ต้องเริ่มเล่าก่อนว่า เราคบกับแฟนมาจะ 6 ปีแล้ว โดยที่ครอบครัว(โดยเฉพาะแม่)ไม่เคยสนับสนุนให้คบผช.คนนี้เลย แต่เอาเถอะ...ว่ากันง่ายๆ ว่าก็อยู่ด้วยกัน(บ้าง) มีชีวิตแบบอยู่กินกัน (แต่อยู่คนละบ้าน นานๆ ทีไปค้างบ้านผช.ทีโดยที่ไม่ได้บอกที่บ้าน) จุดแตกหักมันเกิดขึ้นตอนที่แม่รู้ว่าได้เสียกัน ช่วงที่คบกันเข้าปีที่สาม เลยไม่ยอมรับเลย
ยืดอกยอมรับว่ารักผช.คนนี้ นิสัยเสียก็มี(เยอะ) นิสัยดีก็มี(บ้าง) เรากับแฟนเคยจับเข่าคุยกัน คิดว่า ต้นเรื่องที่แม่เราไม่ยอมรับ ไม่เอาเลยก็คือ เรื่องที่ได้เสียกันก่อน แถมอีกเรื่องคือ แฟนเราดันเตี้ยกว่าเรา (เยอะด้วย) แต่เราไม่ได้แคร์น่ะค่ะ แม่เราถึงกับต่อว่าเลยว่า ไม่อายหรอไง คนนึงเตี้ยกับคนสูงเดินด้วยกันน่ะ เรื่องที่ว่ารับผิดชอบไหม....ก็บอกได้เลยว่าไอ้ที่คบต่อมาจะหกปีนี่แหล่ะ คือการวางแผนอนาคตร่วมกัน...เก็บเงิน...แต่งงาน มีลูก....ซึ่งแฟนเราก็รักเรา ตั้งใจจะแต่งงานกันในอีกไม่เกิน สี่ปีข้างหน้า....
ส่วนเรื่องอื่นๆ คงไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่ แต่เราเองก็คบมาถึงตอนนี้ ด้วยหลายๆ สิ่ง และพร้อมๆ กับแม่ที่กรอกหูตลอดว่า "ยังไงฉันก็จะไม่รับผช.คนนี้เป็นเขยและหาใหม่ซะ" แต่มันอยู่ด้วยกัน ความผูกพันมันมี เราเองก็ท้อใจ ไม่รู้เพราะอะไรมันถึงไม่เคยดีขึ้นเลย
เพราะรู้ว่าให้ตายก็ไม่ยอมรับ เราเองก็ผิดที่บางครั้งก็โกหกแม่ว่านอนค้างที่ทำงานแล้วไปอยู่กับแฟนบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อย เดือนนึงก็สองสามครั้ง...ไม่เกิน แล้วส่วนใหญ่ก็ถ้าบอกว่านอนออฟฟิตก็คือนอนออฟฟิต ไม่ได้ไปหาแฟน ล่าสุด....แม่ก็จับได้อีกครั้งว่าเราแอบหนีไปนอนบ้านแฟน โอเคแหล่ะ ความรู้สึกผิดมันมีอยู่เหมือนชนักติดหลัง แต่....เราก็ไม่อยากเลิกกับแฟน เพียงเพราะแม่....
