เรื่องนี้อาจจะยาวหน่อยนะคะ ถ้าไม่รังเกียจที่จะอ่านให้จบ อยากบอกว่าน้องเขียดสามชีวิตเลยค่ะ
จริงๆแล้วต้องขอเกริ่น ที่มาที่ไปของน้องเขียดตัวนี้ก่อนว่า เมื่อสองปีก่อน พบน้องเขียดตัวนี้ในบริเวณกระถางต้นว่านหางจระเข้หลังบ้าน ก็เข้าใจว่าเธอคือกบค่ะ เพราะไม่เคยเห็นเขียดมาก่อน และไม่คิดว่าจะเป็นคางคก เพราะที่ที่อยู่นี่เขาควบคุมไว้ เลยไม่มีคางคกในรัฐนี้ ตอนแรกๆก็ตกใจ เพราะเธอชอบแอบซ่อนตัวอยู่ในกระถางและเวลาออกไปรดน้ำต้นไม้ทีไรก็มักจะเจอเธอ และเธอก็มักจะโดด โหยงๆ ไปในแปลงปลูกผัก
จนปีที่แล้วเธอเปลี่ยนที่ค่ะ เธอชอบไปอยู่ในกระบวยรดน้ำสีชมพูใบใหญ่ ตรงคอของกระบวยนะคะ เวลาเรารดน้ำ เราจะเอากระบวยไปรองไว้ตรงที่น้ำมันไหลซึมและใช้สายยางฉีดต้นไม้แทน เธอก็ชอบกระโดดโหยงๆออกมา ตัวเปียกเท้าเปียก มองหน้าเรา แต่เธอก็ไม่กลัวนะคะ เราไม่เคยได้ยินเธอพูดหรือส่งเสียงอะไรกับเราเลย จนเราเริ่มชินกับการเห็นเธอค่ะ เลยมักจะทักทายกันเป็นประจำ แต่ไม่แน่ใจว่าเธอจะฟังภาษาไทยออกไหม เลยต้องใช้ภาษาอังกฤษสื่อสาร (ติ๊งต๊องไหมคะ)
ต้นปีที่แล้ว เราเพิ่งเคยไ้ด้ยินเสียงเธอเป็นครั้งแรกค่ะ ไม่แน่ใจว่าเธอมาขอความช่วยเหลือหรือขู่เพื่อป้องกันตัว (เราบังเอิญไปเจอน้องเหมียวตัวผู้หลงทางมาเล่นอยู่บนหลังคาบ้าน เราเลยไปอุ้มเธอมาเลี้ยงจากตัวเบบี้ กลายเป็นแมวหนุ่มฮึกเหิม เรื่องแมวตัวนี้ซนมากว่างๆจะเล่าให้ฟัง) เพราะน้องเหมียวตัวแสบจะพยายามไล่ตะครุบเธอ น้องเขียดเลยกระโดดขึ้นไปอยู่บนผนังห้องเก็บของ และส่งเสียงใหญ่เลย เสียงดังมากค่ะ เธอพูดได้นี่นา ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นเสียงอะไร จนมาได้ยินเสียงน้องเหมียวเลยสงสัยวิ่งไปดู เห็นเธอกำลังจะถูกฆ่าเลยต้องเอาน้องเหมียวเข้ามาในบ้าน เธอเลยรอดตายก็เลยดุน้องเหมียวไป ภาษาอังกฤษนะคะ กลัวเธอไม่เข้าใจภาษาไทย 5555
จากนั้นมาเราก็กลายเป็นเพื่อนรักกันค่ะ เธอชอบอยู่ในกระบวย แต่ถ้ามีน้ำเต็มเพราะเราลืมถ่ายน้ำทิ้งเธอจะอยู่ตามที่ต่างๆ มีวันนึง เรากำลังปลูกต้นไม้ กำลังเอาช้อนปลูกต้นไม้ตักดินที่เหลืออีกครึ่งหลังจากแกะถุงเมื่อวาน เท่านั้นแหละ เธอก็กระโดดออกมาจากถุงและผ่านหน้าเราไปอย่างรวดเร็ว เพิ่งเห็นว่า เธอกระโดดไกลมากก จนไปอยู่ใต้ต้นกะเพรา แต่เธอก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร