นานๆ ถึงจะได้เข้มาตั้งกระทู้ในห้องนี้สักครั้งนะครับ
วันนี้ก็ผ่านมาจะเจ็ดเดือนนิดๆ แล้ว ลูกชาย และลูกสาว ตอนนี้เด็กทั้งสองคนแข็งแรงดี
วันนี้จังหวะสบายๆ ก็เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้ฟังกัน กับโรคภัยที่เกิดมากับเด็กชายให้ฟังกัน
เด็กคนนี้มีชื่อว่า น้องภัทร ซึ่งแต่เดิมแรกเริ่ม เราตั้งชื่อเค้าว่า น้องภูมิ แต่เปลี่ยนมาเป็นภัทร (เนื่องจากสาเหตุใดเดี๋ยวจะมาว่ากันอีกทีนึง)
เด็กสองคนนี้เกิด 26 ส.ค. ปีที่แล้ว น้ำหนักของเด็กหญิง ประมาณ 2580กรัม ส่วนเด็กชาย 3045 กรัม
ก็ใช้แพคเกจของโรงพยาบาลทั่วๆไป ตอนอยู่รพ. ก็ดูดี ไม่มีอะไรผิดปรกติ แต่ที่น่าสังเกตุคือเด็กชายจะมีผิวค่อนข้างคล้ำ กับอวัยวะเพศค่อนข้างโตนิดๆ ตอนแรกก็คิดว่าสงสัยได้ผิวจากแม่ ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ตอนออกจาก รพ.น้ำหนักน้องก็ลดลง เหลือ 2800 กรัมกว่าๆ พยาบาลบอกว่าเป็นเรื่องปรกติ
เอาละ คราวนี้ตอนเอากลับบ้าน ก็เลี้ยงอยู่ได้อาทิตย์นึง ช่วงระหว่างอาทิตย์ เด็กผู้หญิงก็ทานได้ปรกติ แต่เด็กชายเนี่ยสิ กินนม แต่น้อยมาก
เท่าที่เคยจด คือ ประมาณ สิบออนซ์ต่อวัน 24ชม. แค่นั้น คราวนี้คุณหมอนัดมาตรวจหลังจากออกจาก รพ.ไปอาทิตย์นึง น้ำหนัก็ลดลงอีกนิดหน่อย เท่าที่จำได้ลงประมาณ 100 กรัมได้ หมอก็คงคิดว่าเราป้อนนมไม่เป็น ก็ส่งตัวไปเทรนใหม่กับห้องเนอสเซอรี่ เอาละคราวนี้ได้ฝึกใหม่ละ ก็กลับบ้านไปพร้อมกับจดค่าไว้เหมือนเดิม ก็เท่าเดินกินได้เท่าได้ วันนึง ไม่เกิน 10 ออนซ์ คราวนี้ก็กลับไปหาหมออีกเพราะหมอนัดไว้อาทิตย์นึง น้ำหนักกลับลดลงอีก
หมอก็เลยเริ่มเอะใจ ก็ให้ Admit ซะหนึ่งคืน เพื่อให้ทางเนอสเซอรี่ดูแล วันรุ่งขึ้น ทาง รพ.ก็ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ พวกไทรอยด์อะไรต่างๆ คราวนี้ก็เรียกพ่อแม่มาคุย ว่าตรวจเลือดอะไรประมาณนี้ และก็สอนวิธีการป้อนนมใหม่ ซึ่งตอนที่นั่งป้อน ก็พยายามเข้าข้างว่าเด็กทานนมนะ แต่จริงๆ แล้วในใจคิดว่า ก็เหมือนเดิมไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยน และทาง รพ.ก็มีบันทึกไว้ว่าทั้งคืน เนี่ย รวมๆ กันทานไป ยี่สิบกว่าออนซ์ น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอีก ร้อยกว่ากรัม โอ้โห ตอนนี้ดีใจ