บอกตรงๆ ว่าคิดโง่ๆ ว่าเออ ทำไมนะ...ทำไมเราถึงเลือกคู่ชีวิตเราไม่ได้ ทำไมเราต้องมาเดินตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่นะ นี่คือการเลือกคนที่จะดูแลเราต่อจากครอบครัวที่ให้กำเนิดนะ (...มันเป็นคำถามน้อยใจที่คิดมาตลอดหลายปีน่ะค่ะ)
ก็รู้ค่ะว่าบางทีก็ควรเชื่อแม่บ้าง แต่เราเองก็ไม่ได้ประสบกับปัญหาที่รุนแรงกับแฟนเลย เป็นแฟนด้วยซ้ำที่บ่นเราตลอดว่าทำไมไม่บอกที่บ้าน แถมยังมีน้อยอกน้อยใจเราด้วยซ้ำว่า ไม่เคยเลยที่จะออกมาหาแฟนช่วงวันหยุด ไม่เคยไปกินข้าวดูหนัง ทำอะไรประสาคู่่รักเลย เพราะเราบอกแต่เพียงว่า เราเลือกที่จะอยู่กับครอบครัวมากกว่า (เพราะงานค่อนข้างหนัก ไปทำงานเช้ากลับดึก ไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อแม่)
มันกลายเป็นว่าเราทุกข์เพราะความที่ไม่ยอมรับ....ท้อใจจังค่ะ ฝั่งนึงก็คนรัก อีกฝั่งก็ครอบครัว ควรทำยังไงดีคะ...T___T
ครอบครัวให้เลิกกับแฟน ทำยังไงดีอะคะ
ยืดอกยอมรับว่ารักผช.คนนี้ นิสัยเสียก็มี(เยอะ) นิสัยดีก็มี(บ้าง) เรากับแฟนเคยจับเข่าคุยกัน คิดว่า ต้นเรื่องที่แม่เราไม่ยอมรับ ไม่เอาเลยก็คือ เรื่องที่ได้เสียกันก่อน แถมอีกเรื่องคือ แฟนเราดันเตี้ยกว่าเรา (เยอะด้วย) แต่เราไม่ได้แคร์น่ะค่ะ แม่เราถึงกับต่อว่าเลยว่า ไม่อายหรอไง คนนึงเตี้ยกับคนสูงเดินด้วยกันน่ะ เรื่องที่ว่ารับผิดชอบไหม....ก็บอกได้เลยว่าไอ้ที่คบต่อมาจะหกปีนี่แหล่ะ คือการวางแผนอนาคตร่วมกัน...เก็บเงิน...แต่งงาน มีลูก....ซึ่งแฟนเราก็รักเรา ตั้งใจจะแต่งงานกันในอีกไม่เกิน สี่ปีข้างหน้า....
ส่วนเรื่องอื่นๆ คงไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่ แต่เราเองก็คบมาถึงตอนนี้ ด้วยหลายๆ สิ่ง และพร้อมๆ กับแม่ที่กรอกหูตลอดว่า "ยังไงฉันก็จะไม่รับผช.คนนี้เป็นเขยและหาใหม่ซะ" แต่มันอยู่ด้วยกัน ความผูกพันมันมี เราเองก็ท้อใจ ไม่รู้เพราะอะไรมันถึงไม่เคยดีขึ้นเลย
เพราะรู้ว่าให้ตายก็ไม่ยอมรับ เราเองก็ผิดที่บางครั้งก็โกหกแม่ว่านอนค้างที่ทำงานแล้วไปอยู่กับแฟนบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อย เดือนนึงก็สองสามครั้ง...ไม่เกิน แล้วส่วนใหญ่ก็ถ้าบอกว่านอนออฟฟิตก็คือนอนออฟฟิต ไม่ได้ไปหาแฟน ล่าสุด....แม่ก็จับได้อีกครั้งว่าเราแอบหนีไปนอนบ้านแฟน โอเคแหล่ะ ความรู้สึกผิดมันมีอยู่เหมือนชนักติดหลัง แต่....เราก็ไม่อยากเลิกกับแฟน เพียงเพราะแม่....
บอกตรงๆ ว่าคิดโง่ๆ ว่าเออ ทำไมนะ...ทำไมเราถึงเลือกคู่ชีวิตเราไม่ได้ ทำไมเราต้องมาเดินตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่นะ นี่คือการเลือกคนที่จะดูแลเราต่อจากครอบครัวที่ให้กำเนิดนะ (...มันเป็นคำถามน้อยใจที่คิดมาตลอดหลายปีน่ะค่ะ)
ก็รู้ค่ะว่าบางทีก็ควรเชื่อแม่บ้าง แต่เราเองก็ไม่ได้ประสบกับปัญหาที่รุนแรงกับแฟนเลย เป็นแฟนด้วยซ้ำที่บ่นเราตลอดว่าทำไมไม่บอกที่บ้าน แถมยังมีน้อยอกน้อยใจเราด้วยซ้ำว่า ไม่เคยเลยที่จะออกมาหาแฟนช่วงวันหยุด ไม่เคยไปกินข้าวดูหนัง ทำอะไรประสาคู่่รักเลย เพราะเราบอกแต่เพียงว่า เราเลือกที่จะอยู่กับครอบครัวมากกว่า (เพราะงานค่อนข้างหนัก ไปทำงานเช้ากลับดึก ไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อแม่)
มันกลายเป็นว่าเราทุกข์เพราะความที่ไม่ยอมรับ....ท้อใจจังค่ะ ฝั่งนึงก็คนรัก อีกฝั่งก็ครอบครัว ควรทำยังไงดีคะ...T___T