"คู่กรรม" เปิดตัวกร่อยไม่ถึง 10 ล้าน!


"ณเดชน์" เอาไม่อยู่ "คู่กรรม" เปิดตัวไม่สวย 8.4 ล้าน แถมโรงฉายน้อยกว่า "พี่มาก พระโขนง" ที่แรงไม่หยุดวันเดียวกันเก็บไปอีก 18 ล้านบาท นักวิจารณ์คาด 100 ล้านริบหรี่ ชี้เป็นบทเรียนทำหนังหวังกระแสคนๆ เดียว

       เปิดตัวเข้าฉายวันแรกไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันวานที่ผ่านมา(4) สำหรับภาพยนตร์ไทยจากบทประพันธ์คลาสสิกของ "ทมยันตี" ที่หลายคนให้การจับตาอย่าง "คู่กรรม" ของค่าย M๓๙ โดยสามารถเก็บรายได้จากการเข้าฉายวันแรกไปประมาณ 8.4 ล้านบาทด้วยกัน
       
        หากเป็นในอดีต การเปิดตัวด้วยรายได้ดังกล่าวถือเป็นการเปิดตัวที่ไม่เลวร้ายสักเท่าไหร่ แต่สำหรับปัจจุบันด้วยตัวเลขที่ว่านี้ดูเป็นอะไรที่น่าผิดหวังอยู่พอสมควร โดยเฉพาะกับหนังที่ใช้ทุนสร้างไปถึง 70 ล้านบาท/โหมโปรโมต และเหนืออื่นใดก็คือความคาดหวังของผู้สร้างเองที่หวังไว้กับหนังเรื่องนี้สูงมากกับตัวเลขรายได้ที่ไม่น่าจะต่ำกว่า 100 ล้านบาทหรืออาจจะเลยไปถึง 200 ล้านบาทกันเลยทีเดียว
        ...
       ตัวเปรียบเทียบ "พี่มาก พระโขนง"
        นอกจากจะต้องต่อสู้กับตัวเองแล้วปัญหาที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ส่งผลเป็นอย่างมากต่อกระแสหนังเรื่อง "คู่กรรม" ก็เห็นจะเป็นเพราะความร้อนแรงไม่เลิกของหนังไทยอีกเรื่องอย่าง "พี่มาก พระโขนง" จากค่าย "จีทีเอช" นั่นเอง
       
        นับตั้งแต่การสร้างปรากฏการณ์หลายต่อหลายอย่าง อาทิ เปิดตัวด้วยรายได้กว่า 21 ล้านบาท, ทำรายได้วันเดียวสูงถึง 33 ล้านบาท และทำรายได้รวม 4 วันแรกทะลุ 100 ล้านบาท ถึงตอนนี้ "พี่มาก พระโขนง" ได้ตั้งเป้าหมายใหม่ปรับตัวเลขไปอยู่ที่ 200 ล้านบาทแล้ว
       
        ในวันเปิดตัวภาพยนตร์ "คู่กรรม" เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายนที่ผ่านมาด้วยการเก็บรายได้ไปได้เพียง 8.4 ล้านบาท ปรากฏว่าทางฟากของ "พี่มาก พระโขนง" ที่เข้าฉายมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์พอดีกลับเก็บรายได้ในวันเดียวกันไปได้ถึง 18 ล้านบาทเลยทีเดียว
       
        และเมื่อพิจารณาไปยังโรงฉาย อาทิที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ปิ่นเกล้า ก็ต้องน่าแปลกใจเข้าไปใหญ่ เพราะในขณะที่หนังใหม่ที่เพิ่งเข้าฉายอย่าง "คู่กรรม" มีการฉายเพียง 3 โรง รวมจำนวนรอบ 15 รอบ ทว่าทาง "พี่มาก พระโขนง" ซึ่งเป็นหนังเก่าแต่ก็ยังมีโรงฉายถึง 4 โรง รวมจำนวน 21 รอบด้วยกัน
        ...
       จุดอ่อนหนึ่งเดียวคือนางเอก?
        จะว่าไปแล้วการเปิดตัวสร้างหนัง "คู่กรรม" ภาคล่าสุดภาคนี้ต้องถือว่ามีกระแสตอบรับที่ไม่เลวทีเดียวเฉพาะอย่างยิ่งกับการไปคว้าตัวเอาพระเอกชื่อดังอย่าง "ณเดชน์ คูกิมิยะ" มาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มเป็นครั้งแรกในบทบาทของ "โกโบริ" ด้วยสนนค่าตัวที่ว่ากันว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 3 ล้านบาท
       
        ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผลที่ตามมาก็คือการที่หลายต่อหลายคนต่างเฝ้าจับตามองว่ากันว่าแล้วใครกันที่จะมารับบทเป็นสาวไทย "อังศุมาลิน" ที่นายทหารจากแดนอาทิตย์อุทัยคนนี้ตกหลุมรัก ซึ่งทันทีที่มีการประกาศว่าเธอคนนั้นคือ "ริชชี่ อมราวดี ดีคาบาเลส" ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามออกมาอย่างท่วมท้น
       
