ก่อนนั้นการหาเสียงเลือกตั้งของนักการเมือง
จะมีหัวข้อว่า วันนี้ จะด่าตรงกันข้ามยังไง
นักการเมืองคนไหนด่าเก่ง ก็จะมีแฟนคลับ ไปฟังหนาแน่น
เมื่อตั้งเวที
ต่อมาปี 43 มีการเปลี่ยนแปลงการหาเสียง ที่ อีสาน
โดยมีป้ายขึ้นทั่วประเทศ
...ปราบปรามยาเสพติด
...กองทุนหมู่บ้าน
...30บาทรักษาทุกโรค
คนอีสานบ่นพำพัม พวกนี้จะมาโกหกอะไรอีกแล้ว
เพราะพฤติกรรมนักการเมือง จะเหมือนกันหมด เพราะเมื่อได้รับเลือก
สัญญิงสัญญา ก็จะลืม พร้อมหายเข้ากลีบเมฆ(ภาษีสังคมเยอะ)
ก็ลองเสี่ยงๆเลือกในระบบ ปาตี้ลิสย์ดู เพราะทำตาม ที่ป้ายเขียนไว้
ปชช ก็ได้กำไรเห็นๆ ถ้าไม่ทำก็ถือว่าเท่าทุน ปรากฏว่า ทรท ได้ 248 คนจาก 500
การ บริหาร 4 ปี การพัฒนาประเทศไปเร็วมาก เร็วจนฝ่ายตรงกันข้ามใส่กางเกงหลุด
(คาดไม่ถึง)เมื่อครั้งเลือกตั้งต่อมา ทรท กวาดที่นั่งได้ 377 จาก 500
และขอบอกนิ่มๆว่า พวก สส กลัวสอบตก พากันมาสมัคร เป็นสมาชิกพรรค ทรท เป็นแถว
(เดี๋ยวนี้ยิ่งหนัก ไม่มีนักการเมืองหน้าไหน ไม่อยากลงสมัคร ในนามพรรค พท)
ถ้าอยากลงสมัคร ต้องมีผลงาน บริจากเงินเข้าพรรค(เงินที่จะลงทุนหาเสียงนั่นแหละ)
เพราะการใช้จ่ายในการหาเสียงน้อยมาก และปาตี้ลิสย์อันดับต้นๆนี่
ต้องบริจาคเงินเข้าพรรค มากโข เพราะเป็นการการันตีว่าได้เป็น สส แน่นอน
ไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องหาเสียง(ข้อมูลนี้คุยกับนักการเมืองพื้นที่เราเอง)
แต่ก็มีฝ่ายตรงกันข้าม ด่าว่า ทักษิณ ใช้เงินซื้อ สส เข้าคอก...
จนเดี๋ยวนี้ที่ อีสาน การหาเสียง ด่าทอ โจมตีแทบไม่มี(หรือว่าคนอีสานเริ่มเป็นผู้ดีขึ้นมาแล้ว 555)
เรายังงงไม่หายว่า ก่อนนั้น เงินมีส่วนสำคัญ และกำหนดทิศทางในการเลือกตั้งที่อีสาน แต่ตอนนี้
เงิน ก็ยังสำคัญอยู่ แต่ไม่สำคัญเกินกว่า อุดมการณ์ ที่คน อีสาน มี ต่อ นักการเมือง พรรค การเมือง
(ดู สส ภท เป็นตัวอย่าง โดน คน อีสาน เชือดคอเลือดสาด เหมือนเป็ดไก่ตอนตรุษจีน)
ที่ร่ายยาวมานี่ อยากบอกว่า พฤติกรรม การหาเสียงด่าทอ ฝ่ายตรงกันข้าม
ที่ อีสานไม่มีแล้ว แต่ผู้สมัคร พรรค ปชป ที่อีสาน หาเสียง ยังใช้ สไตล์เดิมๆ
คือด่าทอฝ่ายตรงกันข้ามเข้าไว้ แต่ก็มีแต่ ญาติๆ และหัวคะแนนเท่านั้นที่นั่งฟัง
เราว่าเป็นเพราะ นโยบาย ปชป ปลูกฝังมาแบบนี้โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้เลย
แม้แต่อยู่สภา ก็ใช้สไตล์เดิมๆ คือ กวนตีนเข้าไว้ ขอให้ได้ออกสื่อ บวกหรือลบก็ไม่สน
เราลองทายเล่นๆดูสิว่า เมื่อมีการเลือกตั้ง 159 คน ที่ ปชป มี จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง
จาก พฤติกรรมที่ผ่านมา
