แล้วเหมือนรอบที่แล้ว ที่เอา วงดาร์พพัั้งค์ มาทำให้เรื่องทรอนดูล้ำยุคด้วยดนตรี แต่รอบนี้ผู้กำกับไ้ใช้บริการวง M83 แทน ซึ่งสามารถถ่ายทอดความเป็นหนังไซไฟผ่านบทเพลงได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ ดนตรีทำได้น่าจดจำ ดูโหยหวน ตื่นเต้น โดดเดี่ยว เศร้าหมอง มันส์ระทึก ไปตามจังหวะของหนัง และถือว่าเป็นส่วนที่เด่นของหนังอีกส่วนเลยก็ว่าได้ เป็นสิ่งที่เร้าให้หนังดูมีอะไรยิ่งขึ้นไปกว่าภาพงามๆเป็นไหนๆ
ประการที่สี่คือในด้านของบท ถึงแม้ว่าบทเรื่องนี้จะยังมีช่องโหว่อยุ่บ้าง แต่อย่างน้อยบทเรื่องนี้ก็สามารถทำให้หนังสนุก ชวนลุ้นระทึกไปตามเรื่อง มีการหักมุมบางอย่าง แทรกประเด็นที่น่าสนใจ และเล่าเรื่องหลังสิ้นสุดอารยธรรมมนุษยชาติได้ดีมาก หนังสามารถเล่นกับประเด็นนี้การที่นำโลกปัจจุบันไปเชื่อมกับอนาคต สามารถเล่าออกมาได้น่าสนใจ และอาจเปรียบเราเป็นดั่งพระเอกที่ค่อยๆค้นหาคำตอบบางอย่างที่คาใจจนสามารถกระเทาะเปลือกแห่งความสงสัยไปจนถึงคำตอบที่คาใจในเรื่องเล็กๆไปจนถึงประเด็นของดวงจันทร์ไททั่น ณ ดาวเสาร์ ควรไปชมกันในโรงจริงๆ ไม่ควรสปอยส์
ประเด็นสุดท้ายที่จะทำให้หนังดูดีมีระดับแบบนี้คงจะเป็นเช่นนี้ไม่ได้หากขาดซีจีเทคนิคพิเศษที่ยอดเยี่ยมดูล้ำยุค ทำให้ฉากต่างๆดูดีขึ้นมามาก แม้ว่าเรื่องนี้จะเล่นกับตัวละครที่ไม่เยอะนัก แต่ทุกตัวละครที่มาอยู่ในการดูแลเทคนิคพิเศษที่ยอดเยี่ยมที่อยู่โดยรอบของหนัง ดำเนินเรื่องไปตามบทที่มีความน่าสนใจจึงน่าค้นหาว่าสุดท้ายเรื่องราวในยุคหลังอารยธรรมของมนุษย์ปี 2077 นี้จะไปสิ้นสุดอย่างไร?
หนังเรื่องนี้น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากหนังไซไฟเรื่องอื่นๆหลายเรื่องตั้งแต่ยุคเก่าๆอย่าง 2001 : Space Odyssey , The Island, I am Legend แต่แม้ว่าจะดูเป็นหนังไซไฟที่มีแรงบันดาลใจผสมผสาน แต่ถ้าตัวหนังสามารถทำให้มันถึงใจได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะยกย่องให้มันเป็นหนังที่ "มีประสิทธิภาพ" เรื่องหนึ่งของปี
ปล.สุดท้ายขอฝากหนังตัวอย่างทีเซอร์ "หนังซอมบี้-ไซไฟ" ผลงานเรื่องใหม่ของผมไว้ด้วยนะคร้าบ คาดว่าจะมาในช่วงเดือนสิงหาคมครับ
VIDEO
อันนี้ตัวอย่างหนัง "OBLIVION" ครับ
VIDEO
ขอลากันด้วยScoreดนตรีเพราะจากหนังเรื่องนี้ครับ จากวงM83ครับ ลองกดมาฟังกันได้ครับ รับรองความมันส์ล้ำยุค
VIDEO
ติดตามผลงานรีวิวอื่นๆและผลงานหนังสั้นต่อได้ที่นี่ครับ
ใครชอบอ่านรีวิวหรืออยากติดตามเรื่องราวข่าวสารดีๆจากผม
ผมจะไป"แชร์"ให้ทุกท่านโดยตรงในเพจด้านล่างนี้นะคร้าบ มาLikeเยอะๆนะคร้าบ คลิกไปแล้วไม่ผิดหวังครับ!!
