Link ==>
http://topicstock.ppantip.com/sinthorn/topicstock/2007/07/I5607652/I5607652.html
มีกฎ ของSpring ข้อหนึ่ง ก็คือ คุณสมบัติในการทนแรงกด VS. แรงยืด จะแปรผันตามกัน นั่นก็หมายความ แว่... แรงที่กดSprimg ให้บิดเบี้ยว จนไม่สามารถเด้งๆๆ กลับมาที่จุดเดิม ได้อีก กับ แรงดึงที่ยืดSpring ออก จนถึงจุดวิกฤติ ยืดออกอย่างถาวร ไม่คืนตัวกลับมาที่เดิม เป็นแรงที่ใกล้เคียงกัน เฉกเช่นเดียวกับ จุดวิกฤติ ของการทนความกดดันของตลาดหุ้น ฅนแต่ละฅน ก็เหมือน Spring แต่ละแบบที่ทนแรงกด ได้ไม่เท่ากัน
ฅนที่ทนแรงกด เมื่อหุ้นที่ตัวเองถืออยู่ราคาลดลงไป 10% ไม่ได้ ก็จะทนแรงกระตุ้น เมื่อราคาหุ้นของตัวเองขึ้นไป 10% ไม่ได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ซื้อ PTT ที่ราคา 200บ. ราคาตกไปที่ 180บ. ทุกขเวทนา ที่เกิดขึ้นพุ่งไปถึงจุดวิกฤติ ( ซึ่งจุดนี้ในแต่ละคน ไม่เท่ากัน ) เมื่ออดทนรอ จนราคาเด้งผ่านไปที่ 220 ก็จะเกิดสุขเวทนา จนทนไม่ได้ ต้องหาทางขายๆๆ ออกไป ( ตัวเลขอาจจะไม่เท่ากับตัวอย่างเป๊ะ แต่แนวโน้ม จะเป็นเช่นนั้น )
ปรมาจารย์ ของการเล่นหุ้น คนหนึ่งกล่าวไว้ แว่... อย่าเสียใจ หรือ อย่าตื่นตะหนก
ถ้าหุ้นที่เราคิด แว่... " ดี " ราคาตกลงไป 10% & อย่าดีใจจนขาด สติ เมื่อหุ้นที่เราถือราคาขึ้นไป 10% มิฉะนั้น จะไม่มีทางประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น... เล๊ย! , นักเล่นหุ้นที่ชอบขายหมู คือ Spring_คุณภาพต่ำๆ ที่ทนแรงกดได้ไม่มาก พอหุ้นราคาขึ้น ไปเพียง 10% ด้วยความจำได้ ถึงความเจ็บปวด ครั้งที่ราคาหุ้นตกลงไป ก็ตัดขายหวังฟันกำไร อันน้อยนิด
ธรรมชาติของตลาดหุ้น เวลาขาลง จะลงมากกว่า... ที่คิดเสมอ & เวลาขาขึ้น ก็จะขึ้นมาก ที่เห็นเช่นกัน , สำหรับ กลุ่มความอดทนน้อย เวลาขาลง เมื่อหุ้นที่ตัวเองเคยอยากได้ ราคาตกลงไป 10% ก็รีบช้อนทันที ปรากฏว่า... " ช้อนหัก " & เวลาขาขึ้น เกิดมีหุ้นถืออยู่ กำไรสักหน่อย ก็อยากปล่อย ใจจะขาด , อาจมีคนสงสัย แว่... ถ้าอย่างนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่า หุ้น มันลงสุดแล้ว จะได้ช้อน คำตอบก็คือ ม่ายยยย... " รู้ " ( ถ้าไม่ใช่เจ้ามือ ) แต่วิธีแก้ ผมได้เขียนไว้ในตอนก่อนๆ ถึง...
1) กลยุทธิ์_การซื้อ แบบ Pyramid_หงาย >> 2) ขาย แบบ Pyramid_คว่ำ >> วิธีนี้ จะช่วยได้มากทีเดียว ----- # # #
จุดอ่อน อีกจุด ของนักขายหมู ก็คือ...