        แม้จะมีดีกรีเป็นนักกีฬาเหรียญทองแบดมินตันเยาวชนปี 2554 รวมถึงการเป็นนิสิตน้องใหม่รั้วจามจุรี แต่ดูเหมือนว่าการเริ่มต้นอาชีพงานแสดงของสาววัย 18 คนนี้จะไม่ดีเอาเสียเลย เริ่มตั้งแต่ข้อครหาที่ว่าที่เธอได้มาแสดงหนังเรื่องนี้ก็เพราะตัวผู้จัดดาราคนดัง "เอ ศุภชัย" ได้ตั้งเงื่อนไขเอาไว้ว่าหากอยากจะได้ "ณเดชน์" ไปเล่นเป็น "โกโบริ" ก็ต้องพ่วงนางเอกคนนี้ซึ่งเป็นเด็กในสังกัดของตนเองเช่นกันไปเป็น "อังศุมาลิน" ไปด้วย
       
        และนับตั้งแต่หนังคู่กรรมได้ฉายเปิดตัวไปตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนจะเข้าฉายอย่างเป็นทางการในอีก 3 วันถัดมานั้น กระแสวิพากษ์วิจารณ์ผ่านโลกออนไลน์ถึงนางเอกหน้าใหม่คนนี้ก็ดูจะร้อนแรงและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าตา, น้ำเสียง, การเข้าถึงบทบาทของตัวละครที่ได้รับ ฯ ชนิดที่แทบจะเรียกได้ว่าเธอเป็น "จุดอ่อน" เพียงหนึ่งเดียวของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่จะว่าไปแล้วตัวเธอเองก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นในกระบวนการผลิตหนังทั้งหมด
       
        ที่สำคัญก็คือหากหนังเรื่องหนึ่งมีนักแสดงคนหนึ่งแสดงไม่ได้ แสดงไม่ดี เล่นไม่ถึง ชนิดที่ว่าคนดูส่วนใหญ่สามารถรู้สึกและสัมผัสได้นั้น คำถามก็คือใครกันที่ควรจะรับผิดชอบในเรื่องที่ว่า ระหว่างตัวนักแสดงเอง, คนที่ตัดสินใจนำตัวนักแสดงคนดังกล่าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหนัง หรือคนที่ตัดสินใจปล่อยให้หนังเรื่องที่ว่าออกมาฉาย
        ...
       100 ล้าน ตัวเลขที่เป็นไป(ไม่)ได้?
        อาจจะยังเร็วไป แต่ถึงตอนนี้คงต้องบอกว่าตัวเลข 100 ล้านบาทอันเป็นเป้าหมายแรกของหนัง "คู่กรรม" ภายใต้การกำกับของ "เรียว กิตติกร เลียวศิริกุล" ที่จะไปให้ถึงนั้นถือเป็นอะไรที่แสนสาหัสเอาการทีเดียว
       
        "ถ้ามองจากตัวเลขที่เห็นๆ ทั้งเรื่องของรายวันแรกได้ จำนวนโรงที่เข้าฉาย ผมว่ายากมาก เอากันแค่คุ้มทุน 70 ล้านก็ยากแล้ว ถ้าจะเป็นไปได้ผมว่าอย่างเดียวเลยคือช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ จะต้องสร้างกระแสคนแห่มาดูเพื่อว่าทางโรงหนังจะได้เพิ่มโรงฉาย อันนั้นล่ะได้ลุ้น" นักวิจารณ์ภาพยนตร์คนหนึ่งเผยถึงโอกาสที่หนัง "คู่กรรม" จะเก็บรายได้ตามที่หวังไว้
       
        ที่ผ่านมา แม้จะได้ชื่อว่าเป็นคนทำหนังที่มี "ทาง" เป็นของตนเอง รวมถึงเสียงตอบรับทางคำวิจารณ์ที่ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ทว่าเมื่อมองกันไปถึงเรื่องรายได้จากผลงานที่ผ่านมาของเขา ไม่ว่าจะเป็น เราสองสามคน, ดรีมทีม , เมล์นรก หมวยยกล้อ, อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม ฯ ก็ต้องบอกว่าผู้กำกับคนนี้อาจจะไม่ใช่ผู้กำกับที่การันตีในเรื่องของรายได้ที่จะคิดเอากำไรที่เป็นกรอบเป็นกรำแต่อย่างใด
       
        อย่างไรก็ตาม สำหรับในส่วนของ "คู่กรรม" ภาคล่าสุดภาคนี้นั้น จะว่าไปแล้วนอกจากตัวของนางเอกหน้าใหม่ที่ถูกโจมตีอย่างหนัก "ตัวหนัง" เองภายใต้การกำกับของผู้กำกับคนนี้ก็ดูเหมือนจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่แพ้กัน
       
        ก็คงจะต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้วตัวของพระเอกหนุ่มอย่าง "ณเดชน์ คูกิมิยะ" ซึ่งได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมากกระทั่งตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็น "ทุกสิ่ง-ทุกอย่าง" ของหนังเรื่องนี้ไปแล้วจะสามารถฉุดกระแสรายได้ของภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ไปหยุดอยู่ที่เท่าไหร่
       
        "แต่สุดท้ายผมว่านะ ไม่ว่าความตายของโกโบริจะลงเอยด้วยความสวยงามดวงวิญญาณล่องลอยไปรออังศุมาลินบนทางช้างเผือก หรือจบแบบศพไม่สวย แต่หนังเรื่องนี้ก็เป็นแบบเรียนสำคัญของคนทำหนังบ้านเราอีกบทหนึ่งที่น่าศึกษาทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องที่ว่าจะอาศัยกระแสของคนๆ เดียวมาเป็นจุดขายโดยละเลยเรื่องอื่นๆ ไป..." นักวิจารณ์คนเดิมแสดงความเห็น

ข่าวจาก  :  ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000041459
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่