เราดูคู่กรรมกันมาหลายเวอชั่นแล้ว ทั้งของเบิร์ด ทั้งของวรุต และอีกหลายๆคน ซึ่งคาแร๊คเตอร์ของโกโบริ จะมาดแมนแฮนซั่ม มาตกหลุมรักสาวไทย ด้วยความเกื้อกูลกันของครอบครัวไทยกับทหารญี่ปุ่น
คู่กรรม เวอชั่น 2013 นี้ ทั้งเนื้อเรื่องและคาแร๊คเตอร์ ไม่อ้อยอิ่ง ตรงเป๊ะตามสไตล์หนังไทยแบบโบราณ แต่ปรับเปลี่ยนให้เนื้อเรื่อง ที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น ด้วยคาแร๊คเตอร์ที่เด่นชัด ไม่สับสนเหมือนในอดีต หรือแม้แต่ เหมือนกับเวอชั่นละครที่กำลังฉายอยู่ทางช่อง 5
อังสุมาริน ที่เราคุ้นเคย คือ มีความไหวพริ้วของกลเล่ห์เสน่ห์มายา ตะหลบตะแลง แสร้งรัก แต่ อังสุมารินในเวอชั่นนี้ ชี้ให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของอังสุมาริน ว่าเป็นเพียง หญิงสาวที่กำลังเหงา ขาดใครสักคนคอยให้ยึดมั่นเคียงคู่ใจ อังสุมาริน คนนี้ไม่มีสักเพียงเศษเสี้ยว ที่ให้ความรักอย่างจริงจัง ต่อโกโบริเลย
โกโบริ ที่เราคุ้นเคย คือ นายทหารที่มาดมั่น เข้มแข็งและรักชาติ ผิดกับ โกโบริ ในเวอชั่นนี้ อย่างสิ้นเชิง โกโบริโดย ณเดชน์ มีความชัดเจนของความ " อ่อนแอ และอ่อนไหว " กับอารมณ์ที่ทหารมืออาชีพจริงๆ ไม่ควรมี ทำให้เขา เกิดความรักหรือหลงรัก ฮิเดโกะ ได้อย่างง่ายดาย โดยแม้นว่า จะไม่ได้รักตอบก็ตาม ซึ่งมีความสมเหตุสมผลมากกว่าเวอชั่นในอดีต
หากเราลองเปรียบเทียบระหว่าง คู่กรรมที่เราเคยๆดูมา กับ เวอชั่น 2013 นี้ เราจะเห็นความชัดเจน ในทุกๆมิติของหนัง ทั้งความเป็นไปได้ ที่ทหารญี่ปุ่น จะหลงรักสาวไทย ที่ " จำใจ " แต่งงานด้วยเื่นื่องจากข้อผูกมัดทางการเมือง และจะเห็นบุคคลิกที่แท้จริง ของคนไทย กับคนญี่ปุ่น เมื่อครั้งสงครามในอดีต
หนังไม่เน้นรายละเอียด ว่า พบกันอย่างไร จีบกันอย่างไร แต่เข้าใจได้ง่าย ว่าเขารู้จักกันและสนิดสนมกัน เพราะอู่ต่อเรือ กับบ้่านของอังสุมารินอยู่ใกล้กันหรือระแวกเดียวกัน เป็นการคบกันของหนุ่มสาวที่มีความต้องการเพื่อนคู่ใจธรรมดาๆ ไม่มีชนชั้น และจารีตประเพณีมากมาย
ประโยคคลาสสิคที่สุด ในวรรณกรรมเรื่องคู่กรรม กลับไม่ได้เป็นคำพูด ที่ โกโบริ เอ่ยต่อ อังสุมาริน
หมอเพื่อนโกโบริ : โกโบริ ผมจะช่วยคุณเอง ผมต้องช่วยคุณให้ได้ แต่... มอฟีนผมเหลือไม่พอ
โกโบริ : ไม่เป็นไร , ผมลาก่อน
หมอเพื่อนโกโบริ : โกโบริ คุณไปรอผมบนสวรรค์นะ แล้วผมจะตามไป!