พอขายออกไปแล้ว ; หมู กลับแปลงร่าง เป็น... " กระทิง " ก็เกิดอาการเสียดาย ครั้นจะตามไปซื้อคืน ก็เสียความรู้สึก เลยมองหาหุ้นตัวอื่น ที่ราคายังไม่ไปไหน ซื้อปลอบใจตัวเองด้วยหวังว่า สักวัน มันจะเป็น... " กระทิง " บ้าง , ฅนหน้ามืด บางที ก็เห็น... " ควาย " คล้ายๆ... " กระทิง " แล้วคิดเขาข้างตัวเองว่า เอาว่ะ ขนาดหมู มัน ยังกลายเป็นกระทิงได้ แล้วทำไมๆ ควาย จะแปลงร่าง เป็นกระทิง ไม่ได้ >> ในที่สุด ก็ติดหล่มอยู่ ในปลักควาย เผลอๆ ควาย จะกลายไป เป็น... " หมี " ส่วนหุ้นที่เคยเป็นของตัวเอง พุ่งขึ้นไปเป็น... " กระทิง_ติดปีก "
ถ้าคุณกำลังอยู่ในสภาวะเช่นนี้ & รถไฟขบวนนั้น เร่งความเร็วไปเต็มที่แล้ว ขอแนะนำให้ หยุดๆๆ อย่าวิ่งไล่ตาม & พยายามจะกระโดดขึ้น เพราะ อันตรายมาก ให้หยุดรอที่ชานชาลา สักวันมันจะย้อนกลับมารับคุณ เอง
เอาเวลาว่างๆ ตอนนั่งแกล่ว อยู่ที่ชานชาลา มานั่งวิเคราะห์ หาจุดอ่อน & จุดด้อย ของตัวเอง เพื่อ แว่...
ครั้งต่อไป ขบวนต่อไป จะได้ไม่พลาดแบบนี้อีก หรือ ถ้าเหลือเวลามาก ก็หาขนม + นมเนย + ข้าวเหนียว + ไก่ย่าง มาเดินขาย ฆ่าเวลาหารายได้ จากสัมมาอาชีพไปก่อนก็ได้ อย่าไปตั้งหน้าตั้งตา รอๆๆ มันมาก เพราะ ถ้าคุณตั้งหน้า_ตั้งตา รอ พอมันกลับมา ยังไม่ทันเข้าจอดที่สถานี คุณก็กระโดดขึ้น ทั้งๆ ที่ มันกำลังวิ่งกลับ ( หน้ามืดจนไม่รู้ว่า มันกำลังไปหรือกำลังกลับ คิดแต่ว่าความเร็วเท่านี้กระโดดขึ้นได้ ) , ตั้งสติดีๆ ไม่ต้องใจร้อน รอให้มันจอดนิ่งๆ เสียก่อน ค่อยขึ้น รถไฟ มันยังมีอีกเป็นร้อยขบวน *
*** กรรม ของ นักเล่นหุ้น >> เมื่อหมู แปลงร่าง เป็น... " กระทิง "
มีกฎ ของSpring ข้อหนึ่ง ก็คือ คุณสมบัติในการทนแรงกด VS. แรงยืด จะแปรผันตามกัน นั่นก็หมายความ แว่... แรงที่กดSprimg ให้บิดเบี้ยว จนไม่สามารถเด้งๆๆ กลับมาที่จุดเดิม ได้อีก กับ แรงดึงที่ยืดSpring ออก จนถึงจุดวิกฤติ ยืดออกอย่างถาวร ไม่คืนตัวกลับมาที่เดิม เป็นแรงที่ใกล้เคียงกัน เฉกเช่นเดียวกับ จุดวิกฤติ ของการทนความกดดันของตลาดหุ้น ฅนแต่ละฅน ก็เหมือน Spring แต่ละแบบที่ทนแรงกด ได้ไม่เท่ากัน
ฅนที่ทนแรงกด เมื่อหุ้นที่ตัวเองถืออยู่ราคาลดลงไป 10% ไม่ได้ ก็จะทนแรงกระตุ้น เมื่อราคาหุ้นของตัวเองขึ้นไป 10% ไม่ได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ซื้อ PTT ที่ราคา 200บ. ราคาตกไปที่ 180บ. ทุกขเวทนา ที่เกิดขึ้นพุ่งไปถึงจุดวิกฤติ ( ซึ่งจุดนี้ในแต่ละคน ไม่เท่ากัน ) เมื่ออดทนรอ จนราคาเด้งผ่านไปที่ 220 ก็จะเกิดสุขเวทนา จนทนไม่ได้ ต้องหาทางขายๆๆ ออกไป ( ตัวเลขอาจจะไม่เท่ากับตัวอย่างเป๊ะ แต่แนวโน้ม จะเป็นเช่นนั้น )
ปรมาจารย์ ของการเล่นหุ้น คนหนึ่งกล่าวไว้ แว่... อย่าเสียใจ หรือ อย่าตื่นตะหนก
