ชีวิตใหม่ของจูดี้ 2


สวัสดีวันที่สอง...ของความทรงจำที่งดงาม

หนูขออนุญาติเล่าเรื่องชีวิตของหนูต่อจากเมื่อวานนะคะ

....บ่ายวันนั้น
เมื่อได้ข้อสรุปกันแล้วว่า...
"นายต้องพาหนูไปหาหมอ"
หนูสังเกตุเห็นว่า สีหน้าเจ้านายไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
มีท่าทีกังวลอะไรบางอย่างออกมาจนเห็นได้ชัด
เปิดๆปิดๆกระเป๋าสตางค์ เหมือนพยายามจะนับธนบัตร
ทั้งๆที่ความเป็นจริง...เธอไม่ต้องไปนับมันก็ได้
เพราะภายในนั้นมันมีธนบัตรเพียงแค่ 1 ใบ...แค่นั้น

มนุษย์เงินเดือนหลายๆคนบนพื้นโลกใบนี้
คงเข้าใจความรู้สึกที่โหดร้ายแบบนี้ได้ดี
เป็นหนักๆในช่วงปลายๆเดือน....
นายของหนูคงเป็นหนึ่งในนั้นด้วยแน่ๆ
เธอเดินไปเดินมารอบบ้าน
ให้หนูทาย...เธอคงไปหาธนบัตรมาเพิ่ม
บ้านออกกว้าง หลายห้อง แบบนี้
ต้องมีมุมไหนสักมุม...
ที่อาจจะมีธนบัตรซุกซ่อนอยู่ในนั้น



เธอหยุดมองกระปุกออกสินใบเดียวในบ้าน
ใช้ความคิดเงียบๆ...ถอนใจหลายๆครั้งติดต่อกัน
เป็นการต่อสู้ทางความคิดในใจอย่างรุนแรง
บางครั้งก็เอากระปุกออมสินมากอดมาลูบคลำ
ของสิ่งนี้คงเป็นสิ่งที่มีค่าและแหนหวงกับเธอมากๆ
แต่แล้วเธอก็ถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้าย
ตัดสินใจวางกระปุกออมสินไว้ตรงที่เดิมของมัน



เธอรีบเดินมาสังเกตุอาการของหนูอีกครั้ง
บ่ายแก่ๆนี้...หนูไม่ได้แตะต้องอาหารใดๆสักชิ้น
เพราะความเจ็บปวดที่ก่อตัวเพิ่มมากขึ้นแสนสาหัส
มันเกิดจากหลายๆจุดของร่างกายหลอมตัวกัน
ไม่ว่าเธอจะพยายามใช้มือสัมผัสที่เบาๆขนาดไหนก็ตาม
แต่ความรู้สึกของหนูก็เจ็บร้าวไปทุกตารางของร่างกาย
จึงได้แต่ส่งเสียงร้องโหยหวลถี่ๆ
เป็นการระบายความเจ็บปวดออกมา
นั่นทำให้สีหน้าเจ้านายหนูเป็นกังวลขึ้นมาอีก
หนูรู้สึกสำนึกผิดจังเลย..
ถ้าหนูพูดได้เหมือนคนทั่วๆไป
หนูอยากตะโกนบอกเธอเหลือเกินว่า
ที่หนูส่งเสียงร้องออกมา ไม่ใช่เพราะมือเจ้านายมาทำร้าย
แต่เป็นเพราะภายในร่างกายของหนูเองต่างหากเล่า
ตรงกันข้าม หนูกลับยินดีทุกๆครั้ง
เมื่อได้มือนุ่มๆของเจ้านายมาสัมผัสหนู
ซึ่งทั้งบ่ายนี้...
หนูแอบฝันมาทั้งบ่ายว่าคงจะมีมือนุ่มๆสองมือนี้
คอยเมตตาได้ลูบหัวลูบตัวหนูในทุกๆวัน
ชีวิตหนูคงมีความหมายขึ้นหลายร้อยเท่าพันเท่า

เวลา 17.30 น
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและนายรับสาย
ปลายทางพูดว่าอะไรไม่ทราบ
แต่เสียงนายตอบแบบหนักแน่นว่า
"ไม่ต้องห่วงหรอก ตังค์กุมีเยอะแยะ"
น้ำเสียงร่าเริงใส่โทรศัพท์
แต่หลังวางสาย..ก็ถอนใจเฮือกใหญ่ดังๆ
สีหน้ากังวลแบบตะกี้กลับมาอีกครั้ง

เวลา 18.00 น.
มีรถมาจอดหน้าบ้าน
เท่าที่หนูอยู่ในหมู่บ้านนี้มาไม่นานนัก
หนูคิดว่ารถคันนี้..มีขนาดเล็กที่สุดในหมู่บ้านนี้แล้วล่ะ
รถเล็ก..แต่คนที่เดินลงมาจากรถ..ตัวใหญ่มาก
ใช่แล้วล่ะ...เขาคือผู้ชายคนนั้นนั่นเอง
คนที่มักเอาเศษอาหารไปใส่กะละมังริมรั้วหน้าบ้าน

สีหน้าเคร่งขรึมและความเงียบงันของเขา
ทำให้หนูรู้สึกกลัวจนตัวสั่นขึ้นมาเฉยๆ
เขาช่างแตกต่างจากนายของหนูอย่างสิ้นเชิง
ยิ่งเมื่อเขาส่งเสียงทุ้มดัง ทักทายหนูมา...
"ว่าไงไอ้ขี้เรื่อน..."
หนูก็ยิ่งระแวงในตัวเขามากขึ้น
เขาจะเหมือนป้าบ้านข้างบ้านหลังนั้นไหมนะ?

