เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหาเข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว. และพรรคพวกรวม 76 คน กรณีที่เข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า ร่าง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ... มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของนายวิรัตน์และนายไพบูลย์กับพรรคพวกนั้นเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 123 และเป็นการทำผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาตรา 279 วรรคสาม ซึ่งเป็นการละเมิดพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 8 ที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่
นายเรืองไกรกล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 154 บัญญัติชัดเจนว่า ร่าง พ.ร.บ.ที่รัฐสภาลงความเห็นชอบแล้ว ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธย หากนายกรัฐมนตรีหรือสมาชิกรัฐสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ทั้ง 2 สภา เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ให้เสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภา เพื่อส่งความเห็นนั้นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งกรณีร่าง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐนั้น นายกรัฐมนตรีได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา แต่นายไพบูลย์ นายวิรัตน์ และพรรคพวก ร่วมกันส่งคำร้องให้ประธานสภาส่งความเห็นมายังศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา จึงถือว่ากรณีดังกล่าว เป็นการยื่นคำร้องภายหลังนายกรัฐมนตรีนำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง ที่เข้าข่ายเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เป็นการล่วงละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ และเป็นเรื่องความผิดทางวินัยร้ายแรงที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องดำเนินการโดยเร็ว
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณีหากมีการเสนอร่าง พ.ร.ฎ อภัยโทษ ว่า ถ้าร่างดังกล่าวมีการทูลเกล้าฯไปแล้ว แล้วจะจำมาอภิปรายไม่ได้ ซึ่งเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ขณะเดียวกันในการอภิปรายเรื่องรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวถึงเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ตอนหนึ่งว่า ถ้ากฎหมายนี้ผ่านสภา ก็จะทำการยื่นคัดค้านโดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และต้องทำก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะฉะนั้น คำพูดเหล่านี้สะท้อนว่า พรรคประชาธิปัตย์ทราบเป็นอย่างดีว่า หากจะคัดค้านกฎหมายต้องรีบดำเนินการก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ไม่สามารถคัดค้านภายหลังทูลเกล้าฯ ดังเช่น นายไพบูลย์ นายวิรัตน์ และพรรคพวกกำลังดำเนินการ อีกทั้งหากประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเมื่อใด ก็จะไปยื่นคัดค้านต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่มีอำนาจในการรับพิจารณาวินิจฉัยคำร้องดังกล่าว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364888652&grpid=03&catid=&subcatid=
====================================
พวกนี้ทำอะไรไม่คิด ตัวเองทำอะไรไว้บ้างไม่สนใจ
เสียหายเท่าไรไม่รับรู้ แต่พอฝ่ายตรงข้ามทำอะไร
ขอได้ถ่วงความเจริญ ขอให้ได้ขัดแข้ง ขัดขาให้ผ่านไปวัน ๆๆ
เล่นฝีปาก ตีสำนวน พวกผีเจาะปากมาพูดแท้ ๆๆ
นี่หรือสส.ผู้ทรงเกียรติที่เขาเลือกกันมา
"เรืองไกร" ยื่นผู้ตรวจฯฟัน 76 ส.ส. ส.ว. หลังให้ ปธ.รัฐสภาส่งศาล รธน.ตีความ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ
นายเรืองไกรกล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 154 บัญญัติชัดเจนว่า ร่าง พ.ร.บ.ที่รัฐสภาลงความเห็นชอบแล้ว ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธย หากนายกรัฐมนตรีหรือสมาชิกรัฐสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ทั้ง 2 สภา เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ให้เสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภา เพื่อส่งความเห็นนั้นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งกรณีร่าง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐนั้น นายกรัฐมนตรีได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา แต่นายไพบูลย์ นายวิรัตน์ และพรรคพวก ร่วมกันส่งคำร้องให้ประธานสภาส่งความเห็นมายังศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา จึงถือว่ากรณีดังกล่าว เป็นการยื่นคำร้องภายหลังนายกรัฐมนตรีนำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง ที่เข้าข่ายเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เป็นการล่วงละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ และเป็นเรื่องความผิดทางวินัยร้ายแรงที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องดำเนินการโดยเร็ว
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรณีหากมีการเสนอร่าง พ.ร.ฎ อภัยโทษ ว่า ถ้าร่างดังกล่าวมีการทูลเกล้าฯไปแล้ว แล้วจะจำมาอภิปรายไม่ได้ ซึ่งเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ขณะเดียวกันในการอภิปรายเรื่องรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวถึงเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ตอนหนึ่งว่า ถ้ากฎหมายนี้ผ่านสภา ก็จะทำการยื่นคัดค้านโดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และต้องทำก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพราะฉะนั้น คำพูดเหล่านี้สะท้อนว่า พรรคประชาธิปัตย์ทราบเป็นอย่างดีว่า หากจะคัดค้านกฎหมายต้องรีบดำเนินการก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ไม่สามารถคัดค้านภายหลังทูลเกล้าฯ ดังเช่น นายไพบูลย์ นายวิรัตน์ และพรรคพวกกำลังดำเนินการ อีกทั้งหากประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเมื่อใด ก็จะไปยื่นคัดค้านต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่มีอำนาจในการรับพิจารณาวินิจฉัยคำร้องดังกล่าว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364888652&grpid=03&catid=&subcatid=
====================================
พวกนี้ทำอะไรไม่คิด ตัวเองทำอะไรไว้บ้างไม่สนใจ
เสียหายเท่าไรไม่รับรู้ แต่พอฝ่ายตรงข้ามทำอะไร
ขอได้ถ่วงความเจริญ ขอให้ได้ขัดแข้ง ขัดขาให้ผ่านไปวัน ๆๆ
เล่นฝีปาก ตีสำนวน พวกผีเจาะปากมาพูดแท้ ๆๆ
นี่หรือสส.ผู้ทรงเกียรติที่เขาเลือกกันมา