หลังจากรัฐบาลเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ "เคซีเอ็นเอ" ว่า เกาหลีเหนือกำลังเข้าสู่ภาวะสงคราม ความคืบหน้าในประเด็นความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะแจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป
รัฐบาลเกาหลีเหนือยังได้ข่มขู่ว่า จะปิดนิคมอุตสาหกรรมแคซอง ซึ่งทั้ง 2 ชาติดำเนินกิจการร่วมกันบริเวณชายแดนฝั่งเกาหลีเหนือ หากรัฐบาลเกาหลีใต้ไม่หยุดพูดว่า เขตอุตสาหกรรมดังกล่าวยังคงเปิดอยู่เพื่อให้ประเทศที่ยากจนอย่างเกาหลีเหนือมีเงินใช้
"การพูดเช่นนั้นของพวกหุ่นเชิดทรยศเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของเรา และนิคมแห่งนี้จะถูกปิดอย่างไม่ปรานีใคร"แถลงการณ์ระบุ
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา "คิม จองอึน" ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ลงนามในคำสั่งเตรียมพร้อมเครื่องยิงจรวดเพื่อโจมตีฐานทัพสหรัฐในเกาหลีใต้และแปซิฟิก ภายหลังสหรัฐส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบสเตลท์ บี-2 เหนือคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งพบเห็นได้ยาก แต่เจ้าหน้าที่ของสหรัฐอธิบายว่า เป็นเพียงมาตรการทางการทูตเพื่อรับรองความปลอดภัยให้กับชาติพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น อีกทั้งเพื่อส่งสารไปยังรัฐบาลกรุงเปียงยางให้หันกลับมาสู่โต๊ะเจรจา แต่ไม่แน่ใจว่าประธานาธิบดี "คิม จองอึน" จะเข้าใจความหมายหรือไม่
ในเรื่องนี้ ฝ่ายเกาหลีใต้มองว่า เกาหลีเหนือไม่กล้าปิดนิคมอุตสากรรมแห่งนี้ เนื่องจากคงไม่ต้องการตัดแหล่งรายได้สำคัญของพวกเขาเอง ขณะที่คนงานและยานพาหนะของเกาหลีใต้ ยังคงผ่านแดนและเข้าทำงานในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่เป็นปกติ แต่ถ้าหากเป็นจริงตามคำขู่ คนงานเกาหลีใต้หลายร้อยคนและผู้จัดการ 123 บริษัทก็อาจจะถูกจับเป็นตัวประกันได้
กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้บอกว่า ยังไม่มีความเคลื่อนไหวทางทหารของเกาหลีเหนือที่ผิดสังเกตแต่อย่างใด รัฐคอมมิวนิสต์กรุงเปียงยางขู่โจมตีเกาหลีใต้และฐานทัพสหรัฐเกือบจะรายวัน ตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.เป็นต้นมา หลังจากกองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้ร่วมปฏิบัติการซ้อมรบที่เป็นดำเนินอย่างปกติธรรมดามาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว และที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นเลย
ทั้งนี้กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ ระบุว่า แถลงการณ์ของเกาหลีเหนือที่บอกว่ากำลังเข้าสู่ภาวะสงครามนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นแต่เพียงการข่มขู่และยั่วยุที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
ขณะที่ปฏิกิริยาจากสหรัฐ โดย "เคทลิน เฮย์เดน" โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า สหรัฐได้รับทราบถึงเนื้อหาแถลงการณ์ของเกาหลีเหนือแล้ว และนำคำขู่ดังกล่าวมาพิจารณาอย่างจริงจัง จะมีการติดต่อกับเกาหลีใต้ผู้เป็นชาติพันธมิตรของสหรัฐอย่างใกล้ชิดต่อไป แต่เราก็ไม่ลืมว่าเกาหลีเหนือมีประวัติชอบชวนทะเลาะมาอย่างยาวนาน คำประกาศล่าสุดเป็นรูปแบบที่คล้ายคลึงกับครั้งก่อนๆ
"เราเตรียมพร้อมอย่างเต็มกำลังเพื่อปกป้องสหรัฐและชาติมิตร เราได้เพิ่มมาตรการเพื่อรับมือกับการข่มขู่ของเกาหลีเหนือขึ้นมาอีกขั้น อาทิ การเพิ่มเครื่องบินสกัดกั้นการโจมตี ระบบเตือนภัยล่วงหน้า เรดาร์ติดตาม รวมถึงการลงนามกับเกาหลีใต้เพื่อสร้างแผนตอบโต้การยั่วยุจากฝ่ายตรงข้ามเมื่อไม่นานมานี้"โฆษกหญิงชี้แจง
ขณะที่รัสเซีย หนึ่งในประเทศเจรจาร่วมหกฝ่าย โดยกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นและรับผิดชอบปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น และไม่ต้องการให้เกาหลีใต้และสหรัฐแสดงออกถึงการยั่วยุและข้ามเส้นที่ไม่อาจจะหวนคืนสู่สันติภาพ
