สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ตอบข้อสงสัย คคห 3
คำว่า fetish ในภาษาอังกฤษมาจากคำว่า fétiche ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งมาจากคำว่า feitiço ในภาษาโปรตุเกส แปลว่า charm (เครื่องรางของขลัง) ความหมายดั้งเดิมหมายถึงวัตถุอะไรบางอย่างที่พวกคนป่าเอามาทำพิธีบูชาเกี่ยวกับเวทย์มนต์ เช่นหัวกระโหลก เป็นต้น
แต่ Alfred Binet (คนที่คิด iq test) นำคำศัพท์ fetish มาใช้ในวิชาเพศศึกษา ซึ่งหมายถึง sexual fetish หรือ erotic fetish คือวัตถุใดๆที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ เช่นผู้ชายเวลาเห็นผู้หญิงนุ่งกระโปรงหนังก็เกิดอาการปึ๋งปั๋งขึ้นมาจนถึงกับเอาวัตถุนั้น (ในกรณีนี้เป็นกระโปรงหนัง) มาดูหรือมาใส่เองเพื่อสำเร็จความใคร่ ผู้หญิงก็มี fetish เหมือนกันเช่นผู้หญิงบางคนเอาน้ำหอมผู้ชายมาละเลงตัวเองแล้วสำเร็จความใคร่
แต่กรณีของ fetishes ที่เป็นเสื้อผ้านั้น เสื้อผ้าผู้หญิงเป็นวัตถุที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้แก่ผู้ชายได้มากกว่า เสื้อผ้าผู้ชายแทบจะไม่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้แก่ผู้หญิงเอาซะเลย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าผู้หญิงสามารถใส่เสื้อผ้าผู้ชายเดินไปตามถนนได้โดยปกติโดยไม่มีใครเลิกคิ้วในขณะที่ผู้ชายถ้าหน้าตาไม่สวยเหมือนสาวประเภท 2 สวยๆ ขืนแต่งเสื้อผ้าผู้หญิงออกไปเดินนอกบ้านละก็ผู้คนเลิกคิ้วแน่ๆ ดังนั้นเสื้อผ้าผู้หญิงจึงดึงดูดผู้ชายมากกว่าเสื้อผ้าผู้ชายดึงดูดผู้หญิง (เนื่องจากในชีวิตประจำวันผู้หญิงก็สามารถใส่กางเกงใส่เสื้อเชิร์ตผู้ชาย แล้วเดินไปไหนมาไหนตามปกติได้อยู่แล้วโดยเสรี จนชินซะแล้ว)
การลุ่มหลงใน fetish เรียกว่า fetishism คนที่ลุ่มหลงใน fetishes เรียกว่า fetishist เสื้อผ้าที่ดูแล้วทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศเราใช้ adjective คือ fetishistic ขยายมัน หรือใช้คำว่า kinky ขยายมัน เช่น these leather boots look fetishistic/kinky
fashion designers ทำเงินได้มหาศาลก็เพราะพวกเขาออกแบบ clothes that look fetishistic ให้ผู้ชายรวยๆซื้อไปให้ผู้หญิงใส่เพื่อให้ตัวผู้ชายเองเกิดอารมณ์ทางเพศอย่างรุนแรง
ผู้ชายบางคนเป็น fetishist ระดับขึ้นสมอง ไม่ยอมมี sex กับแฟนที่แก้ผ้า แต่จะเน้นให้แฟนแต่งชุดที่ fetishistic มากๆพรมน้ำหอมกลิ่นที่เขาชอบ (กลิ่น makeup ก็ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้) เพื่อมาเล่นเสียวกัน ถ้าแฟนไม่ยอมเอาใจบางทีทะเลาะกันจนถึงกับเลิกกันไปเลยก็มี!
^
ถ้าผู้หญิงมีความรู้อันนี้เธอจะใช้มันเป็นอาวุธจับผู้ชายที่เธอชอบได้ วิธีการก็ง่ายนิดเดียว ลองพาผู้ชายเดินตามร้านเสื้อผ้าผู้หญิงดู ถ้าเขาสะดุดตากับชุดสตรีแบบไหนจนตาลุกวาว คุณผู้หญิงก็รู้ว่าเขาต้องเป็น fetishist อย่างแน่นอน ถึงคุณไม่ใช่ผู้หญิงทีสวยนัก แต่ถ้าคุณแต่งตัวให้ fetishistic/kinky มากพอจนทำให้เขาหื่นได้บ่อยๆ รับรองว่าผู้ชายคนนั้นหนีไปไหนไม่ได้แน่ๆแต่ต้องตายคาอุ้งมือคุณ!