ไม่กี่วันต่อมา เราก็กำลังเก็บของหลังบ้าน มันมีกล่องกระดาษที่เรายุบเอาไว้ เพื่อที่จะนำไปทิ้ง สังเกตเ็ห็นว่า ทำไมมันเปียกอยู่นิดนึงทั้้งที่ไม่มีน้ำแถวนั้นเลย พอหยิบกล่องขึ้นมาเธอก็กระโดดออกมาจากช่องตรงกลาง และมองมาที่เรา เรานี่ก้นจั้มเบ้าหงายหลังเลย ก็เลยทักเธอไปตามระเบียบ ช่วงเกือบสองเดือนหลังเราไม่เห็นน้องเขียดเลย แต่เราโทรไปเล่าเรื่องเธอให้แม่บ้านฟังและถามว่า เธอคือตัวอะไร แม่บ้านตอบว่ามันคือเขียดตะปะ ไม่มีพิษ ก็เลยโล่งใจ แม่บ้านบอกว่า ถ้ามีเธอแสดงว่าบ้านเราอุดมสมบูรณ์ แต่เมื่อไหร่ที่เราเห็นเธอเรามักจะเจอเรื่องดีๆเสมอ ไม่รู้คิดไปเองไหม รวมทั้งตอนที่เจอน้องเหมียวด้วย (ลืมบอกไป น้องเหมียวหายสาบสูญไปไหนไม่ทราบ ตั้งแต่หลังจากที่เราเดินทางกลับมาจากท่องเที่ยวต่างประเทศค่ะ ช่วงเดือนพ.ค. ปีที่แล้วค่ะ)
จนมาช่วงเดือนมีนาปีนี้เราไม่พบเธอเลยค่ะ แอบคิดถึงไม่ได้ จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เราได้ยินเสียงๆนึง คล้ายๆเธอกำลังขู่ ศัตรู หรือทำอะไรซักอย่าง แต่ตอนนั้นไม่เอะใจ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเธอ นึกว่าเป็นเด็กมากรี๊ดอยู่แถวบ้าน (เสียงก็ไม่ได้ใกล้กันเลยนะ) เรามองออกไปเห็น sharemate (เพิ่งย้ายเข้ามาเดือน ก.พ. ค่ะ) กำลังถือไม้กวาดด้ามยาวทำอะไรซักอย่างตุบตับๆก็เลยถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ เขาบอกว่ากำลังฆ่าตัวอะไรซักอย่างที่มีขายาวๆ และน่าจะมีพิษคล้ายคางคก เท่านั้นแหละ เราวิ่งใจหายใจคว่ำ ออกไปบอกเขาว่า "อย่าทำอะไรเพื่อนฉันนะ เขาเป็นเพื่อนของฉัน" เขาตกใจและหยุดมองเราด้วยความงง เราเลยเล่าเรื่องน้องเขียดให้เขาฟัง และบอกเขาว่าไว้ชีวิตเขาเถอะ เราเลยถามเขาว่า คุณได้ตีถูกเขาบ้างหรือเปล่า เขาตอบว่าไม่ได้ตีถูกน้องเขียด แต่สิ่งที่เราเห็นคือ ตรงปลายด้ามไม้กวาดมีน้ำเมือกๆใสติดอยู่ และสภาพหลังบ้านคือ ข้าวของหล่นกระจายเต็มไปหมด เราเลยขอให้เพื่อนช่วยหาน้องเขียดที่หลบอยู่ในกองไหนซักกอง พอเราเจอเธอ เธอเห็นเราเธอก็ไม่ได้กระโดดทันที เราเลยบอกเธอว่า ไปเถอะนะ เรามาช่วยชีวิตและขอชีวิตไว้แล้ว เขาจะไม่ทำอะไรเธออีกแล้ว เราสัญญา เธอเลยกระโดดไปพร้อมกับส่งเสียง แสบหูขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนั้นฝนตกพอดี ช่วงที่เธอกระโดดเราสังเกตเห็นว่า ที่ขาหลังของเธอปูดเห็นเป็นเส้นเลือด แบบน้ำเงินๆ เป็นจ้ำๆ และเธอก็กระโดดไม่ไกลและดูไม่ถนัดเหมือนทุกครั้ง