เกาหลีใต้เมินโสมแดงประกาศสงคราม ชี้ขู่รายวันเรื่องปกติ-ทั่วโลกเชื่อไม่ทำจริง-มะกัน เย้ย ชอบชวนทะเลาะ แต่พร้อมจัดเต็มให้
รัฐบาลเกาหลีเหนือยังได้ข่มขู่ว่า จะปิดนิคมอุตสาหกรรมแคซอง ซึ่งทั้ง 2 ชาติดำเนินกิจการร่วมกันบริเวณชายแดนฝั่งเกาหลีเหนือ หากรัฐบาลเกาหลีใต้ไม่หยุดพูดว่า เขตอุตสาหกรรมดังกล่าวยังคงเปิดอยู่เพื่อให้ประเทศที่ยากจนอย่างเกาหลีเหนือมีเงินใช้
"การพูดเช่นนั้นของพวกหุ่นเชิดทรยศเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของเรา และนิคมแห่งนี้จะถูกปิดอย่างไม่ปรานีใคร"แถลงการณ์ระบุ
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา "คิม จองอึน" ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ลงนามในคำสั่งเตรียมพร้อมเครื่องยิงจรวดเพื่อโจมตีฐานทัพสหรัฐในเกาหลีใต้และแปซิฟิก ภายหลังสหรัฐส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบสเตลท์ บี-2 เหนือคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งพบเห็นได้ยาก แต่เจ้าหน้าที่ของสหรัฐอธิบายว่า เป็นเพียงมาตรการทางการทูตเพื่อรับรองความปลอดภัยให้กับชาติพันธมิตรอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น อีกทั้งเพื่อส่งสารไปยังรัฐบาลกรุงเปียงยางให้หันกลับมาสู่โต๊ะเจรจา แต่ไม่แน่ใจว่าประธานาธิบดี "คิม จองอึน" จะเข้าใจความหมายหรือไม่
ในเรื่องนี้ ฝ่ายเกาหลีใต้มองว่า เกาหลีเหนือไม่กล้าปิดนิคมอุตสากรรมแห่งนี้ เนื่องจากคงไม่ต้องการตัดแหล่งรายได้สำคัญของพวกเขาเอง ขณะที่คนงานและยานพาหนะของเกาหลีใต้ ยังคงผ่านแดนและเข้าทำงานในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวอยู่เป็นปกติ แต่ถ้าหากเป็นจริงตามคำขู่ คนงานเกาหลีใต้หลายร้อยคนและผู้จัดการ 123 บริษัทก็อาจจะถูกจับเป็นตัวประกันได้
กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้บอกว่า ยังไม่มีความเคลื่อนไหวทางทหารของเกาหลีเหนือที่ผิดสังเกตแต่อย่างใด รัฐคอมมิวนิสต์กรุงเปียงยางขู่โจมตีเกาหลีใต้และฐานทัพสหรัฐเกือบจะรายวัน ตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.เป็นต้นมา หลังจากกองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้ร่วมปฏิบัติการซ้อมรบที่เป็นดำเนินอย่างปกติธรรมดามาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว และที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นเลย
ทั้งนี้กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ ระบุว่า แถลงการณ์ของเกาหลีเหนือที่บอกว่ากำลังเข้าสู่ภาวะสงครามนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นแต่เพียงการข่มขู่และยั่วยุที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
ขณะที่ปฏิกิริยาจากสหรัฐ โดย "เคทลิน เฮย์เดน" โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า สหรัฐได้รับทราบถึงเนื้อหาแถลงการณ์ของเกาหลีเหนือแล้ว และนำคำขู่ดังกล่าวมาพิจารณาอย่างจริงจัง จะมีการติดต่อกับเกาหลีใต้ผู้เป็นชาติพันธมิตรของสหรัฐอย่างใกล้ชิดต่อไป แต่เราก็ไม่ลืมว่าเกาหลีเหนือมีประวัติชอบชวนทะเลาะมาอย่างยาวนาน คำประกาศล่าสุดเป็นรูปแบบที่คล้ายคลึงกับครั้งก่อนๆ
"เราเตรียมพร้อมอย่างเต็มกำลังเพื่อปกป้องสหรัฐและชาติมิตร เราได้เพิ่มมาตรการเพื่อรับมือกับการข่มขู่ของเกาหลีเหนือขึ้นมาอีกขั้น อาทิ การเพิ่มเครื่องบินสกัดกั้นการโจมตี ระบบเตือนภัยล่วงหน้า เรดาร์ติดตาม รวมถึงการลงนามกับเกาหลีใต้เพื่อสร้างแผนตอบโต้การยั่วยุจากฝ่ายตรงข้ามเมื่อไม่นานมานี้"โฆษกหญิงชี้แจง
ขณะที่รัสเซีย หนึ่งในประเทศเจรจาร่วมหกฝ่าย โดยกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นและรับผิดชอบปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น และไม่ต้องการให้เกาหลีใต้และสหรัฐแสดงออกถึงการยั่วยุและข้ามเส้นที่ไม่อาจจะหวนคืนสู่สันติภาพ