^
และนี่คือเหตุผลที่บางทีคุณเห็นผู้ชายที่หล่อมากๆมีแฟนที่ไม่ค่อยสวยเอาซะเลย! แต่โหลองหันไปดูชุดที่ผู้หญิงใส่สิ "ระเบิดเลย!" เช่นเว้าข้างหน้าจนเห็น cleavage (ร่องนม) หรือสั้นจู๋เสมอน้องสาว ยิ่งเป็นผ้ามันๆหรือเป็นหนังด้วยผู้ชายบางคนตาลุกวาวเลยหละ! กลิ่นและความเงาของเสื้อผ้าที่ทำด้วยหนังก็ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ บางทีผู้หญิงใส่เสื้อผ้าพวกนี้ไม่ใช่แต่ผู้ชายจะมีอารมณ์ทางเพศเท่านั้นแต่ตัวผู้หญิงเองก็มีอารมณ์ทางเพศไปด้วยเช่นกัน เวลาผู้หญิงใส่เสื้อผ้าที่ fetishistic/kinky มากๆแล้วดูตัวเองในกระจกบ่อยครั้งที่เธอก็จะเกิดอารมณ์ทางเพศได้เช่นกัน ซึ่งอันนี้จะออกแนว narcissistic tendencies นั่นก็คือ "หลงรักตัวเอง"
การสำเร็จความใคร่กับ fetish นับว่าเป็นเรื่องปกติ ในกรณีนี้เวลาใช้คำว่า masturbate จะใช้กับ proposition คือ to
อย่างเช่น
He masturbates to her bra.
เขาสำเร็จความใคร่โดยใช้ยกทรงเธอเป็น fetish กระตุ้นให้เสียว
^
ซึ่งเขาอาจจะเอายกทรงมาดูแล้วลูบๆคลำๆดมๆหรือเอามาใส่บนตัวเขาเองก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นยกทรงหรือกางเกงในที่ผู้หญิงใส่แล้วยังไม่ซักซึ่งมีกลิ่นติดอยู่ กลิ่นก็จะเป็น fetish อีกอย่างหนึ่งที่จะกระตุ้นให้เขามีอารมณ์ทางเพศรุนแรงได้
^
เคยมีอยู่สมัยหนึ่งมีข่าวว่าผู้หญิงญี่ปุ่นพอใส่กางเกงในแล้วพวกเธอไม่ยอมซัก ตั้งใจใส่หลายๆวันให้มีกลิ่น แล้วเอากางเกงในไปขายให้ผู้ชายที่เป็น fetishist ระดับขึ้นสมอง ขายตัวหนึ่งได้เงินคิดเป็นเงินไทยตัวหนึ่งตั้งหลายพันบาทแน่ะ! นับว่าเป็นรายได้ที่งามมากๆแบบ easy money เลยหละ...555+++ ผู้ชายก็ยินดีซื้อด้วยเพราะดีกว่าไปเที่ยวได้ขโมยของคนอื่นให้เสี่ยงโดนตำรวจจับ เพราะสอยเอาตามราวตากผ้าถึงแอบสอยได้แล้วโชคดีไม่โดนจับได้ แต่ยกทรงกับกางเกงในมันไม่มีกลิ่นเย้ายวนใจน่ะสิ เพราะมันซักแล้ว...555+++...