เราใจไม่ดีเลยวิ่งตากฝนตามเธอออกไป เธอหยุดอยู่มุมหลังบ้านหันหน้าเข้ารั้วหลังบ้าน แต่ก็รับรู้ได้ว่าดวงตาคู่ใหญ่กำลังจ้องเราอยู่่ เราเลยคุยกับเธอ ระหว่างนั้น เพื่อนเราก็เรียกเราเข้าไปและบอกว่า จะเก็บไว้ทำไมมันมีพิษ ปกติแล้วไม่ว่าเขาเจอสัตว์อะไรที่ไม่รู้จัก เขาจะฆ่ามันให้ตายอย่างเดียว (เขานับถือคริสต์นะคะ ไม่รู้ว่าบาปบุญคืออะไร กรรมคืออะไร) เราเลยบอกให้เขาหุบปาก เขาก็ยืนดูเราเปียกปอนในสภาพเท้าเปล่านั่งอยู่ข้างๆน้องเขียด เราไม่รู้จะทำยังไง คิดว่าเธอคงเจ็บมากๆ (คิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้) เราเลยสวดมนต์ และบอกกับเธอเป็นภาษาอังกฤษซึ่งแปลเป็นไทยว่า "สัพเพ สัตตา อเวรา โหนตุ สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย จงอย่ามีเวรซึ่งกันและกันเลย
สุขขี โหนตุ .............." หลังจากนั้นก็ แผ่เมตตาให้เธอ ว่า "ขอให้เธออโหสิกรรม ให้กับเราและเพื่อนของเราที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ และเราก็อโหสิกรรมให้เธอเช่นกัน จงอย่าเบียดเบียนกันและกันเลยนะ ขอให้เธอได้มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา และได้มีโอกาสปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน และเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไปนะ" (บทแผ่เมตตาพื้นฐานที่เราทำเกือบทุกวันค่ะ) หลังจากนั้นเราก็เข้าบ้านเพราะเปียกมากแล้วแต่ก็อดห่วงเธอไม่ได้ เลยต้องคอยแอบมอง
เรานึกว่าเธอจะรอดแล้ว แต่เรื่องมันยังไม่จบสิคะ หลังจากที่เราไปอาบน้ำและนั่งทำงานในห้องนอน หลายชั่วโมงผ่านไป ก็เริ่มเย็นแล้ว เราก็เลยมองผ่านหน้าต่างห้องนอนเราไป อยู่ดีๆ เราก็เจอกับ นกยักษ์ พันธุ์อะไรไม่ทราบแต่ชอบอยู่แถวทะเลสาปข้างบ้านและมันจะกินปลาประจำ ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอเธอมาอยู่ในบ้านเรา แต่วันนั้นเราเห็นเธออยู่บนขอบรั้วหลังบ้านตรงที่น้องเขียดอยู่ ช่วงวินาทีแรกยังไม่ได้คิดอะไรแค่รู้สึกว่าตัวใหญ่จัง ใหญ่กว่าแมวอีก เสี้ยววินาทีต่อมา อ้าว เห้ย ทำไมนกตัวนี้ต้องมาอยู่ตรงที่ที่น้องเขียดเธอพักรักษาตัวด้วย เราเลยวิ่งออกไปหน้าตั้ง พร้อมเรียกเพื่อนบ้านเราให้ออกไปดู