คราวนี้ก็กลับบ้าน ก็ไม่กินอีก ไม่เกิน 10 ออนซ์ สักครั้ง ก็ยังไงๆ อยู่ ก็กลับไปหาหมออีก หมอก็แจ้งผลเลือด ก็ปรกติ เกี่ยวกับไทรอยด์
คราวนี้น้ำหนักก็ลดลงอีกแล้วนิดหน่อย ตอนนั้นเรียกว่า หมดกำลังใจกันไปเลย หมอก็เลยจะให้ admit อีกแล้ว คราวที่แล้วนอนให้นมอย่างเดียว หมดไป หมื่นกว่าบาทคราวนี้ให้ Admit แบบไม่มีกำหนดอีกต่างหาก เลยบอกว่าไม่ต้องละ หมอก็บอกว่าเป็นเรื่องซีเรียสนะ เลยเขียนใบส่งตัวไปให้ รพ.ของรัฐในอำเภอ ซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างยิ่งใหญ่ในชีวิตทีเดียว ที่ไม่ยอมไป รพ.รัฐ ในทันทีทันใด เพราะเราไม่เชื่อหมอ (แต่ทางเรามีเหตุสมควรที่ไม่ค่อยมีความเชื่อมันเท่าไหร่ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนหลังอีกครั้ง)
ก็กลับมาบ้านอีกครั้ง คราวนี้หละ ตอนนั้นจิตฟุ้งซ่านเป็นกังวล ใครแนะนำอะไรไปหมด เค้าแนะนำให้ไปกวาดยาว เพราะเด็กเป็น "หละ" จำไว้ดีๆ นะครับ "หละ"ก็ไปกวาดยาอีก คราวนี้หมอให้ใส่พิมเสนเยอะหน่อย จะได้ชุ่มคอ คิดดูครับเด็กเดือนเดียว กินอะไรไปก็ไม่รู้ น่าสงสาร ผมเองยังรู้สึกผิดจนทุกวันนี้ คราวนี้อยู่ได้สามวันเด็กอาเจียนออกมาหมด กินอะไรก็อาเจียน เราก็ยังไม่หยุดให้อีก ยากวาดน่ะ กวาดมันเข้าไป ผสมน้ำผึ้งอีกต่างหากคราวนี้ไม่ไหวแล้ว เด็กอยู่ในสภาพดำมาก และไม่ไหวออกอาการม่อยมากๆ ก็เลยรีบไป รพ. รัฐตอนบ่าย ตอนนั้นผมเห็นสภาพลูกผมแล้ว สงสารมากๆ
ก็เลยได้ Admit บ่ายนั้นเลย และช่วงเย็นหลังจากเจาะเลือด ก็คราวนี้ล่ะ พยาบาลวิ่งกันวุ่นเลย ทั้งน้ำเกลือ ทั้งอุปกรณ์วัดชีพจร เต็มตัวเด็กไปหมดตอนนั้นญาติมากันเพียบ คิดว่ายังไงๆ แล้ว สุดท้ายรุ่งเช้า เด็กมีสภาพดีขึ้น และปลอดภัย อยู่ที่นี่ประมาณ 10 วัน หมอก็พยายามหาสาเหตุว่าเป็นอะไรอันนี้มีอาจารย์หมอดูแลให้ โดยมีนศ.แพทย์คอยรายงาน อาจารย์หมอก็ยังไม่แน่ใจ ดูอาการอยู่ 10 วัน ช่วงระหว่างนี้อาจารย์หมอก็บอกว่า อาจจะต้องไปพบหมอเฉพาะทางที่ รพ.ประจำจังหวัด อีกครั้ง คราวนี้เราก็เลย เอ้ แล้วลูกผมเป็นอะไร หมอก็ยังไม่บอก เอาละสิ ลูกผมเป็นอะไรกัน..