ส่วนอุปกรณ์กีฬาที่ จขกท พูดถึง เราก็ยังนึกไม่ออกว่ามันคืออะไร แต่เดาว่าอาจเป็นชุด drum major หรือชุดเชียร์กีฬา หรือชุดอาบน้ำของผู้หญิง แต่ที่รู้แน่ๆก็คือมีผู้ชายสูงอายุหลายคนชอบให้แฟนแต่งตัวชุดนักเรียนหญิงเพื่อมามี sex กับเขานะ
คำว่า fetish ในภาษาอังกฤษมาจากคำว่า fétiche ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งมาจากคำว่า feitiço ในภาษาโปรตุเกส แปลว่า charm (เครื่องรางของขลัง) ความหมายดั้งเดิมหมายถึงวัตถุอะไรบางอย่างที่พวกคนป่าเอามาทำพิธีบูชาเกี่ยวกับเวทย์มนต์ เช่นหัวกระโหลก เป็นต้น
แต่ Alfred Binet (คนที่คิด iq test) นำคำศัพท์ fetish มาใช้ในวิชาเพศศึกษา ซึ่งหมายถึง sexual fetish หรือ erotic fetish คือวัตถุใดๆที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ เช่นผู้ชายเวลาเห็นผู้หญิงนุ่งกระโปรงหนังก็เกิดอาการปึ๋งปั๋งขึ้นมาจนถึงกับเอาวัตถุนั้น (ในกรณีนี้เป็นกระโปรงหนัง) มาดูหรือมาใส่เองเพื่อสำเร็จความใคร่ ผู้หญิงก็มี fetish เหมือนกันเช่นผู้หญิงบางคนเอาน้ำหอมผู้ชายมาละเลงตัวเองแล้วสำเร็จความใคร่
แต่กรณีของ fetishes ที่เป็นเสื้อผ้านั้น เสื้อผ้าผู้หญิงเป็นวัตถุที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้แก่ผู้ชายได้มากกว่า เสื้อผ้าผู้ชายแทบจะไม่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้แก่ผู้หญิงเอาซะเลย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าผู้หญิงสามารถใส่เสื้อผ้าผู้ชายเดินไปตามถนนได้โดยปกติโดยไม่มีใครเลิกคิ้วในขณะที่ผู้ชายถ้าหน้าตาไม่สวยเหมือนสาวประเภท 2 สวยๆ ขืนแต่งเสื้อผ้าผู้หญิงออกไปเดินนอกบ้านละก็ผู้คนเลิกคิ้วแน่ๆ ดังนั้นเสื้อผ้าผู้หญิงจึงดึงดูดผู้ชายมากกว่าเสื้อผ้าผู้ชายดึงดูดผู้หญิง (เนื่องจากในชีวิตประจำวันผู้หญิงก็สามารถใส่กางเกงใส่เสื้อเชิร์ตผู้ชาย แล้วเดินไปไหนมาไหนตามปกติได้อยู่แล้วโดยเสรี จนชินซะแล้ว)
การลุ่มหลงใน fetish เรียกว่า fetishism คนที่ลุ่มหลงใน fetishes เรียกว่า fetishist เสื้อผ้าที่ดูแล้วทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศเราใช้ adjective คือ fetishistic ขยายมัน หรือใช้คำว่า kinky ขยายมัน เช่น these leather boots look fetishistic/kinky
fashion designers ทำเงินได้มหาศาลก็เพราะพวกเขาออกแบบ clothes that look fetishistic ให้ผู้ชายรวยๆซื้อไปให้ผู้หญิงใส่เพื่อให้ตัวผู้ชายเองเกิดอารมณ์ทางเพศอย่างรุนแรง
ผู้ชายบางคนเป็น fetishist ระดับขึ้นสมอง ไม่ยอมมี sex กับแฟนที่แก้ผ้า แต่จะเน้นให้แฟนแต่งชุดที่ fetishistic มากๆพรมน้ำหอมกลิ่นที่เขาชอบ (กลิ่น makeup ก็ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้) เพื่อมาเล่นเสียวกัน ถ้าแฟนไม่ยอมเอาใจบางทีทะเลาะกันจนถึงกับเลิกกันไปเลยก็มี!
^
ถ้าผู้หญิงมีความรู้อันนี้เธอจะใช้มันเป็นอาวุธจับผู้ชายที่เธอชอบได้ วิธีการก็ง่ายนิดเดียว ลองพาผู้ชายเดินตามร้านเสื้อผ้าผู้หญิงดู ถ้าเขาสะดุดตากับชุดสตรีแบบไหนจนตาลุกวาว คุณผู้หญิงก็รู้ว่าเขาต้องเป็น fetishist อย่างแน่นอน ถึงคุณไม่ใช่ผู้หญิงทีสวยนัก แต่ถ้าคุณแต่งตัวให้ fetishistic/kinky มากพอจนทำให้เขาหื่นได้บ่อยๆ รับรองว่าผู้ชายคนนั้นหนีไปไหนไม่ได้แน่ๆแต่ต้องตายคาอุ้งมือคุณ!