https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
https://www.facebook.com/S.L.Studios.Ent
5 เหตุผลที่ภาพยนตร์ไซไฟอลังการ OBLIVION ควรค่าที่จะดูในโรง!!! [รีวิวภาพรวม+ไม่สปอยส์]
OBLIVION : อุบัติการณ์ โลกลืม
คมนิด จี๊ดเลย : ทุกข้อสงสัยล้วนมีคำตอบ ถ้าเรามุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริง
Napat's Rating : (B+) , 8.5 /10
Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิิกLIKE!! : https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนังในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น -
จากใจ..ถึงหนังเรื่องนี้ : กล่าวถึงหนังเรื่องนี้ ถึงว่าเป็นไซไฟฟอร์มใหญ่เรื่องแรกๆที่เริ่มส่งสัญญาณว่ากองทัพไซไฟช่วงซัมเมอร์ในปีนี้ซึ่งเยอะมากกำลังจะทยอยแห่ทัพมาแล้ว(รวมทั้งงานTHE LAST DAYที่ผมกำกับด้วย แหะๆ) เรื่องนี้ถือว่าเป็นไซไฟประเดิมปีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือว่าเป็นหนังคุณภาพดีมากในช่วงต้นปี แม้ว่าจะยังไม่สุดจนต้องคารวะให้งามๆ แต่ถ้าเทียบกับหนังเรื่องก่อนของผู้กำกับคนนี้ในเรื่อง Tron Legacy ผมคิดว่าเรื่องนี้ทำได้ดีกว่าเยอะมากกกกกกก!!! แม้ว่าจะไม่มีสามมิติ แต่ควรเสียตังค์ไปดูความอลังและความบันเทิงในโรงครับ โดยเฉพาะคอไซไฟไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
ผมจะไม่ขอสปอยส์เนื้อเรื่องของหนังให้ฟังนะครับ แต่จะบอกว่า สิ่งที่ยอดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้มีห้าอย่างใหญ่ๆ ที่น่าจดจำและคุ้มค่าพอที่จะเสียเงินดูในโรง
สิ่งแรกคือเรื่องภาพ การถ่ายภาพที่โคตรเจ๋ง สวย คม กริบ ละเมียดละไมมากๆ แม้ว่าจะไม่เป็นสามมิติ แต่มุมกล้อง ภาพ มู้ดและโทนของหนัง สีหนัง สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมของเนื้อเรื่องตามแบบฉบับไซไฟได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำได้น่าประทับใจมากครับ
ประการที่สอง ได้แก่ด้านฉาก การออกแบบงานสร้าง รวมถึงอาร์ตไดฯ พร๊อพอุปกรณืต่างๆ ยังคงทำได้น่าทึ่งและดูล้ำยุค สมจริง นึกถึงตอนที่หนัง Tron Legacyมี ตอนนั้นเสียดายมากที่มีฉากดีๆแต่หนังบทห่วย แต่เรื่องนี้เมื่อฉากงามๆมาอยู่ในหนังที่มีบทดีๆองค์ประกอบดีๆ มันเลยยิ่งเสริมทัพให้หนังดูดีมีคุณภาพได้ทันตาครับ