เธอไม่กลัวเราเลย ตาโตเพ่งมาที่เรา เราต้องวิ่งออกไปไล่เธอใกล้ๆเธอถึงหนีออกไป ปากแหลมยื่นยาวแต่มอมแมมเชียว ปีกสีขาวแกมน้ำตาลคู่ใหญ่ก็พัดกระพือจากไปอย่างเสียงดัง คราวนี้เราลองไปดูที่ที่น้องเขียดเคยอยู่ ปรากฏว่าเธอหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าเธอกระโดดหายไปไหนหรือเธอตกเป็นเหยื่อของนกยักษ์ไปเสียจริงๆ เราน้ำตาไหลซึมเลยค่ะ นั่งลงกับพื้นรองเท้าก็ไม่ได้ใส่ เราช่วยชีวิตเธอไว้ได้สองครั้ง แต่ครั้งที่สามนี่ไม่แน่ใจ และหลังจากนั้นเราก็ไม่เคยเห็นเธออีกเลย....................... สิ่งสุดท้ายที่เราพูดกับเธอไว้ก็คือ คำแผ่เมตตา และหวังว่าเธอจะคงรับรู้ได้ถึงความเมตตา และปรารถนาดีที่เรามอบให้เธอ ในฐานะเพื่อนคนนึงนะคะ ทุกวันนี้เราก็ยังคิดถึงเธออยู่และยังคงแผ่เมตตาให้น้องเขียดค่ะ
จนเมื่อวานอยากหาคำตอบอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ ก็เลยอยากมาถามผู้รู้ในห้องนี้ค่ะว่า
1. ที่เราอ่านเจอบ้างก็ว่าเขียดไม่มีพิษเป็นสัตว์ตระกูลกบ กินได้ บ้างก็ว่า มีพิษที่ฉี่บ้าง ที่น้ำลายบ้าง ที่หลังบ้าง ตกลงแล้วจริงมันคืออะไรหรือคะ
2. อายุไขของเขียดนี่กี่ปีคะเพราะตัวที่เราเห็นทั้งด้วยลักษณะพิเศษของมัน ลวดหลาย รูปร่าง ก็คือตัวเดิมเมื่อสองปีที่แล้วปกติหลังบ้านเป็นปูน และมีแปลงปลูกผักเล็กๆๆๆๆ นิดเีดียว ไม่คิดว่าจะมีเขียดตัวอื่นนะคะ
3. เวลาเขียดส่งเสียงนี่ มีความหมายได้ว่าอย่างไรบ้างคะ นอกจากหาคู่ เพราะตลอดเวลาสองปีกว่าเธอไม่เคยร้อง นึกว่าเป็นใบ้ซะอีก แต่จะร้องเวลาเจอใครจะมาทำร้าย และตอนที่เราช่วยชีวิตเธอจากเพื่อนไว้ได้ครั้งสุดท้ายค่ะ
4. เขียดหรือสัตว์ต่างๆสามารถฟังภาษาต่างๆได้กี่ภาษาคะ เราเขาไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้วเราพูดกับเขาเป็นภาษาไทยเขาจะรู้เรื่องไหม
5. ถ้าเราแผ่เมตตาให้น้องเขียดและช่วยชีวิตเธอไว้ คุณคิดว่าเธอจะรับรู้ในความหวังดีของเราไหมคะ
คำถามอาจจะดูบ้องตื้นและไร้สาระไปหน่อย แต่ก็แค่สงสัยน่ะค่ะ ถ้าใครตอบได้ก็จะขอบคุณมากนะคะ
ป.ล. เราพยายามตามหารูปน้องเขียดที่คิดว่าใกล้เคียงที่สุดมาได้สองภาพจากเว็บนี้่ค่ะ
http://www.siamphotography.com/_album/photo.php?pid=3321&position=3&num_slide=5
http://chm-thai.onep.go.th/chm/data_province/ranong/AmphibianDV.html (เขียดตะปาด)
