สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่านตอนแรก ขอแนะนำให้เริ่มที่ลิ้งค์นี้ครับ
http://ppantip.com/topic/30350654 (เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านต่อเนื่องนะครับ)
**ขออภัยเรื่องรูปภาพที่ถ่ายก่อนนะครับ เนื่องจากผมใช้กล้องดิจิตอลปัญญาอ่อน กดถ่าย กดถ่าย ไม่ต้องติดอะไรเยอะ อาจจะได้ภาพไม่สวยถูกใจนะครับ
ปล.2 การรีวิวครั้งนี้ ผมจะพยายามรีวิวโดยใช้อารมณ์ดิบๆ ตามความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเกาหลีครั้งแรกของผมนะครับ หากผู้เชี่ยวชาญการท่องเที่ยวต่างประเทศอ่านแล้วรู้สึกตะหงิดใจ ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ
ปล.3 ผมจะพยายามอ้างถึงชื่อหรือพาดพิงบุคคลให้น้อยที่สุดนะครับ หากสงสัยอะไร หลังไมค์นะครับ แต่ผมก็ขอพยายามตอบเท่าที่จะตอบได้นะครับ
ขออนุญาตเริ่มตอนสองด้วยภาพปิดท้ายจากตอนแรกนะครับ เนื่องจากว่า เห็นผู้โดยสารท่านหนึ่งพยายามถ่ายรูปแอร์แล้วแอร์ทำท่ายกมือห้าไม่ให้ถ่าย ผมเลยไม่อยากถูกแอร์ด่าเป็นภาษาเกาหลีนะครับ
ความรู้สึก ณ ตอนนี้ ยังรู้สึกงงๆ อยู่ เมื่อกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินของ Eastar Jet (ยังแอบสงสัยว่า สายการบินนี้มันอ่านยังไงว่ะ อีสสตาร์ เจ็ท หรือ อีเอสตาร์ เจ็ท ก็ไม่อาจทราบได้ ท่านไหนทราบแล้วช่วยบอกหน่อยนะครับ) ตอนนี้เครื่องลอยอยู่บนฟ้าแล้ว เขาจะพาไปไหนก็ต้องให้เขาพาไปแล้วล่ะ
แอบคิดเล่นๆ ว่า ถ้าเกิดเขาพาไปเกาหลีเหนือให้ไปช่วยรบ วิชา รด. ที่เรียนมาตอนม.ปลายจะช่วยได้มั้งไหมเนี่ย
หันไปสังเกตสภาพเครื่องบิน (เอาตามที่ผมเห็นนะ ผมไม่รู้ว่ามันเรียกว่ารุ่นอะไร) เป็นเครื่องบินแบบแถวละ 6 ที่นั่ง มีอยู่ข้างละ 3 ที่นั่ง มีจำนวนทั้งหมด 32 แถว ความกว้างระหว่างที่นั่ง สามารถนั่งได้สบาย โดยคนตัวสูงสูงๆ เข่ายังไม่ชนกับเบาะข้างหน้า (ถ้าเทียบกับเครื่องของแอร์เอเซียที่ไปฮ่องกงที่นั่งแคบกว่าครับ ตอนนั้นพอปรับเอนนิดเดียว เข่าแตะเบาะหน้าแล้วครับ)
ส่วนสภาพเครื่องนั้น อารมณ์ประมาณสายการบิน Low cost บ้านเรานะครับ ไม่ได้ใหม่ แต่ก็ไม่ได้เก่าเหลาเหย่เท่าไหร่ครับ
แอร์หน้าตาน่ารัก (เอ๊ะ อันนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับรีวิว)
