วันที่ 6 เมษาที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปทำบุญที่ เขาคิชกูฏ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่3 ติดต่อกัน
ซึ่งปีนี้ เป็นปีแรกที่หลวงพ่อเขียนผู้ซึ่งเป็นผู้บุกเบิก การกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท
ได้มรณภาพลงในปีที่ผ่านมา
ผมและครอบครัวได้ขับรถไปตรงวัดกระทิง เห็นที่วัดกระทิงเหมือนมีงาน
จึงเข้าไปในวัดตอนประมาณเที่ยงคืน เห็นว่าที่วัดนี้กำลังมีงานเพื่อ
กราบสรีระของหลวงพ่อเขียน และเห็นว่า เราสามารถต่อรถจากที่วัดกระทิง
ได้เลย ไม่ต้องไปต่อที่วัดพลวงอีกต่อไป (มาทราบทีหลังว่าที่วัดพลวงยัง
มีรถรับตามเดิม) แต่ราคาจะคิดไปกลับเลย 200 บาท (ราคาเท่ากับที่วัดพลวง)
พอจองเสร็จ ทางวัดก็ได้นำเสื่อมาให้นั่ง และมีบริการกาแฟสด ตามกำลังศรัทธาด้วย
สุดยอดมากมาย จนเวลาประมาณ ตี 3 ก็ได้ขึ้นรถ ซึ่งวัดกระทิงจะอยู่ไกลจากวัดพลวง
พอสมควร แต่คิดราคา 200 บาทเท่ากัน ที่สำคัญไม่ต้องไปต่อรถที่ กลางเขาอีกทอด
เรียกว่าทีเดียวถึงเลย
จนมาถึงจุดสุดท้ายที่ต้องเดินเท้า ก็เริ่มเห็นสิ่งที่เปลี่ยนไปหลังจากหลวงพ่อท่านมรณะ ก็คือ
มีตู้บริจาค แบบ อคีลิค เยอะมากๆ เรามาเพื่อทำบุญอยู่แล้วไม่คิดอะไรมาก แต่สิ่งที่กำลังคิดก็คือ
มันเยอะมากกว่าสมัยหลวงพ่อ ยังอยู่มากมาย มีร้านขายของเยอะมาก โรงทาน หายไป
เราไม่ได้กะมากินฟรี แต่ตั่งใจมาบริจาค แต่ไม่เห็น สิ่งที่พบร้านขายของล้วนๆ
มีร้านถ่ายรูปลงจานเหมือนเราไปเที่ยวสวนนงนุชเลย แต่สิ่งที่รับไม่ค่อยได้คือ น้องเค้านัางเกยกันแบบนั่งตกผู้ชาย
ร้องขายจานที่มีรูปเรา ในเขตศักดิ์สิทธินี่นะ
ลงมาถึงวัดพลวง เจอร้านประเภทขายเสื้อที่ระลึกเหมือนที่เราไปอัมพวา หรือ เชียงคานประมาณนั้นการทำบุญถูกแทนด้วย กระแสการท่องเที่ยว
จึงได้สอบถามคนขับได้ความว่า หลังจากหลวงพ่อท่านมรณะ การดูแลก็เปลี่ยนไป มีมูลนิธิ นึงเข้าไปดูแลแทน
โดยที่ทางวัด ไม่สามารถเข้าไปจัดการอะไรได้มากนัก
ที่น่าเศร้าคือ สรีระ หลวงพ่อยังอยู่ในวัดกระทิง อยู่ในศาลาไม้เก่าๆ
ซึ่งทางกรรมการเดิมไม่สามารถทำอะไรมากไม่ได้เพราะติดที่มูลนิธิใหม่ที่เข้ามา
จากการจับแพะชนแกะ ก็สังเกตุว่าแต่เดิมหลวงพ่อ จะติดป้ายไม้แล้วเขียนคำสอนไปเรื่อยๆ
แต่มาปีนี้ใช้ป้ายไวย์นิล และสังเกตุที่ป้ายหน้าศาลาก่อนไปนมัสการรอยพระพุทธบาท
ว่าเป็นสำนักสงฆ์ไปแล้ว
ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดเพราะคำสอนของหลวงพ่อกำลังหายไปกลายเป็นธุรกิจไปหมดแล้ว
เพราะการเดินขึ้นหลวงพ่อเคยบอกว่าเราต้องกำหนดจิตขึ้นไป กราบไหว้ต้องภาวนาต้องไม่พูด
คำหยาบคาย แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปมากครับ
ลองดูครับเพื่อน หากใครจะไปสักการะ ขอแนะนำให้แวะวัดกระทิงก่อน แล้วต่อรถที่นี่ก็ได้
