=====ใครเชื่อบ้าง สุดแท้แต่วาสนา =====

อ่านมาจากเฟสฯค่ะ


:: การเจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ::

       มี ชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี.........!!!!!! ^^ ยิ้ม
   
ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกันเมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอย

วันที่จะแต่งงาน การจัดเตรียมงานดำเนินมาจนใกล้จะได้เวลาแต่งแต่ใน

เวลาต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า..............คู่รักของตนแต่งงานกับคน

อื่นอย่างกะทันหันโดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจและเธอเองก็ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด

        เมื่อได้ทราบข่าวเช่นนั้น เขารู้สึกช็อค ทั้งงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น และ

เสียใจ มากจนเกือบเรียกได้ว่า เสียสติไปเลยทีเดียวเพราะ ทั้งร้องไห้ไม่

กินไม่นอนไปเลยทีเดียว จนกระทั่งไม่นานมานี้เขาก็ป่วยหนักเพราะตรอม

ใจ...อยู่หลายวันเลยทีดียว เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ

ไปหาหมอกี่ทีๆ........ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยซักอย่าง

วันหนึ่งในขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มีหลวงตาแก่ๆเดินผ่านมาที่หน้า

บ้างของชายผู้นี้ เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของเขา แล้วมอง

เข้าไปในบ้าน....แล้วจึงเคาะประตู

ไม่นานเด็กรับใช้ออกมาเปิดประตู แล้วก็พบว่าเป็น พระ     

เด็กจึงบอกไปว่า "ไม่ทำบุญครับหลวงตา เชิญท่านนิมนต์ไปข้างหน้านะครับ"

หลวงตาได้ยินเด็กรับใช้พูดเช่นนี้...ท่านก็ยิ้มอย่างเมตตาแล้วพูดว่า

อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาตโยม อาตมาจะถามว่า "ในบ้านมีคนป่วยใช่มั้ย!  

อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย ไม่รู้จะพอช่วยได้หรือปล่าว"

เด็กรับใช้ได้ฟังก็เช่นนั้นก็.....อึ้ง แต่ก็ตัดสินใจเองไม่ได้ เลยต้องขอตัวไปถามเจ้านายก่อน.......

เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านและถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญ

ว่า "อยากเข้ามา ก็เข้ามา!" เด็กรับใช้ก็วิ่งไปนิมนต์หลวงตาเข้ามาใน

บ้านอย่างรวดเร็ว ด้วยก็หวังว่าท่านจะช่วยเจ้านายของตนได้บ้าง......

เมื่อหลวงตาเข้าไปพบในห้องนอนพบว่า ชายคนดังกล่าวนอนอย่าง

หมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอม

ประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัด

เก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น....

หลวงตายิ้มแล้วพูดว่า "อาการหนักเลยนะ...เรา"

ชายคนนั้น นิ่งเงียบเหมือนไม่ได้ยินซะด้วยซ้ำเพราะเขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด แต่อย่างใด

หลวงตาท่านก็ได้ตรวจอาการพอเป็นพิธี ท่านจึงกล่าวว่า "โทรมมากเลย

นะ" เป็นรอบที่สอง ชายคนนั้นไม่ได้สนใจ...แต่เขาก็ได้ยินสิ่งที่พูดเมื่อกี้

หลวงตาก็บอกว่า "ไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ" ชายคนนั้นไม่สนใจ

แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอนเขา

เขาได้มองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆ

จางหายไป.......






กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล.... ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา

ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น

เขาก็พบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด  เวลาผ่านไปสัก
ครู่ อยู่ๆก็.................

มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ

แสดงท่าทางขยะแขยง แล้วก็เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาพักใหญ่ก็มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมาและเขาก็มองเห็นศพนั้นเช่นเดียวกับชายคนแรก

แต่ชายคนนี้ เขาท่าทางจะสงสารศพ เขาจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่าง

ของศพหญิงคนนั้น แต่แล้วชายผู้นั้นก็เดินจากไป

พักใหญ่ๆอีกเช่นกันก็มีชายอีกคนเดินผ่านมา....เขาพบคนนอนมีผ้าคลุม

อยู่ จึงเปิดออกดู...เมื่อพบว่าเป็นศพเขาก็รู้สึกตกใจ ด้วยใจที่สงสาร จึง

จะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีอุปกรณ์หรือเครื่องมืออะไรที่จะขุด เขาจึง

ตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้าง ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ

จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อย
แล้วจากไป

จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้นและก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรักที่เขากำลังจะได้แต่งงาน เขาเห็นแล้วก็

รู้สึกตกใจ สักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2 แล้วก็ค่อยๆจางหายไป

เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก

ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า "ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่

ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วย

คลุมศพเธอ จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปีแล้ว วาสนาสิ้นแล้วก็ต้อง


จากกัน...........


เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก  



หลวงตาท่านยิ้มแล้วบอกว่า " โยมรอดแล้ว.....เมื่อกี้โยมกระอักเลือด


เอาเลือดเสียออกมาแล้ว โยมรอดแล้วและจะหายในอีกไม่ช้า"


ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวช ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนต่างที่จะ
นำมาใช้ ครั้งเมื่อยามออกบวช



]



  

         ในที่สุด ..... คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย


เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่....


จะถึง เวลา  "ที่ได้มาเจอกัน" และ "ก็ต้องได้จากกัน"


เมื่อไหร่....ที่เราจะหมดสิ้นวาระ สิ้นวาสนา แล้วไซร้     


ก็ต้องจากกันไปจะรั้งกันยังไงก็ไม่อยู่....แล


ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้ คุณ ทำ ได้ ทำ ดี  ต่อคนของคุณหรือยัง!
เพราะ ถ้าถึงเวลาที่ต้องจากกัน  ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นพ้น  ก็เรียกมันกลับคืนมา  ไม่ได้
ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่ ^_^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่