ขอชีวิตเขียดตะปาดที่กำลังจะถูกฆ่าเลยเกิดคำถามหลายข้อว่า
จริงๆแล้วต้องขอเกริ่น ที่มาที่ไปของน้องเขียดตัวนี้ก่อนว่า เมื่อสองปีก่อน พบน้องเขียดตัวนี้ในบริเวณกระถางต้นว่านหางจระเข้หลังบ้าน ก็เข้าใจว่าเธอคือกบค่ะ เพราะไม่เคยเห็นเขียดมาก่อน และไม่คิดว่าจะเป็นคางคก เพราะที่ที่อยู่นี่เขาควบคุมไว้ เลยไม่มีคางคกในรัฐนี้ ตอนแรกๆก็ตกใจ เพราะเธอชอบแอบซ่อนตัวอยู่ในกระถางและเวลาออกไปรดน้ำต้นไม้ทีไรก็มักจะเจอเธอ และเธอก็มักจะโดด โหยงๆ ไปในแปลงปลูกผัก
จนปีที่แล้วเธอเปลี่ยนที่ค่ะ เธอชอบไปอยู่ในกระบวยรดน้ำสีชมพูใบใหญ่ ตรงคอของกระบวยนะคะ เวลาเรารดน้ำ เราจะเอากระบวยไปรองไว้ตรงที่น้ำมันไหลซึมและใช้สายยางฉีดต้นไม้แทน เธอก็ชอบกระโดดโหยงๆออกมา ตัวเปียกเท้าเปียก มองหน้าเรา แต่เธอก็ไม่กลัวนะคะ เราไม่เคยได้ยินเธอพูดหรือส่งเสียงอะไรกับเราเลย จนเราเริ่มชินกับการเห็นเธอค่ะ เลยมักจะทักทายกันเป็นประจำ แต่ไม่แน่ใจว่าเธอจะฟังภาษาไทยออกไหม เลยต้องใช้ภาษาอังกฤษสื่อสาร (ติ๊งต๊องไหมคะ)
ต้นปีที่แล้ว เราเพิ่งเคยไ้ด้ยินเสียงเธอเป็นครั้งแรกค่ะ ไม่แน่ใจว่าเธอมาขอความช่วยเหลือหรือขู่เพื่อป้องกันตัว (เราบังเอิญไปเจอน้องเหมียวตัวผู้หลงทางมาเล่นอยู่บนหลังคาบ้าน เราเลยไปอุ้มเธอมาเลี้ยงจากตัวเบบี้ กลายเป็นแมวหนุ่มฮึกเหิม เรื่องแมวตัวนี้ซนมากว่างๆจะเล่าให้ฟัง) เพราะน้องเหมียวตัวแสบจะพยายามไล่ตะครุบเธอ น้องเขียดเลยกระโดดขึ้นไปอยู่บนผนังห้องเก็บของ และส่งเสียงใหญ่เลย เสียงดังมากค่ะ เธอพูดได้นี่นา ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นเสียงอะไร จนมาได้ยินเสียงน้องเหมียวเลยสงสัยวิ่งไปดู เห็นเธอกำลังจะถูกฆ่าเลยต้องเอาน้องเหมียวเข้ามาในบ้าน เธอเลยรอดตายก็เลยดุน้องเหมียวไป ภาษาอังกฤษนะคะ กลัวเธอไม่เข้าใจภาษาไทย 5555
จากนั้นมาเราก็กลายเป็นเพื่อนรักกันค่ะ เธอชอบอยู่ในกระบวย แต่ถ้ามีน้ำเต็มเพราะเราลืมถ่ายน้ำทิ้งเธอจะอยู่ตามที่ต่างๆ มีวันนึง เรากำลังปลูกต้นไม้ กำลังเอาช้อนปลูกต้นไม้ตักดินที่เหลืออีกครึ่งหลังจากแกะถุงเมื่อวาน เท่านั้นแหละ เธอก็กระโดดออกมาจากถุงและผ่านหน้าเราไปอย่างรวดเร็ว เพิ่งเห็นว่า เธอกระโดดไกลมากก จนไปอยู่ใต้ต้นกะเพรา แต่เธอก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร ไม่กี่วันต่อมา