เขาว่ากันว่า โดย ฐากูร บุนปาน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364986820&grpid=&catid=02&subcatid=0207
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 (ที่มา:มติชนรายวัน 3 เมษายน 2556)
เขาว่ากันว่าเมษายนจะร้อนยิ่งกว่านี้
อากาศน่ะไม่ต้องพูดถึง
อุณหภูมิแค่วันที่ 28 มีนาคม ก็ปาเข้าไป 39.1 อาศาเซนเซียส ใช้ไฟฟ้าทำลายสถิติกระจุยกระจายกันไปแล้ว
ต้นสัปดาห์ อุณหภูมิในกรุงเทพฯก็ทะลุ 40 ไปเรียบร้อย
ยิ่งเป็นอย่างนั้นยิ่งต้องช่วยกันป่าวร้องว่า 5 เมษายนเป็นต้นไป อย่าลืมช่วยกันประหยัดไฟนะครับ
แต่อากาศร้อนเท่านั้นยังไม่พอ เขาว่ากันว่าจะมีอย่างอื่นมาเสริมความร้อนให้ร้อนยิ่งขึ้น
แม้แต่เรื่องไม่น่าร้อนก็ทำให้ร้อนได้
รถไฟความเร็วสูง
เขาก็บอกกันว่าจะค้านหัวชนฝา เพราะว่าสร้างมาขนผัก เพราะว่ากู้หนี้จนลูกหลานเหลนโหลน เพราะว่าเตรียมการทุจริต เพราะว่าผิดรัฐธรรมนูญ
พูดอธิบาย ยกแม่น้ำทั้งห้ามาให้ฟังจนปากฉีกท่านก็ไม่สนใจ
ว่านี่คือการพลิกโฉมหน้าประเทศ ทั้งเศรษฐกิจและสังคม ว่าเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำถ้าอยากจะอยู่ร่วมโลกกับเพื่อนบ้าน
ถ้ากลัวว่าโครงการจะไม่ดีตรงไหนก็ให้บอกมาหรือว่าฟ้องชาวบ้านให้ช่วยกันจับตา
ก็ไม่
จะจับแพ้ฟาวล์ให้ได้ท่าเดียว
ดับไฟใต้
ไม่ทบทวนว่ารบราฆ่าฟันกันมาร่วม 10 ปี ไม่มีที่สิ้นสุด คนในพื้นที่เสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่า 5,000 คน ซึ่งแปลว่านโยบายหรือปฏิบัติการที่ทำอยู่ยังไม่พอ ยังไม่ได้ผล จำเป็นต้องหาทางใหม่
ไม่ดูตัวอย่างจากต่างประเทศหรือแม้แต่ในเมืองไทย ว่าศึกนอกศึกในที่ไหนๆ สุดท้ายก็จบด้วยเจรจา
แต่ไม่ละ
จะตีรวนกวนน้ำให้ขุ่น เหมือนกับชวนให้คิดไปว่าถ้าความสงบสันติกลับคืนมาแล้วจะอยู่ไม่ได้ จะทุรนทุรายเหมือนไส้เดือนถูกขี้เถ้า
ต้องให้มันปั่นป่วนกันต่อไปไม่สิ้นสุด
ปราสาทพระวิหาร
ประเด็นไม่ใช่แค่เสียดินแดนกี่ตารางนิ้ว กี่ตารางเมตร แต่คือตัวอย่างความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านที่เสื่อมทรามลง
ด้านหนึ่งเขาสู้คดีเต็มที่ ถ้าไม่เชื่อนักการเมือง ไปตรวจสอบที่กระทรวงการต่างประเทศก็จะรู้ได้
อีกด้าน การสู้คดีอย่างผู้มีอารยะไม่ได้แปลว่าต้องหยาบคายหรือพาลใส่คู่กรณี ซึ่งจะทำให้คดีไม่ยุติในศาล
แต่อาจจะทำให้เกิดสงครามย่อยๆ ที่ชายแดนขึ้นมาได้โดยง่าย-เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
ไม่ใช่เพราะนิสัยเด็กขี้ฟ้องขี้ทะเลาะอย่างนี้หรือ รอบรั้วบ้านเหลียวไปถึงหาเพื่อนไม่ได้
ถ้าไม่มีสงครามไม่เลิกรา
ฯลฯ
อากาศร้อน มนุษย์ห้ามไม่ได้ แต่ร้อนใจเพราะคนด้วยกันเองก่อ ก็ต้องแก้ที่คนด้วยกัน
ถ้าจะร้อนเพราะไม่สนใจข้อเท็จจริง ไม่สนใจเรื่องเป็นสาระ ไม่สนใจว่าเกิดผลต่อเนื่องตามมาอย่างไร
เพราะจะมุ่งเอาแต่ชนะกันให้ได้
ไม่ต้องรอถึงเมษายน ก็ร้อนได้ทุกเดือน ทุกวัน ทุกนาที
ต้องไปเริ่มดับร้อนตรงใจ ฝ่ายแค้น นั่นแหละเป็นที่แรก