พฤติกรรม การหาเสียงเลือกตั้งของ นักการเมือง
จะมีหัวข้อว่า วันนี้ จะด่าตรงกันข้ามยังไง
นักการเมืองคนไหนด่าเก่ง ก็จะมีแฟนคลับ ไปฟังหนาแน่น
เมื่อตั้งเวที
ต่อมาปี 43 มีการเปลี่ยนแปลงการหาเสียง ที่ อีสาน
โดยมีป้ายขึ้นทั่วประเทศ
...ปราบปรามยาเสพติด
...กองทุนหมู่บ้าน
...30บาทรักษาทุกโรค
คนอีสานบ่นพำพัม พวกนี้จะมาโกหกอะไรอีกแล้ว
เพราะพฤติกรรมนักการเมือง จะเหมือนกันหมด เพราะเมื่อได้รับเลือก
สัญญิงสัญญา ก็จะลืม พร้อมหายเข้ากลีบเมฆ(ภาษีสังคมเยอะ)
ก็ลองเสี่ยงๆเลือกในระบบ ปาตี้ลิสย์ดู เพราะทำตาม ที่ป้ายเขียนไว้
ปชช ก็ได้กำไรเห็นๆ ถ้าไม่ทำก็ถือว่าเท่าทุน ปรากฏว่า ทรท ได้ 248 คนจาก 500
การ บริหาร 4 ปี การพัฒนาประเทศไปเร็วมาก เร็วจนฝ่ายตรงกันข้ามใส่กางเกงหลุด
(คาดไม่ถึง)เมื่อครั้งเลือกตั้งต่อมา ทรท กวาดที่นั่งได้ 377 จาก 500
และขอบอกนิ่มๆว่า พวก สส กลัวสอบตก พากันมาสมัคร เป็นสมาชิกพรรค ทรท เป็นแถว
(เดี๋ยวนี้ยิ่งหนัก ไม่มีนักการเมืองหน้าไหน ไม่อยากลงสมัคร ในนามพรรค พท)
ถ้าอยากลงสมัคร ต้องมีผลงาน บริจากเงินเข้าพรรค(เงินที่จะลงทุนหาเสียงนั่นแหละ)
เพราะการใช้จ่ายในการหาเสียงน้อยมาก และปาตี้ลิสย์อันดับต้นๆนี่
ต้องบริจาคเงินเข้าพรรค มากโข เพราะเป็นการการันตีว่าได้เป็น สส แน่นอน
ไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องหาเสียง(ข้อมูลนี้คุยกับนักการเมืองพื้นที่เราเอง)
แต่ก็มีฝ่ายตรงกันข้าม ด่าว่า ทักษิณ ใช้เงินซื้อ สส เข้าคอก...
จนเดี๋ยวนี้ที่ อีสาน การหาเสียง ด่าทอ โจมตีแทบไม่มี(หรือว่าคนอีสานเริ่มเป็นผู้ดีขึ้นมาแล้ว 555)
เรายังงงไม่หายว่า ก่อนนั้น เงินมีส่วนสำคัญ และกำหนดทิศทางในการเลือกตั้งที่อีสาน แต่ตอนนี้
เงิน ก็ยังสำคัญอยู่ แต่ไม่สำคัญเกินกว่า อุดมการณ์ ที่คน อีสาน มี ต่อ นักการเมือง พรรค การเมือง
(ดู สส ภท เป็นตัวอย่าง โดน คน อีสาน เชือดคอเลือดสาด เหมือนเป็ดไก่ตอนตรุษจีน)
ที่ร่ายยาวมานี่ อยากบอกว่า พฤติกรรม การหาเสียงด่าทอ ฝ่ายตรงกันข้าม
ที่ อีสานไม่มีแล้ว แต่ผู้สมัคร พรรค ปชป ที่อีสาน หาเสียง ยังใช้ สไตล์เดิมๆ
คือด่าทอฝ่ายตรงกันข้ามเข้าไว้ แต่ก็มีแต่ ญาติๆ และหัวคะแนนเท่านั้นที่นั่งฟัง
เราว่าเป็นเพราะ นโยบาย ปชป ปลูกฝังมาแบบนี้โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้เลย
แม้แต่อยู่สภา ก็ใช้สไตล์เดิมๆ คือ กวนตีนเข้าไว้ ขอให้ได้ออกสื่อ บวกหรือลบก็ไม่สน
เราลองทายเล่นๆดูสิว่า เมื่อมีการเลือกตั้ง 159 คน ที่ ปชป มี จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง
จาก พฤติกรรมที่ผ่านมา