เราก็กำลังเก็บของหลังบ้าน มันมีกล่องกระดาษที่เรายุบเอาไว้ เพื่อที่จะนำไปทิ้ง สังเกตเ็ห็นว่า ทำไมมันเปียกอยู่นิดนึงทั้้งที่ไม่มีน้ำแถวนั้นเลย พอหยิบกล่องขึ้นมาเธอก็กระโดดออกมาจากช่องตรงกลาง และมองมาที่เรา เรานี่ก้นจั้มเบ้าหงายหลังเลย ก็เลยทักเธอไปตามระเบียบ ช่วงเกือบสองเดือนหลังเราไม่เห็นน้องเขียดเลย แต่เราโทรไปเล่าเรื่องเธอให้แม่บ้านฟังและถามว่า เธอคือตัวอะไร แม่บ้านตอบว่ามันคือเขียดตะปะ ไม่มีพิษ ก็เลยโล่งใจ แม่บ้านบอกว่า ถ้ามีเธอแสดงว่าบ้านเราอุดมสมบูรณ์ แต่เมื่อไหร่ที่เราเห็นเธอเรามักจะเจอเรื่องดีๆเสมอ ไม่รู้คิดไปเองไหม รวมทั้งตอนที่เจอน้องเหมียวด้วย (ลืมบอกไป น้องเหมียวหายสาบสูญไปไหนไม่ทราบ ตั้งแต่หลังจากที่เราเดินทางกลับมาจากท่องเที่ยวต่างประเทศค่ะ ช่วงเดือนพ.ค. ปีที่แล้วค่ะ)
จนมาช่วงเดือนมีนาปีนี้เราไม่พบเธอเลยค่ะ แอบคิดถึงไม่ได้ จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เราได้ยินเสียงๆนึง คล้ายๆเธอกำลังขู่ ศัตรู หรือทำอะไรซักอย่าง แต่ตอนนั้นไม่เอะใจ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเธอ นึกว่าเป็นเด็กมากรี๊ดอยู่แถวบ้าน (เสียงก็ไม่ได้ใกล้กันเลยนะ) เรามองออกไปเห็น sharemate (เพิ่งย้ายเข้ามาเดือน ก.พ. ค่ะ) กำลังถือไม้กวาดด้ามยาวทำอะไรซักอย่างตุบตับๆก็เลยถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ เขาบอกว่ากำลังฆ่าตัวอะไรซักอย่างที่มีขายาวๆ และน่าจะมีพิษคล้ายคางคก เท่านั้นแหละ เราวิ่งใจหายใจคว่ำ ออกไปบอกเขาว่า "อย่าทำอะไรเพื่อนฉันนะ เขาเป็นเพื่อนของฉัน" เขาตกใจและหยุดมองเราด้วยความงง เราเลยเล่าเรื่องน้องเขียดให้เขาฟัง และบอกเขาว่าไว้ชีวิตเขาเถอะ เราเลยถามเขาว่า คุณได้ตีถูกเขาบ้างหรือเปล่า เขาตอบว่าไม่ได้ตีถูกน้องเขียด แต่สิ่งที่เราเห็นคือ ตรงปลายด้ามไม้กวาดมีน้ำเมือกๆใสติดอยู่ และสภาพหลังบ้านคือ ข้าวของหล่นกระจายเต็มไปหมด เราเลยขอให้เพื่อนช่วยหาน้องเขียดที่หลบอยู่ในกองไหนซักกอง พอเราเจอเธอ เธอเห็นเราเธอก็ไม่ได้กระโดดทันที เราเลยบอกเธอว่า ไปเถอะนะ เรามาช่วยชีวิตและขอชีวิตไว้แล้ว เขาจะไม่ทำอะไรเธออีกแล้ว เราสัญญา เธอเลยกระโดดไปพร้อมกับส่งเสียง แสบหูขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนั้นฝนตกพอดี ช่วงที่เธอกระโดดเราสังเกตเห็นว่า ที่ขาหลังของเธอปูดเห็นเป็นเส้นเลือด แบบน้ำเงินๆ เป็นจ้ำๆ และเธอก็กระโดดไม่ไกลและดูไม่ถนัดเหมือนทุกครั้ง