สรุปแล้ว วิญญาณของโกโบริ ไม่ได้รออังสุมารินบนทางช้างเผือก แต่เขารอเพื่อนที่จริงใจกับเขาอย่างแท้จริง ต่างหาก...
คุณมีเหตุผลของคุณ ผมมีหัวใจของผม ก็พอ
คู่กรรม เวอชั่น 2013 นี้ ทั้งเนื้อเรื่องและคาแร๊คเตอร์ ไม่อ้อยอิ่ง ตรงเป๊ะตามสไตล์หนังไทยแบบโบราณ แต่ปรับเปลี่ยนให้เนื้อเรื่อง ที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น ด้วยคาแร๊คเตอร์ที่เด่นชัด ไม่สับสนเหมือนในอดีต หรือแม้แต่ เหมือนกับเวอชั่นละครที่กำลังฉายอยู่ทางช่อง 5
อังสุมาริน ที่เราคุ้นเคย คือ มีความไหวพริ้วของกลเล่ห์เสน่ห์มายา ตะหลบตะแลง แสร้งรัก แต่ อังสุมารินในเวอชั่นนี้ ชี้ให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของอังสุมาริน ว่าเป็นเพียง หญิงสาวที่กำลังเหงา ขาดใครสักคนคอยให้ยึดมั่นเคียงคู่ใจ อังสุมาริน คนนี้ไม่มีสักเพียงเศษเสี้ยว ที่ให้ความรักอย่างจริงจัง ต่อโกโบริเลย
โกโบริ ที่เราคุ้นเคย คือ นายทหารที่มาดมั่น เข้มแข็งและรักชาติ ผิดกับ โกโบริ ในเวอชั่นนี้ อย่างสิ้นเชิง โกโบริโดย ณเดชน์ มีความชัดเจนของความ " อ่อนแอ และอ่อนไหว " กับอารมณ์ที่ทหารมืออาชีพจริงๆ ไม่ควรมี ทำให้เขา เกิดความรักหรือหลงรัก ฮิเดโกะ ได้อย่างง่ายดาย โดยแม้นว่า จะไม่ได้รักตอบก็ตาม ซึ่งมีความสมเหตุสมผลมากกว่าเวอชั่นในอดีต
หากเราลองเปรียบเทียบระหว่าง คู่กรรมที่เราเคยๆดูมา กับ เวอชั่น 2013 นี้ เราจะเห็นความชัดเจน ในทุกๆมิติของหนัง ทั้งความเป็นไปได้ ที่ทหารญี่ปุ่น จะหลงรักสาวไทย ที่ " จำใจ " แต่งงานด้วยเื่นื่องจากข้อผูกมัดทางการเมือง และจะเห็นบุคคลิกที่แท้จริง ของคนไทย กับคนญี่ปุ่น เมื่อครั้งสงครามในอดีต
หนังไม่เน้นรายละเอียด ว่า พบกันอย่างไร จีบกันอย่างไร แต่เข้าใจได้ง่าย ว่าเขารู้จักกันและสนิดสนมกัน เพราะอู่ต่อเรือ กับบ้่านของอังสุมารินอยู่ใกล้กันหรือระแวกเดียวกัน เป็นการคบกันของหนุ่มสาวที่มีความต้องการเพื่อนคู่ใจธรรมดาๆ ไม่มีชนชั้น และจารีตประเพณีมากมาย
ประโยคคลาสสิคที่สุด ในวรรณกรรมเรื่องคู่กรรม กลับไม่ได้เป็นคำพูด ที่ โกโบริ เอ่ยต่อ อังสุมาริน
หมอเพื่อนโกโบริ : โกโบริ ผมจะช่วยคุณเอง ผมต้องช่วยคุณให้ได้ แต่... มอฟีนผมเหลือไม่พอ
โกโบริ : ไม่เป็นไร , ผมลาก่อน
หมอเพื่อนโกโบริ : โกโบริ คุณไปรอผมบนสวรรค์นะ แล้วผมจะตามไป!
สรุปแล้ว วิญญาณของโกโบริ ไม่ได้รออังสุมารินบนทางช้างเผือก แต่เขารอเพื่อนที่จริงใจกับเขาอย่างแท้จริง ต่างหาก...