ถ้าหุ้นที่เราคิด แว่... " ดี " ราคาตกลงไป 10% & อย่าดีใจจนขาด สติ เมื่อหุ้นที่เราถือราคาขึ้นไป 10% มิฉะนั้น จะไม่มีทางประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น... เล๊ย! , นักเล่นหุ้นที่ชอบขายหมู คือ Spring_คุณภาพต่ำๆ ที่ทนแรงกดได้ไม่มาก พอหุ้นราคาขึ้น ไปเพียง 10% ด้วยความจำได้ ถึงความเจ็บปวด ครั้งที่ราคาหุ้นตกลงไป ก็ตัดขายหวังฟันกำไร อันน้อยนิด
ธรรมชาติของตลาดหุ้น เวลาขาลง จะลงมากกว่า... ที่คิดเสมอ & เวลาขาขึ้น ก็จะขึ้นมาก ที่เห็นเช่นกัน , สำหรับ กลุ่มความอดทนน้อย เวลาขาลง เมื่อหุ้นที่ตัวเองเคยอยากได้ ราคาตกลงไป 10% ก็รีบช้อนทันที ปรากฏว่า... " ช้อนหัก " & เวลาขาขึ้น เกิดมีหุ้นถืออยู่ กำไรสักหน่อย ก็อยากปล่อย ใจจะขาด , อาจมีคนสงสัย แว่... ถ้าอย่างนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่า หุ้น มันลงสุดแล้ว จะได้ช้อน คำตอบก็คือ ม่ายยยย... " รู้ " ( ถ้าไม่ใช่เจ้ามือ ) แต่วิธีแก้ ผมได้เขียนไว้ในตอนก่อนๆ ถึง...
1) กลยุทธิ์_การซื้อ แบบ Pyramid_หงาย >> 2) ขาย แบบ Pyramid_คว่ำ >> วิธีนี้ จะช่วยได้มากทีเดียว ----- # # #
จุดอ่อน อีกจุด ของนักขายหมู ก็คือ...
พอขายออกไปแล้ว ; หมู กลับแปลงร่าง เป็น... " กระทิง " ก็เกิดอาการเสียดาย ครั้นจะตามไปซื้อคืน ก็เสียความรู้สึก เลยมองหาหุ้นตัวอื่น ที่ราคายังไม่ไปไหน ซื้อปลอบใจตัวเองด้วยหวังว่า สักวัน มันจะเป็น... " กระทิง " บ้าง , ฅนหน้ามืด บางที ก็เห็น... " ควาย " คล้ายๆ... " กระทิง " แล้วคิดเขาข้างตัวเองว่า เอาว่ะ ขนาดหมู มัน ยังกลายเป็นกระทิงได้ แล้วทำไมๆ ควาย จะแปลงร่าง เป็นกระทิง ไม่ได้ >> ในที่สุด ก็ติดหล่มอยู่ ในปลักควาย เผลอๆ ควาย จะกลายไป เป็น... " หมี " ส่วนหุ้นที่เคยเป็นของตัวเอง พุ่งขึ้นไปเป็น... " กระทิง_ติดปีก "
ถ้าคุณกำลังอยู่ในสภาวะเช่นนี้ & รถไฟขบวนนั้น เร่งความเร็วไปเต็มที่แล้ว ขอแนะนำให้ หยุดๆๆ อย่าวิ่งไล่ตาม & พยายามจะกระโดดขึ้น เพราะ อันตรายมาก ให้หยุดรอที่ชานชาลา สักวันมันจะย้อนกลับมารับคุณ เอง
เอาเวลาว่างๆ ตอนนั่งแกล่ว อยู่ที่ชานชาลา มานั่งวิเคราะห์ หาจุดอ่อน & จุดด้อย ของตัวเอง เพื่อ แว่...
ครั้งต่อไป ขบวนต่อไป จะได้ไม่พลาดแบบนี้อีก หรือ ถ้าเหลือเวลามาก ก็หาขนม + นมเนย + ข้าวเหนียว + ไก่ย่าง มาเดินขาย ฆ่าเวลาหารายได้ จากสัมมาอาชีพไปก่อนก็ได้ อย่าไปตั้งหน้าตั้งตา รอๆๆ มันมาก เพราะ ถ้าคุณตั้งหน้า_ตั้งตา รอ พอมันกลับมา ยังไม่ทันเข้าจอดที่สถานี คุณก็กระโดดขึ้น ทั้งๆ ที่ มันกำลังวิ่งกลับ ( หน้ามืดจนไม่รู้ว่า มันกำลังไปหรือกำลังกลับ คิดแต่ว่าความเร็วเท่านี้กระโดดขึ้นได้ ) , ตั้งสติดีๆ ไม่ต้องใจร้อน รอให้มันจอดนิ่งๆ เสียก่อน ค่อยขึ้น รถไฟ มันยังมีอีกเป็นร้อยขบวน *