เขาว่ากันว่า
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364986820&grpid=&catid=02&subcatid=0207
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 (ที่มา:มติชนรายวัน 3 เมษายน 2556)
เขาว่ากันว่าเมษายนจะร้อนยิ่งกว่านี้
อากาศน่ะไม่ต้องพูดถึง
อุณหภูมิแค่วันที่ 28 มีนาคม ก็ปาเข้าไป 39.1 อาศาเซนเซียส ใช้ไฟฟ้าทำลายสถิติกระจุยกระจายกันไปแล้ว
ต้นสัปดาห์ อุณหภูมิในกรุงเทพฯก็ทะลุ 40 ไปเรียบร้อย
ยิ่งเป็นอย่างนั้นยิ่งต้องช่วยกันป่าวร้องว่า 5 เมษายนเป็นต้นไป อย่าลืมช่วยกันประหยัดไฟนะครับ
แต่อากาศร้อนเท่านั้นยังไม่พอ เขาว่ากันว่าจะมีอย่างอื่นมาเสริมความร้อนให้ร้อนยิ่งขึ้น
แม้แต่เรื่องไม่น่าร้อนก็ทำให้ร้อนได้
รถไฟความเร็วสูง
เขาก็บอกกันว่าจะค้านหัวชนฝา เพราะว่าสร้างมาขนผัก เพราะว่ากู้หนี้จนลูกหลานเหลนโหลน เพราะว่าเตรียมการทุจริต เพราะว่าผิดรัฐธรรมนูญ
พูดอธิบาย ยกแม่น้ำทั้งห้ามาให้ฟังจนปากฉีกท่านก็ไม่สนใจ
ว่านี่คือการพลิกโฉมหน้าประเทศ ทั้งเศรษฐกิจและสังคม ว่าเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำถ้าอยากจะอยู่ร่วมโลกกับเพื่อนบ้าน
ถ้ากลัวว่าโครงการจะไม่ดีตรงไหนก็ให้บอกมาหรือว่าฟ้องชาวบ้านให้ช่วยกันจับตา
ก็ไม่
จะจับแพ้ฟาวล์ให้ได้ท่าเดียว
ดับไฟใต้
ไม่ทบทวนว่ารบราฆ่าฟันกันมาร่วม 10 ปี ไม่มีที่สิ้นสุด คนในพื้นที่เสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่า 5,000 คน ซึ่งแปลว่านโยบายหรือปฏิบัติการที่ทำอยู่ยังไม่พอ ยังไม่ได้ผล จำเป็นต้องหาทางใหม่
ไม่ดูตัวอย่างจากต่างประเทศหรือแม้แต่ในเมืองไทย ว่าศึกนอกศึกในที่ไหนๆ สุดท้ายก็จบด้วยเจรจา
แต่ไม่ละ
จะตีรวนกวนน้ำให้ขุ่น เหมือนกับชวนให้คิดไปว่าถ้าความสงบสันติกลับคืนมาแล้วจะอยู่ไม่ได้ จะทุรนทุรายเหมือนไส้เดือนถูกขี้เถ้า
ต้องให้มันปั่นป่วนกันต่อไปไม่สิ้นสุด
ปราสาทพระวิหาร
ประเด็นไม่ใช่แค่เสียดินแดนกี่ตารางนิ้ว กี่ตารางเมตร แต่คือตัวอย่างความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านที่เสื่อมทรามลง
ด้านหนึ่งเขาสู้คดีเต็มที่ ถ้าไม่เชื่อนักการเมือง ไปตรวจสอบที่กระทรวงการต่างประเทศก็จะรู้ได้
อีกด้าน การสู้คดีอย่างผู้มีอารยะไม่ได้แปลว่าต้องหยาบคายหรือพาลใส่คู่กรณี ซึ่งจะทำให้คดีไม่ยุติในศาล
แต่อาจจะทำให้เกิดสงครามย่อยๆ ที่ชายแดนขึ้นมาได้โดยง่าย-เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
ไม่ใช่เพราะนิสัยเด็กขี้ฟ้องขี้ทะเลาะอย่างนี้หรือ รอบรั้วบ้านเหลียวไปถึงหาเพื่อนไม่ได้
ถ้าไม่มีสงครามไม่เลิกรา
ฯลฯ
อากาศร้อน มนุษย์ห้ามไม่ได้ แต่ร้อนใจเพราะคนด้วยกันเองก่อ ก็ต้องแก้ที่คนด้วยกัน
ถ้าจะร้อนเพราะไม่สนใจข้อเท็จจริง ไม่สนใจเรื่องเป็นสาระ ไม่สนใจว่าเกิดผลต่อเนื่องตามมาอย่างไร
เพราะจะมุ่งเอาแต่ชนะกันให้ได้
ไม่ต้องรอถึงเมษายน ก็ร้อนได้ทุกเดือน ทุกวัน ทุกนาที
ต้องไปเริ่มดับร้อนตรงใจ ฝ่ายแค้น นั่นแหละเป็นที่แรก