เนื่องจากเราจะต้องเดินทางจากกรุงเทพตอนสี่ทุ่มกว่า แล้วกำหนดการจะถึงสนามบินอินซอน ประเทศเกาหลีใต้ตอนตีสี่ (เวลาบ้านเรา) แล้วจะต้องทำการปรับเวลาบวกไปอีก 2 ชั่วโมง ทำให้เครื่องบินลำนี้แตะพื้นดินประเทศเกาหลีใต้ตอนหกโมงเช้า ทำให้กิจกรรมที่อยู่บนเครื่องมีอยู่ไม่กี่อย่าง ถ้าไม่นอน ก็เล่นเกมส์ ดูหนังฟังเพลง บนมือถือหรือแทบเล็ต แต่ส่วนใหญ่จะเลือกข้อแรก แต่เพราะความตื่นเต้นเลยทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ
มาถึงเรื่องอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง สังเกตได้ว่า แอร์จะขยันเสริฟ์น้ำบ่อยมาก (ใจคอจะให้กระเพาะปัสสาวะโป่งพองกันเลยหรือไงเนี่ย
) โดยจะมีการเสริฟ์น้ำเปล่าและน้ำส้มเกาหลี (ขอโทษทีครับ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ขอกระแดะเรียกแบบนี้แล้วกันนะครับ 555)
ส่วนอาหาร หากใครหวังจะมากินอาหารเกาหลีมื้อแรกบนเครื่อง คุณจะเจอแบบนี้ครับ
เพราะฉะนั้นผมขอเตือนว่า หากคุณจะมาทริปนี้ กรุณารับประทานอาหารมาก่อนขึ้นเครื่องนะครับ เพราะแค่นี้อาจจะไม่พอยาไส้สำหรับใครหลายคน (รวมทั้งผมด้วย)
มันคืออะไร? มันคืออะไร? ไอ้ขนมปังมันก็พอจะจินตนาการได้อยู่หรอกครับว่า มันน่าจะคงเป็นเหมือนเนื้อเค้กนุ่ม ส่วนไอ้กล่องนี่สิ ภาษาเกาหลีทั้งดุ้น มีให้สังเกตุได้อยู่อย่างเดียวก็น่าจะเป็นรูปเมล็ดถั่ว ผมขอเดาเอาว่า น่าจะเป็น "นมถั่วเหลือง" (มั้งนะ) พอกินแล้วก็ใช่จริงๆ แฮะ รสชาดอร่อยแบบแปลกๆ (แต่ดี) นะครับ ซึ่งมันคงมีหน้าที่เอาไว้รองท้องแค่นั้นมั้งครับ อย่าลืมนะครับ หาอะไรยัดมาก่อนขึ้นเครื่องนะครับ เพราะเราอยู่บนเครื่อง 5-6 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ส่วนสภาพบนท้องฟ้าตอนไปน่าจะไม่ค่อยดีนะครับ เพราะส่วนใหญ่แล้ว ไฟสัญญาณให้รัดเข็มขัดจะติดอยู่เกือบตลอดเที่ยวบินเลยครับ
(เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูง จึงขออนุญาตตัดภาพมาถึงตอนล้อเครื่องบินแตะสนามบินอินซอนเลยแล้วกันนะครับ)
เมื่อเครื่องจอดเทียบงวงช้างแล้ว ผมกับภรรยาค่อยๆ เดินออกมาทางประตูเครื่อง (แหงล่ะ ใครจะลงทางหน้าต่างฟ่ะ!!) พอวินาทีที่พ้นประตูเครื่อง ความหนาวเย็นการมาต้อนรับเราก่อน ตม. ซะอีก
555 ผมอยากจะหัวเราะให้สุดเสียง (แต่กลัวแอร์จับส่งกลับไทย ข้อหาวิกลจริต) ตอนนี้ผมอยู่ที่เกาหลีใต้จริงๆ แล้ว 555
ณ ตอนนี้ ผมขอคอนเฟิร์มว่า ถ้าคุณไม่โดนบริษัททัวร์หลอก ทัวร์เกาหลี ราคา 9,990 บาท สามารถพาคุณมาถึงเกาหลีได้จริงนะครับ