เราใจไม่ดีเลยวิ่งตากฝนตามเธอออกไป เธอหยุดอยู่มุมหลังบ้านหันหน้าเข้ารั้วหลังบ้าน แต่ก็รับรู้ได้ว่าดวงตาคู่ใหญ่กำลังจ้องเราอยู่่ เราเลยคุยกับเธอ ระหว่างนั้น เพื่อนเราก็เรียกเราเข้าไปและบอกว่า จะเก็บไว้ทำไมมันมีพิษ ปกติแล้วไม่ว่าเขาเจอสัตว์อะไรที่ไม่รู้จัก เขาจะฆ่ามันให้ตายอย่างเดียว (เขานับถือคริสต์นะคะ ไม่รู้ว่าบาปบุญคืออะไร กรรมคืออะไร) เราเลยบอกให้เขาหุบปาก เขาก็ยืนดูเราเปียกปอนในสภาพเท้าเปล่านั่งอยู่ข้างๆน้องเขียด เราไม่รู้จะทำยังไง คิดว่าเธอคงเจ็บมากๆ (คิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้) เราเลยสวดมนต์ และบอกกับเธอเป็นภาษาอังกฤษซึ่งแปลเป็นไทยว่า "สัพเพ สัตตา อเวรา โหนตุ สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย จงอย่ามีเวรซึ่งกันและกันเลย
สุขขี โหนตุ .............." หลังจากนั้นก็ แผ่เมตตาให้เธอ ว่า "ขอให้เธออโหสิกรรม ให้กับเราและเพื่อนของเราที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ และเราก็อโหสิกรรมให้เธอเช่นกัน จงอย่าเบียดเบียนกันและกันเลยนะ ขอให้เธอได้มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา และได้มีโอกาสปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน และเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไปนะ" (บทแผ่เมตตาพื้นฐานที่เราทำเกือบทุกวันค่ะ) หลังจากนั้นเราก็เข้าบ้านเพราะเปียกมากแล้วแต่ก็อดห่วงเธอไม่ได้ เลยต้องคอยแอบมอง
เรานึกว่าเธอจะรอดแล้ว แต่เรื่องมันยังไม่จบสิคะ หลังจากที่เราไปอาบน้ำและนั่งทำงานในห้องนอน หลายชั่วโมงผ่านไป ก็เริ่มเย็นแล้ว เราก็เลยมองผ่านหน้าต่างห้องนอนเราไป อยู่ดีๆ เราก็เจอกับ นกยักษ์ พันธุ์อะไรไม่ทราบแต่ชอบอยู่แถวทะเลสาปข้างบ้านและมันจะกินปลาประจำ ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอเธอมาอยู่ในบ้านเรา แต่วันนั้นเราเห็นเธออยู่บนขอบรั้วหลังบ้านตรงที่น้องเขียดอยู่ ช่วงวินาทีแรกยังไม่ได้คิดอะไรแค่รู้สึกว่าตัวใหญ่จัง ใหญ่กว่าแมวอีก เสี้ยววินาทีต่อมา อ้าว เห้ย ทำไมนกตัวนี้ต้องมาอยู่ตรงที่ที่น้องเขียดเธอพักรักษาตัวด้วย เราเลยวิ่งออกไปหน้าตั้ง พร้อมเรียกเพื่อนบ้านเราให้ออกไปดู