เดี๋ยวมาต่อ
เล่าประสบการณ์ให้ฟัง ความเชื่อโบราณแบบผิดๆ เรื่องเด็กไม่กินนม อ้วก "หละ" ความเชื่อเรื่องเด็กแฝด
วันนี้ก็ผ่านมาจะเจ็ดเดือนนิดๆ แล้ว ลูกชาย และลูกสาว ตอนนี้เด็กทั้งสองคนแข็งแรงดี
วันนี้จังหวะสบายๆ ก็เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้ฟังกัน กับโรคภัยที่เกิดมากับเด็กชายให้ฟังกัน
เด็กคนนี้มีชื่อว่า น้องภัทร ซึ่งแต่เดิมแรกเริ่ม เราตั้งชื่อเค้าว่า น้องภูมิ แต่เปลี่ยนมาเป็นภัทร (เนื่องจากสาเหตุใดเดี๋ยวจะมาว่ากันอีกทีนึง)
เด็กสองคนนี้เกิด 26 ส.ค. ปีที่แล้ว น้ำหนักของเด็กหญิง ประมาณ 2580กรัม ส่วนเด็กชาย 3045 กรัม
ก็ใช้แพคเกจของโรงพยาบาลทั่วๆไป ตอนอยู่รพ. ก็ดูดี ไม่มีอะไรผิดปรกติ แต่ที่น่าสังเกตุคือเด็กชายจะมีผิวค่อนข้างคล้ำ กับอวัยวะเพศค่อนข้างโตนิดๆ ตอนแรกก็คิดว่าสงสัยได้ผิวจากแม่ ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ตอนออกจาก รพ.น้ำหนักน้องก็ลดลง เหลือ 2800 กรัมกว่าๆ พยาบาลบอกว่าเป็นเรื่องปรกติ
เอาละ คราวนี้ตอนเอากลับบ้าน ก็เลี้ยงอยู่ได้อาทิตย์นึง ช่วงระหว่างอาทิตย์ เด็กผู้หญิงก็ทานได้ปรกติ แต่เด็กชายเนี่ยสิ กินนม แต่น้อยมาก
เท่าที่เคยจด คือ ประมาณ สิบออนซ์ต่อวัน 24ชม. แค่นั้น คราวนี้คุณหมอนัดมาตรวจหลังจากออกจาก รพ.ไปอาทิตย์นึง น้ำหนัก็ลดลงอีกนิดหน่อย เท่าที่จำได้ลงประมาณ 100 กรัมได้ หมอก็คงคิดว่าเราป้อนนมไม่เป็น ก็ส่งตัวไปเทรนใหม่กับห้องเนอสเซอรี่ เอาละคราวนี้ได้ฝึกใหม่ละ ก็กลับบ้านไปพร้อมกับจดค่าไว้เหมือนเดิม ก็เท่าเดินกินได้เท่าได้ วันนึง ไม่เกิน 10 ออนซ์ คราวนี้ก็กลับไปหาหมออีกเพราะหมอนัดไว้อาทิตย์นึง น้ำหนักกลับลดลงอีก
หมอก็เลยเริ่มเอะใจ ก็ให้ Admit ซะหนึ่งคืน เพื่อให้ทางเนอสเซอรี่ดูแล วันรุ่งขึ้น ทาง รพ.ก็ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ พวกไทรอยด์อะไรต่างๆ คราวนี้ก็เรียกพ่อแม่มาคุย ว่าตรวจเลือดอะไรประมาณนี้ และก็สอนวิธีการป้อนนมใหม่ ซึ่งตอนที่นั่งป้อน ก็พยายามเข้าข้างว่าเด็กทานนมนะ แต่จริงๆ แล้วในใจคิดว่า ก็เหมือนเดิมไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยน และทาง รพ.ก็มีบันทึกไว้ว่าทั้งคืน เนี่ย รวมๆ กันทานไป ยี่สิบกว่าออนซ์ น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอีก ร้อยกว่ากรัม โอ้โห ตอนนี้ดีใจ