ประการที่สามคือด้าน ดนตรี งานสกอร์รอบนี้ผู้กำกับก็ตัดสินใจเลือกใช้สกอร์จากวงดนตรีนอกที่ไม่ได้ทำงานประพันธ์เพลงให้ภาพยนตร์เป็นงานหลักอยู่แล้วเหมือนรอบที่แล้ว ที่เอา วงดาร์พพัั้งค์ มาทำให้เรื่องทรอนดูล้ำยุคด้วยดนตรี แต่รอบนี้ผู้กำกับไ้ใช้บริการวง M83 แทน ซึ่งสามารถถ่ายทอดความเป็นหนังไซไฟผ่านบทเพลงได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ ดนตรีทำได้น่าจดจำ ดูโหยหวน ตื่นเต้น โดดเดี่ยว เศร้าหมอง มันส์ระทึก ไปตามจังหวะของหนัง และถือว่าเป็นส่วนที่เด่นของหนังอีกส่วนเลยก็ว่าได้ เป็นสิ่งที่เร้าให้หนังดูมีอะไรยิ่งขึ้นไปกว่าภาพงามๆเป็นไหนๆ
ประการที่สี่คือในด้านของบท ถึงแม้ว่าบทเรื่องนี้จะยังมีช่องโหว่อยุ่บ้าง แต่อย่างน้อยบทเรื่องนี้ก็สามารถทำให้หนังสนุก ชวนลุ้นระทึกไปตามเรื่อง มีการหักมุมบางอย่าง แทรกประเด็นที่น่าสนใจ และเล่าเรื่องหลังสิ้นสุดอารยธรรมมนุษยชาติได้ดีมาก หนังสามารถเล่นกับประเด็นนี้การที่นำโลกปัจจุบันไปเชื่อมกับอนาคต สามารถเล่าออกมาได้น่าสนใจ และอาจเปรียบเราเป็นดั่งพระเอกที่ค่อยๆค้นหาคำตอบบางอย่างที่คาใจจนสามารถกระเทาะเปลือกแห่งความสงสัยไปจนถึงคำตอบที่คาใจในเรื่องเล็กๆไปจนถึงประเด็นของดวงจันทร์ไททั่น ณ ดาวเสาร์ ควรไปชมกันในโรงจริงๆ ไม่ควรสปอยส์
ประเด็นสุดท้ายที่จะทำให้หนังดูดีมีระดับแบบนี้คงจะเป็นเช่นนี้ไม่ได้หากขาดซีจีเทคนิคพิเศษที่ยอดเยี่ยมดูล้ำยุค ทำให้ฉากต่างๆดูดีขึ้นมามาก แม้ว่าเรื่องนี้จะเล่นกับตัวละครที่ไม่เยอะนัก แต่ทุกตัวละครที่มาอยู่ในการดูแลเทคนิคพิเศษที่ยอดเยี่ยมที่อยู่โดยรอบของหนัง ดำเนินเรื่องไปตามบทที่มีความน่าสนใจจึงน่าค้นหาว่าสุดท้ายเรื่องราวในยุคหลังอารยธรรมของมนุษย์ปี 2077 นี้จะไปสิ้นสุดอย่างไร?
หนังเรื่องนี้น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากหนังไซไฟเรื่องอื่นๆหลายเรื่องตั้งแต่ยุคเก่าๆอย่าง 2001 : Space Odyssey , The Island, I am Legend แต่แม้ว่าจะดูเป็นหนังไซไฟที่มีแรงบันดาลใจผสมผสาน แต่ถ้าตัวหนังสามารถทำให้มันถึงใจได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะยกย่องให้มันเป็นหนังที่ "มีประสิทธิภาพ" เรื่องหนึ่งของปี
ปล.สุดท้ายขอฝากหนังตัวอย่างทีเซอร์ "หนังซอมบี้-ไซไฟ" ผลงานเรื่องใหม่ของผมไว้ด้วยนะคร้าบ คาดว่าจะมาในช่วงเดือนสิงหาคมครับ
อันนี้ตัวอย่างหนัง "OBLIVION" ครับ
ขอลากันด้วยScoreดนตรีเพราะจากหนังเรื่องนี้ครับ จากวงM83ครับ ลองกดมาฟังกันได้ครับ รับรองความมันส์ล้ำยุค
ติดตามผลงานรีวิวอื่นๆและผลงานหนังสั้นต่อได้ที่นี่ครับ
ใครชอบอ่านรีวิวหรืออยากติดตามเรื่องราวข่าวสารดีๆจากผม
ผมจะไป"แชร์"ให้ทุกท่านโดยตรงในเพจด้านล่างนี้นะคร้าบ มาLikeเยอะๆนะคร้าบ คลิกไปแล้วไม่ผิดหวังครับ!!
https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
https://www.facebook.com/S.L.Studios.Ent