เธอไม่กลัวเราเลย ตาโตเพ่งมาที่เรา เราต้องวิ่งออกไปไล่เธอใกล้ๆเธอถึงหนีออกไป ปากแหลมยื่นยาวแต่มอมแมมเชียว ปีกสีขาวแกมน้ำตาลคู่ใหญ่ก็พัดกระพือจากไปอย่างเสียงดัง คราวนี้เราลองไปดูที่ที่น้องเขียดเคยอยู่ ปรากฏว่าเธอหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าเธอกระโดดหายไปไหนหรือเธอตกเป็นเหยื่อของนกยักษ์ไปเสียจริงๆ เราน้ำตาไหลซึมเลยค่ะ นั่งลงกับพื้นรองเท้าก็ไม่ได้ใส่ เราช่วยชีวิตเธอไว้ได้สองครั้ง แต่ครั้งที่สามนี่ไม่แน่ใจ และหลังจากนั้นเราก็ไม่เคยเห็นเธออีกเลย....................... สิ่งสุดท้ายที่เราพูดกับเธอไว้ก็คือ คำแผ่เมตตา และหวังว่าเธอจะคงรับรู้ได้ถึงความเมตตา และปรารถนาดีที่เรามอบให้เธอ ในฐานะเพื่อนคนนึงนะคะ ทุกวันนี้เราก็ยังคิดถึงเธออยู่และยังคงแผ่เมตตาให้น้องเขียดค่ะ
จนเมื่อวานอยากหาคำตอบอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ ก็เลยอยากมาถามผู้รู้ในห้องนี้ค่ะว่า
1. ที่เราอ่านเจอบ้างก็ว่าเขียดไม่มีพิษเป็นสัตว์ตระกูลกบ กินได้ บ้างก็ว่า มีพิษที่ฉี่บ้าง ที่น้ำลายบ้าง ที่หลังบ้าง ตกลงแล้วจริงมันคืออะไรหรือคะ
2. อายุไขของเขียดนี่กี่ปีคะเพราะตัวที่เราเห็นทั้งด้วยลักษณะพิเศษของมัน ลวดหลาย รูปร่าง ก็คือตัวเดิมเมื่อสองปีที่แล้วปกติหลังบ้านเป็นปูน และมีแปลงปลูกผักเล็กๆๆๆๆ นิดเีดียว ไม่คิดว่าจะมีเขียดตัวอื่นนะคะ
3. เวลาเขียดส่งเสียงนี่ มีความหมายได้ว่าอย่างไรบ้างคะ นอกจากหาคู่ เพราะตลอดเวลาสองปีกว่าเธอไม่เคยร้อง นึกว่าเป็นใบ้ซะอีก แต่จะร้องเวลาเจอใครจะมาทำร้าย และตอนที่เราช่วยชีวิตเธอจากเพื่อนไว้ได้ครั้งสุดท้ายค่ะ
4. เขียดหรือสัตว์ต่างๆสามารถฟังภาษาต่างๆได้กี่ภาษาคะ เราเขาไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้วเราพูดกับเขาเป็นภาษาไทยเขาจะรู้เรื่องไหม
5. ถ้าเราแผ่เมตตาให้น้องเขียดและช่วยชีวิตเธอไว้ คุณคิดว่าเธอจะรับรู้ในความหวังดีของเราไหมคะ
คำถามอาจจะดูบ้องตื้นและไร้สาระไปหน่อย แต่ก็แค่สงสัยน่ะค่ะ ถ้าใครตอบได้ก็จะขอบคุณมากนะคะ
ป.ล. เราพยายามตามหารูปน้องเขียดที่คิดว่าใกล้เคียงที่สุดมาได้สองภาพจากเว็บนี้่ค่ะ
http://www.siamphotography.com/_album/photo.php?pid=3321&position=3&num_slide=5
http://chm-thai.onep.go.th/chm/data_province/ranong/AmphibianDV.html (เขียดตะปาด)