ที่สำคัญที่จอดรถรับได้มากกว่า พันคันครับ
เขาคิชกูฏ ในมุมที่เปลี่ยนไป
ซึ่งปีนี้ เป็นปีแรกที่หลวงพ่อเขียนผู้ซึ่งเป็นผู้บุกเบิก การกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท
ได้มรณภาพลงในปีที่ผ่านมา
ผมและครอบครัวได้ขับรถไปตรงวัดกระทิง เห็นที่วัดกระทิงเหมือนมีงาน
จึงเข้าไปในวัดตอนประมาณเที่ยงคืน เห็นว่าที่วัดนี้กำลังมีงานเพื่อ
กราบสรีระของหลวงพ่อเขียน และเห็นว่า เราสามารถต่อรถจากที่วัดกระทิง
ได้เลย ไม่ต้องไปต่อที่วัดพลวงอีกต่อไป (มาทราบทีหลังว่าที่วัดพลวงยัง
มีรถรับตามเดิม) แต่ราคาจะคิดไปกลับเลย 200 บาท (ราคาเท่ากับที่วัดพลวง)
พอจองเสร็จ ทางวัดก็ได้นำเสื่อมาให้นั่ง และมีบริการกาแฟสด ตามกำลังศรัทธาด้วย
สุดยอดมากมาย จนเวลาประมาณ ตี 3 ก็ได้ขึ้นรถ ซึ่งวัดกระทิงจะอยู่ไกลจากวัดพลวง
พอสมควร แต่คิดราคา 200 บาทเท่ากัน ที่สำคัญไม่ต้องไปต่อรถที่ กลางเขาอีกทอด
เรียกว่าทีเดียวถึงเลย
จนมาถึงจุดสุดท้ายที่ต้องเดินเท้า ก็เริ่มเห็นสิ่งที่เปลี่ยนไปหลังจากหลวงพ่อท่านมรณะ ก็คือ
มีตู้บริจาค แบบ อคีลิค เยอะมากๆ เรามาเพื่อทำบุญอยู่แล้วไม่คิดอะไรมาก แต่สิ่งที่กำลังคิดก็คือ
มันเยอะมากกว่าสมัยหลวงพ่อ ยังอยู่มากมาย มีร้านขายของเยอะมาก โรงทาน หายไป
เราไม่ได้กะมากินฟรี แต่ตั่งใจมาบริจาค แต่ไม่เห็น สิ่งที่พบร้านขายของล้วนๆ
มีร้านถ่ายรูปลงจานเหมือนเราไปเที่ยวสวนนงนุชเลย แต่สิ่งที่รับไม่ค่อยได้คือ น้องเค้านัางเกยกันแบบนั่งตกผู้ชาย
ร้องขายจานที่มีรูปเรา ในเขตศักดิ์สิทธินี่นะ
ลงมาถึงวัดพลวง เจอร้านประเภทขายเสื้อที่ระลึกเหมือนที่เราไปอัมพวา หรือ เชียงคานประมาณนั้นการทำบุญถูกแทนด้วย กระแสการท่องเที่ยว
จึงได้สอบถามคนขับได้ความว่า หลังจากหลวงพ่อท่านมรณะ การดูแลก็เปลี่ยนไป มีมูลนิธิ นึงเข้าไปดูแลแทน
โดยที่ทางวัด ไม่สามารถเข้าไปจัดการอะไรได้มากนัก
ที่น่าเศร้าคือ สรีระ หลวงพ่อยังอยู่ในวัดกระทิง อยู่ในศาลาไม้เก่าๆ
ซึ่งทางกรรมการเดิมไม่สามารถทำอะไรมากไม่ได้เพราะติดที่มูลนิธิใหม่ที่เข้ามา
จากการจับแพะชนแกะ ก็สังเกตุว่าแต่เดิมหลวงพ่อ จะติดป้ายไม้แล้วเขียนคำสอนไปเรื่อยๆ
แต่มาปีนี้ใช้ป้ายไวย์นิล และสังเกตุที่ป้ายหน้าศาลาก่อนไปนมัสการรอยพระพุทธบาท
ว่าเป็นสำนักสงฆ์ไปแล้ว
ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดเพราะคำสอนของหลวงพ่อกำลังหายไปกลายเป็นธุรกิจไปหมดแล้ว
เพราะการเดินขึ้นหลวงพ่อเคยบอกว่าเราต้องกำหนดจิตขึ้นไป กราบไหว้ต้องภาวนาต้องไม่พูด
คำหยาบคาย แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปมากครับ
ลองดูครับเพื่อน หากใครจะไปสักการะ ขอแนะนำให้แวะวัดกระทิงก่อน แล้วต่อรถที่นี่ก็ได้
ที่สำคัญที่จอดรถรับได้มากกว่า พันคันครับ