^
และนี่คือเหตุผลที่บางทีคุณเห็นผู้ชายที่หล่อมากๆมีแฟนที่ไม่ค่อยสวยเอาซะเลย! แต่โหลองหันไปดูชุดที่ผู้หญิงใส่สิ "ระเบิดเลย!" เช่นเว้าข้างหน้าจนเห็น cleavage (ร่องนม) หรือสั้นจู๋เสมอน้องสาว ยิ่งเป็นผ้ามันๆหรือเป็นหนังด้วยผู้ชายบางคนตาลุกวาวเลยหละ! กลิ่นและความเงาของเสื้อผ้าที่ทำด้วยหนังก็ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ บางทีผู้หญิงใส่เสื้อผ้าพวกนี้ไม่ใช่แต่ผู้ชายจะมีอารมณ์ทางเพศเท่านั้นแต่ตัวผู้หญิงเองก็มีอารมณ์ทางเพศไปด้วยเช่นกัน เวลาผู้หญิงใส่เสื้อผ้าที่ fetishistic/kinky มากๆแล้วดูตัวเองในกระจกบ่อยครั้งที่เธอก็จะเกิดอารมณ์ทางเพศได้เช่นกัน ซึ่งอันนี้จะออกแนว narcissistic tendencies นั่นก็คือ "หลงรักตัวเอง"
การสำเร็จความใคร่กับ fetish นับว่าเป็นเรื่องปกติ ในกรณีนี้เวลาใช้คำว่า masturbate จะใช้กับ proposition คือ to
อย่างเช่น
He masturbates to her bra.
เขาสำเร็จความใคร่โดยใช้ยกทรงเธอเป็น fetish กระตุ้นให้เสียว
^
ซึ่งเขาอาจจะเอายกทรงมาดูแล้วลูบๆคลำๆดมๆหรือเอามาใส่บนตัวเขาเองก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นยกทรงหรือกางเกงในที่ผู้หญิงใส่แล้วยังไม่ซักซึ่งมีกลิ่นติดอยู่ กลิ่นก็จะเป็น fetish อีกอย่างหนึ่งที่จะกระตุ้นให้เขามีอารมณ์ทางเพศรุนแรงได้
^
เคยมีอยู่สมัยหนึ่งมีข่าวว่าผู้หญิงญี่ปุ่นพอใส่กางเกงในแล้วพวกเธอไม่ยอมซัก ตั้งใจใส่หลายๆวันให้มีกลิ่น แล้วเอากางเกงในไปขายให้ผู้ชายที่เป็น fetishist ระดับขึ้นสมอง ขายตัวหนึ่งได้เงินคิดเป็นเงินไทยตัวหนึ่งตั้งหลายพันบาทแน่ะ! นับว่าเป็นรายได้ที่งามมากๆแบบ easy money เลยหละ...555+++ ผู้ชายก็ยินดีซื้อด้วยเพราะดีกว่าไปเที่ยวได้ขโมยของคนอื่นให้เสี่ยงโดนตำรวจจับ เพราะสอยเอาตามราวตากผ้าถึงแอบสอยได้แล้วโชคดีไม่โดนจับได้ แต่ยกทรงกับกางเกงในมันไม่มีกลิ่นเย้ายวนใจน่ะสิ เพราะมันซักแล้ว...555+++...
ส่วนอุปกรณ์กีฬาที่ จขกท พูดถึง เราก็ยังนึกไม่ออกว่ามันคืออะไร แต่เดาว่าอาจเป็นชุด drum major หรือชุดเชียร์กีฬา หรือชุดอาบน้ำของผู้หญิง แต่ที่รู้แน่ๆก็คือมีผู้ชายสูงอายุหลายคนชอบให้แฟนแต่งตัวชุดนักเรียนหญิงเพื่อมามี sex กับเขานะ
แสดงความคิดเห็น
การช่วยตัวเอง กับ อุปกรณ์
เป็นความผิดปกติหรือเปล่าครับ แบบที่เรียกว่า fetish
เช่นการช่วยตัวเองกับอุปกรณ์กีฬา
เพราะเท่าที่เคยสังเกตในช่วงวัยรุ่น เห็นหลายๆคนก็เคยลองอะไรแปลกๆกันมาแล้วทังนั้น
ผู้ชายทั้งหลายน่ะ หรือว่ามันก็เป็นเรื่องปกติของความคึกคะนองก็ได้