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะครับ
[CR] ทัวร์เกาหลี 9,900 บาท เวอร์ชั่นพาเมียหนีร้อนไปนอนหนาว 0 องศา (ตอนสอง)
**ขออภัยเรื่องรูปภาพที่ถ่ายก่อนนะครับ เนื่องจากผมใช้กล้องดิจิตอลปัญญาอ่อน กดถ่าย กดถ่าย ไม่ต้องติดอะไรเยอะ อาจจะได้ภาพไม่สวยถูกใจนะครับ
ปล.2 การรีวิวครั้งนี้ ผมจะพยายามรีวิวโดยใช้อารมณ์ดิบๆ ตามความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเกาหลีครั้งแรกของผมนะครับ หากผู้เชี่ยวชาญการท่องเที่ยวต่างประเทศอ่านแล้วรู้สึกตะหงิดใจ ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ
ปล.3 ผมจะพยายามอ้างถึงชื่อหรือพาดพิงบุคคลให้น้อยที่สุดนะครับ หากสงสัยอะไร หลังไมค์นะครับ แต่ผมก็ขอพยายามตอบเท่าที่จะตอบได้นะครับ
ขออนุญาตเริ่มตอนสองด้วยภาพปิดท้ายจากตอนแรกนะครับ เนื่องจากว่า เห็นผู้โดยสารท่านหนึ่งพยายามถ่ายรูปแอร์แล้วแอร์ทำท่ายกมือห้าไม่ให้ถ่าย ผมเลยไม่อยากถูกแอร์ด่าเป็นภาษาเกาหลีนะครับ
ความรู้สึก ณ ตอนนี้ ยังรู้สึกงงๆ อยู่ เมื่อกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินของ Eastar Jet (ยังแอบสงสัยว่า สายการบินนี้มันอ่านยังไงว่ะ อีสสตาร์ เจ็ท หรือ อีเอสตาร์ เจ็ท ก็ไม่อาจทราบได้ ท่านไหนทราบแล้วช่วยบอกหน่อยนะครับ) ตอนนี้เครื่องลอยอยู่บนฟ้าแล้ว เขาจะพาไปไหนก็ต้องให้เขาพาไปแล้วล่ะ
แอบคิดเล่นๆ ว่า ถ้าเกิดเขาพาไปเกาหลีเหนือให้ไปช่วยรบ วิชา รด. ที่เรียนมาตอนม.ปลายจะช่วยได้มั้งไหมเนี่ย
หันไปสังเกตสภาพเครื่องบิน (เอาตามที่ผมเห็นนะ ผมไม่รู้ว่ามันเรียกว่ารุ่นอะไร) เป็นเครื่องบินแบบแถวละ 6 ที่นั่ง มีอยู่ข้างละ 3 ที่นั่ง มีจำนวนทั้งหมด 32 แถว ความกว้างระหว่างที่นั่ง สามารถนั่งได้สบาย โดยคนตัวสูงสูงๆ เข่ายังไม่ชนกับเบาะข้างหน้า (ถ้าเทียบกับเครื่องของแอร์เอเซียที่ไปฮ่องกงที่นั่งแคบกว่าครับ ตอนนั้นพอปรับเอนนิดเดียว เข่าแตะเบาะหน้าแล้วครับ)
ส่วนสภาพเครื่องนั้น อารมณ์ประมาณสายการบิน Low cost บ้านเรานะครับ ไม่ได้ใหม่ แต่ก็ไม่ได้เก่าเหลาเหย่เท่าไหร่ครับ
แอร์หน้าตาน่ารัก (เอ๊ะ อันนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับรีวิว)