คราวนี้ก็กลับบ้าน ก็ไม่กินอีก ไม่เกิน 10 ออนซ์ สักครั้ง ก็ยังไงๆ อยู่ ก็กลับไปหาหมออีก หมอก็แจ้งผลเลือด ก็ปรกติ เกี่ยวกับไทรอยด์
คราวนี้น้ำหนักก็ลดลงอีกแล้วนิดหน่อย ตอนนั้นเรียกว่า หมดกำลังใจกันไปเลย หมอก็เลยจะให้ admit อีกแล้ว คราวที่แล้วนอนให้นมอย่างเดียว หมดไป หมื่นกว่าบาทคราวนี้ให้ Admit แบบไม่มีกำหนดอีกต่างหาก เลยบอกว่าไม่ต้องละ หมอก็บอกว่าเป็นเรื่องซีเรียสนะ เลยเขียนใบส่งตัวไปให้ รพ.ของรัฐในอำเภอ ซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็นความผิดพลาดอย่างยิ่งใหญ่ในชีวิตทีเดียว ที่ไม่ยอมไป รพ.รัฐ ในทันทีทันใด เพราะเราไม่เชื่อหมอ (แต่ทางเรามีเหตุสมควรที่ไม่ค่อยมีความเชื่อมันเท่าไหร่ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนหลังอีกครั้ง)
ก็กลับมาบ้านอีกครั้ง คราวนี้หละ ตอนนั้นจิตฟุ้งซ่านเป็นกังวล ใครแนะนำอะไรไปหมด เค้าแนะนำให้ไปกวาดยาว เพราะเด็กเป็น "หละ" จำไว้ดีๆ นะครับ "หละ"ก็ไปกวาดยาอีก คราวนี้หมอให้ใส่พิมเสนเยอะหน่อย จะได้ชุ่มคอ คิดดูครับเด็กเดือนเดียว กินอะไรไปก็ไม่รู้ น่าสงสาร ผมเองยังรู้สึกผิดจนทุกวันนี้ คราวนี้อยู่ได้สามวันเด็กอาเจียนออกมาหมด กินอะไรก็อาเจียน เราก็ยังไม่หยุดให้อีก ยากวาดน่ะ กวาดมันเข้าไป ผสมน้ำผึ้งอีกต่างหากคราวนี้ไม่ไหวแล้ว เด็กอยู่ในสภาพดำมาก และไม่ไหวออกอาการม่อยมากๆ ก็เลยรีบไป รพ. รัฐตอนบ่าย ตอนนั้นผมเห็นสภาพลูกผมแล้ว สงสารมากๆ
ก็เลยได้ Admit บ่ายนั้นเลย และช่วงเย็นหลังจากเจาะเลือด ก็คราวนี้ล่ะ พยาบาลวิ่งกันวุ่นเลย ทั้งน้ำเกลือ ทั้งอุปกรณ์วัดชีพจร เต็มตัวเด็กไปหมดตอนนั้นญาติมากันเพียบ คิดว่ายังไงๆ แล้ว สุดท้ายรุ่งเช้า เด็กมีสภาพดีขึ้น และปลอดภัย อยู่ที่นี่ประมาณ 10 วัน หมอก็พยายามหาสาเหตุว่าเป็นอะไรอันนี้มีอาจารย์หมอดูแลให้ โดยมีนศ.แพทย์คอยรายงาน อาจารย์หมอก็ยังไม่แน่ใจ ดูอาการอยู่ 10 วัน ช่วงระหว่างนี้อาจารย์หมอก็บอกว่า อาจจะต้องไปพบหมอเฉพาะทางที่ รพ.ประจำจังหวัด อีกครั้ง คราวนี้เราก็เลย เอ้ แล้วลูกผมเป็นอะไร หมอก็ยังไม่บอก เอาละสิ ลูกผมเป็นอะไรกัน..
เดี๋ยวมาต่อ