หนูพยายามหลบสายตาของเขา
แอบหันไปมองหน้านายเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ
เจ้านายเหมือนจะเข้าใจความคิดหนูดี
เอื้อมมาลูบหัวหนูเบาๆ...พยายามสื่อสารให้หนูเข้าใจว่าคนๆนี้
ไม่ได้ทำร้ายหนู

"เราเป็นพวกเดียวกัน"

เรากำลังจะเดินทางไปไหนกันสักที่หนึ่ง...
เจ้านายนั่งข้างหน้า
ใช้สายตาหันมามองหนูที่เบาะหลังตลอดเวลา
หนูนอนอยู่ในกล่องกระดาษที่ถูกผ้าปูไว้
ร่างกายถูกห่อด้วยผ้าผืนใหญ่อีกผืน
อันที่จริง..มันคงเป็นเสื้อของใครสักคนในสองคนนี้ล่ะ

นายบอกว่าหนูตัวร้อนมาก
สงสัยว่าจะแผลอักเสบแน่ๆ
พร้อมเอื้อมมือมาดึงผ้าที่คลุมหนูให้แน่นขึ้นกว่าเดิม


การไปหาสถานที่ไหนสักแห่งหนึ่งในวันนี้
เหมือนจะไม่ประสบผลสำเร็จเอาสะเลย
รู้สึกได้จากการขับรถที่วนไปวนมาหลายๆที่
ตอนนั้นเวลาได้ผ่านไปเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว...

และแล้วเสียงผู้ชายอ้วนคนนี้ก็ตะโกนเสียงดังออกมา
"เจอแล้วโว้ยยย...นู่นไง...คลีนิครักษาสัตว์"
หนูแอบเห็นรอยยิ้มเขาแล้ว
เราคงเป็น...พวกเดียวกัน...จริงๆด้วยสิ

นายกดกริ่งเรียกใครสักคนข้างใน
มีผู้หญิงหน้าตาใจดีออกมาต้อนรับ
เจ้านายเรียกเค้าว่า....คุณหมอ

"หมอคะช่วยมันด้วยค่ะ...เจ็บหนักเลย"
คุณหมอจับหนูนอนบนพื้นเรียบสเตนเลส
เธอบอกว่าหนูน่าสงสารจังเลย..
เอ๋...นี่เราเจอพวกเดียวกันอีกแล้วใช่มั้ย?
หนูรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาอย่างประหลาด



แต่พอเธอเอามือมาจับตรงสะโพก หลัง
และขาทั้งสองเท่านั้น...หนูก็ร้องโหยหวลเสียงดัง
คุณหมอมัดปากหนูง่ายๆด้วยผ้าดิบสีขาว



เธอบอกกับเจ้านายหนูว่าจะได้กันไม่ให้หนูกัดได้
"หนูนี่นะ..จะไปกัดใครได้ "

"น้องเป็นฝีค่ะ อักเสบหนัก ต้องเจาะหนองออกมาให้หมด"
แล้วหลังจากนี้ก็เป็นการเจาะฝี....เค้นฝี...
ล้างแผล...ฉีดอะไรเข้าไปไม่รู้ในแผล....
อาจจะเป็นยาแก้อักเสบก็เป็นได้









แผลแล้ว...แผลเล่า....จนสุดท้าย






"ขาหัก...กระดูกสะโพกแตก...อาจจะเดินไม่ได้เป็นปกตินะคะ"
ต้องดามกระดูกไว้ก่อน...แล้วหมอก็ใช้ผ้าลายน่ารักพันๆๆๆ





เสร็จเสียที....
หมอนัดมาล้างแผลอีกครั้ง....
ช่วงเวลานี้ได้เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเจ้านายอีกครั้ง
นายกำธนบัตรใบนั้นไว้อย่างแน่น เหมือนกลัวว่ามันจะปลิวหายไป
ความกังวลอะไรบางอย่างปรากฎทางสีหน้าออกมา
มือที่เอื้อมมาลูบหัวหนูเริ่มเย็นเฉียบขึ้นมา
คำตอบของความกังวลหมดไปทันทีทันใด

"ค่ารักษาทั้งหมด 380 บาท ค่ะ"
เธอยื่นธนบัตรใบสีเทาใบนั้นให้คุณหมอ
พร้อมกับรอยยิ้มแสนกว้าง....อย่างโล่งอก

"ป่ะ..กลับบ้านเรานะลูก..."

บ้าน....เรามีบ้าน...แล้วเหรอ??
แทนคำขอบคุณ หนูส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอออกมา
พร้อมกระดิกหางไปมาด้วยความดีใจ

คืนนี้แม้จะเจ็บปวดจากบาดแผลที่มีมากมาย
แต่หัวใจของหนูมันรู้สึกพองโต...คับอก


ประโยคสุดท้ายก่อนจะเข้าบ้านเรา
หนูได้ยินเจ้านายตะโกนเสียงดังออกมา
"พรุ่งนี้เงินเดือนอีอ้วนออกแล้วเว้ยยยยย...เราไปกินชาบูกันนะๆๆๆๆๆๆๆ"
เอออออออออออออออออ......
เหมือนน้ำเสียงจะประชดแต่เป็นการตอบตกลง
แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ.......
หงิ๋งๆๆๆๆๆๆ.....

...อย่างนี้ใช่มั้ย...ที่คนมักเรียกกันว่า
"ความสุข"

http://youtu.be/2RETGgi9i-8
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่