เนื่องจากเราจะต้องเดินทางจากกรุงเทพตอนสี่ทุ่มกว่า แล้วกำหนดการจะถึงสนามบินอินซอน ประเทศเกาหลีใต้ตอนตีสี่ (เวลาบ้านเรา) แล้วจะต้องทำการปรับเวลาบวกไปอีก 2 ชั่วโมง ทำให้เครื่องบินลำนี้แตะพื้นดินประเทศเกาหลีใต้ตอนหกโมงเช้า ทำให้กิจกรรมที่อยู่บนเครื่องมีอยู่ไม่กี่อย่าง ถ้าไม่นอน ก็เล่นเกมส์ ดูหนังฟังเพลง บนมือถือหรือแทบเล็ต แต่ส่วนใหญ่จะเลือกข้อแรก แต่เพราะความตื่นเต้นเลยทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ
มาถึงเรื่องอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง สังเกตได้ว่า แอร์จะขยันเสริฟ์น้ำบ่อยมาก (ใจคอจะให้กระเพาะปัสสาวะโป่งพองกันเลยหรือไงเนี่ย ) โดยจะมีการเสริฟ์น้ำเปล่าและน้ำส้มเกาหลี (ขอโทษทีครับ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ขอกระแดะเรียกแบบนี้แล้วกันนะครับ 555)
ส่วนอาหาร หากใครหวังจะมากินอาหารเกาหลีมื้อแรกบนเครื่อง คุณจะเจอแบบนี้ครับ
เพราะฉะนั้นผมขอเตือนว่า หากคุณจะมาทริปนี้ กรุณารับประทานอาหารมาก่อนขึ้นเครื่องนะครับ เพราะแค่นี้อาจจะไม่พอยาไส้สำหรับใครหลายคน (รวมทั้งผมด้วย)
มันคืออะไร? มันคืออะไร? ไอ้ขนมปังมันก็พอจะจินตนาการได้อยู่หรอกครับว่า มันน่าจะคงเป็นเหมือนเนื้อเค้กนุ่ม ส่วนไอ้กล่องนี่สิ ภาษาเกาหลีทั้งดุ้น มีให้สังเกตุได้อยู่อย่างเดียวก็น่าจะเป็นรูปเมล็ดถั่ว ผมขอเดาเอาว่า น่าจะเป็น "นมถั่วเหลือง" (มั้งนะ) พอกินแล้วก็ใช่จริงๆ แฮะ รสชาดอร่อยแบบแปลกๆ (แต่ดี) นะครับ ซึ่งมันคงมีหน้าที่เอาไว้รองท้องแค่นั้นมั้งครับ อย่าลืมนะครับ หาอะไรยัดมาก่อนขึ้นเครื่องนะครับ เพราะเราอยู่บนเครื่อง 5-6 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ส่วนสภาพบนท้องฟ้าตอนไปน่าจะไม่ค่อยดีนะครับ เพราะส่วนใหญ่แล้ว ไฟสัญญาณให้รัดเข็มขัดจะติดอยู่เกือบตลอดเที่ยวบินเลยครับ
(เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูง จึงขออนุญาตตัดภาพมาถึงตอนล้อเครื่องบินแตะสนามบินอินซอนเลยแล้วกันนะครับ)
เมื่อเครื่องจอดเทียบงวงช้างแล้ว ผมกับภรรยาค่อยๆ เดินออกมาทางประตูเครื่อง (แหงล่ะ ใครจะลงทางหน้าต่างฟ่ะ!!) พอวินาทีที่พ้นประตูเครื่อง ความหนาวเย็นการมาต้อนรับเราก่อน ตม. ซะอีก
555 ผมอยากจะหัวเราะให้สุดเสียง (แต่กลัวแอร์จับส่งกลับไทย ข้อหาวิกลจริต) ตอนนี้ผมอยู่ที่เกาหลีใต้จริงๆ แล้ว 555
ณ ตอนนี้ ผมขอคอนเฟิร์มว่า ถ้าคุณไม่โดนบริษัททัวร์หลอก ทัวร์เกาหลี ราคา 9,990 บาท สามารถพาคุณมาถึงเกาหลีได้จริงนะครับ
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะครับ