แจ๊คพอตแตก เมื่อเสียภาษีปีแรก...

ปีนี่เป็นปีที่ 3 ล่ะ ที่ได้ยื่นภาษี ทุกปีก็เป็นปกติ เพราะรายรับเรายังไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี
แต่พอปีนี้ รายรับเราถึงเกณฑ์ต้องเสีย เราจึงใช้ประกันชีวิต ยื่นขอรับเงินคืนไป แต่ยื่นไปตั้งนานก็ยังไม่ได้เงินคืน...
นึกแปลกใจ พอตรวจสอบไปกลับพบว่า ชื่อของเรามีรายรับจากบริษัทอื่นอีก 120000 บาท ทั้งที่เราไม่เคยได้รับงานที่ไหนกับใครอื่นเลย นอกจากเงินได้จากการเป็นพนักงานประจำของบริษัทเท่านั้น.....แล้วมันมาได้อย่างไร

สืบความย้อนไป  ถึงบริษัทต้นตอที่มีชื่อนำจ่ายเงินให้เรา เป็นบริษัทที่เคยรับงานฟรีแลนซ์ เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน เพียงครั้งเดียว ซึ่งในการรับเงินครั้งนั้นต้องใช้สำเนาบัตรประชาชนเป็นหลักฐานการรับเงิน จากนั้นเราก็ไม่เคยติดต่อและรับงานกับบริษัทนี้อีกเลย แต่มีรับงานกับบริษัทอื่นบ้างประปราย จนหมดช่วงชีวิตนักศึกษา และก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงานอย่างจริงจัง เราก็ไม่ได้รับงานฟรีแลนซ์อีกเลย เพราะเวลาที่จำกัดรวมถึงปัจจัยอีกหลายด้าน

พอทำงานมีรายรับที่แน่นอนจากเงินเดือน แน่นอนว่าเราต้องทำการยื่นภาษีเงินได้ทุกๆปี และทุกปีก็ไม่เคยมีปัญหา แต่พอมาปีนี้ เราก็ต้องพบกับเรื่องราวที่เราไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น นั่นคือการที่มียอดเงินปริศนาโผล่เข้ามาที่สรรพากรว่าเรามีรายรับจากบริษัทออกาไนซ์เซอร์แห่งหนึ่ง เราจึงโทรไปสอบถามกับทางสรรพากรพระนครศรีอยุธยาเขต 1 จึงทราบว่ามียอดเงินเข้าในวันที่ 21 ต.ค. 2555  เป็นเงิน 120000 โดยเงินเข้า 2 ครั้ง ครั้งละ 60000 ในวันเดียวกัน  นั่นหมายความว่า เราจะต้องเสียภาษีเพิ่มจากเดิมอีกเกือบๆหนึ่งหมื่นบาท (ตามที่เจ้าหน้าที่สรรพกรพื้นที่ทำการคำนวณให้) ทั้งนี้เราจึงได้ปรึกษากับสรรพากรพื้นที่ว่าเราควรทำอย่างไร สรรพากรพื้นที่แจ้งว่าให้ติดต่อกลับไปยังทางบริษัทออกาไซน์เซอร์ ให้เขาทำการยื่นเอกสาร เพื่อปรับลดยอดให้เรา ยอดก็จะหายไปจากระบบเอง

วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2556  วันเดียวกับที่เราทราบข้อมูลความผิดปกติ หลังจากสอบถามไปยังสรรพากรพื้นที่พระนครศรีอยุธยาเขต 1 แล้วนั้น  เวลาประมาณ 09.00 น. เราเริ่มติดต่อกลับไปยังบริษัทดังกล่าว ในครั้งแรก เราโทรเข้าสำนักงานของบริษัทออกาไซน์เซอร์ ตามเบอร์โทรที่หาได้จาก Internet มีผู้ชายคนหนึ่งรับสายแล้วบอกเราว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบไม่อยู่จะให้ติดต่อกลับภายหลัง เราเลยแจ้งกลับไปว่า “ให้ติดต่อกลับมาทันที ผมจะรอ” จนเวลา 12.00 น. ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรเข้ามาคุยด้วย เราก็อธิบายเรื่องราวให้ฟังว่า เกิดอะไรขึ้น แล้วเขาจะทำยังไง เขาบอกว่าเขายังคงทำอะไรไม่ได้ต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นความผิดของฝ่ายไหน เราก็เลยยืนยันไปว่าไม่ใช่ความผิดจากฝ่ายเราแน่นอน เพราะเราอยู่เฉยๆ และไม่ได้รับเงินจากคุณ แม้แต่บาทเดียว หลังจากนั้นเขาบอกว่าเขาจะไปตรวจสอบก่อนวันจันทร์จะติดต่อกลับ เราก็เข้าใจกระบวนการอยู่นะ ว่ามันต้องตรวจสอบ ก็เลยรอเขาต่อไป

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2556 รอแล้วเขาก็ไม่ติดต่อ เราก็เลยจะลองทำเป็นนิ่งรอดูท่าทีของเขา ปรากฏว่าเขาเงียบไปเลยทั้งวัน

วันอังคารที่ 12 มีนาคม 2556 รอต่อมาอีกหนึ่งวันบวกกับเราไม่มีเวลาว่าง เราก็รอมาจนเวลา 13.55 น. เราก็โทรกลับไปถามความคืบหน้า เขาก็บอกว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดกำลังตรวจสอบอยู่ เราก็ถามเขาว่ามันตรวจสอบยากมากเลยหรอ ถึงใช้เวลาหลายวัน เขาบอกว่าเขาเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด เพิ่งดำเนินการเราเลยถามว่าพรุ่งนี้เราจะทราบผลไหม เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะโทรมาบอก
เราเริ่มนึกเอ๊ะใจ เลยลองโทรไปถามเพื่อนที่เคยไปทำงานฟรีแลนซ์ด้วยกันยื่นภาษีไป ตั้งนานยังไม่ได้เงินคืน...พอตรวจสอบไปกลับพบว่า ชื่อของเรามีรายรับจากบริษัทอื่นอีก 120000 บาท ทั้งที่เราไม่เคยได้รับงานที่ไหนกับใครอื่นเลย นอกจากเงินได้จากการเป็นพนักงานประจำของบริษัทเท่านั้น.....แล้วมันมาได้อย่างไร

วันพุธที่ 13 มีนาคม 2556  เวลา 10.02 น.  เราก็โทรไปถามเขา แต่เขาบอกว่า “กำลังคุยกับลูกค้าอยู่ ยังไม่สะดวกคุย เดี๋ยวเสร็จจากลูกค้าแล้วจะโทรกลับ” จนเวลา 11.17 น. เขาโทรเข้ามา พอเรารับกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ เราจึงวางสายแล้วรอให้เขาโทรมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเข้ามา  เราจึงโทรกลับไป 3 สาย โดยทิ้งช่วงห่างของแต่ละสายประมาณ 5 นาที  จนเวลา 12.24 น. เขาก็โทรเข้ามาแล้วบอกว่า “ดูเหมือนจะเป็นความผิดจากทางทีมงานออกาไนซ์เอง” แต่ยังไม่ยอมรับโดยตรง เราถามถึงสาเหตุว่า “ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ และที่สำคัญ ผมตรวจสอบมาว่าไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว เพื่อนผมที่เคยไปทำงานด้วยกันในงานครั้งนั้นก็โดนเหมือนกัน” เขาบอกว่า ”คนทำมีหลายคนไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนทำเอกสารชุดนี้ แล้ว เอกสารมันก็เยอะด้วย” เราจึงบอกว่า “มันน่าจะเป็นข้ออ้างมากกว่า การที่คุณจะทำบัญชีเป็นไปไม่ได้หรอกที่เอกสารมันจะน้อย มันเยอะแน่นอน เพราะฉะนั้นคนทำบัญชีต้องมีความรอบครอบ มากกว่านี้ ไม่ใช่หยิบชื่อใครขึ้นมาใช้งานมั่วๆ ถ้าแบบนี้ผมเสียหายนะ เสียทั้งเงินทั้งเวลา คุณต้องรีบดำเนินการยื่นเอกสาร เพื่อปรับลดยอดให้เร็วที่สุด เพราะถ้าไม่เช่นนั้น ผมจะไปแจ้งสรรพากรให้ไปตรวจสอบบัญชีของบริษัทคุณ เพราะการกระทำของคุณมันส่อว่ากำลังทำการตกแต่งบัญชีเพื่อหลบเลี่ยงภาษี หรือถ้ายังไม่ดำเนินการ ผมอาจจะต้องแจ้งความดำเนินคดี เพราะคุณแอบอ้างเป็นตัวผมเพื่อดำเนินการใดๆ จนผมเกิดความเสียหาย” เขาจึงบอกว่าจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2556 เวลา 13.55 ทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทออกาไนซ์ ได้โทรเข้ามาบอกว่ากำลังดำเนินการยื่นเอกสารอยู่ที่สรรพากรเขตวังทองหลาง เพื่อปรับยอดออกไม่ให้มาแสดงในรายการของเรา และได้ถามชื่อ นามสกุล และเลขบัตรประชาชนของเราไปอีกครั้งหนึ่ง เราก็ใจชื้นว่าเรื่องกำลังจะจบ เวลา 15.12 น. เขาโทรเข้ามาอีกรอบบอกว่าสรรพากรวังทองหลางบอกมียอดเดียว ที่ 60000 บาท เราจึงโทรไปสอบถามกับทางสรรพากรพระนครศรีอยุธยาเขต 1 อีกครั้ง ทางนี้ก็ยืนยันว่ายอดแสดงที่เขา คือ 120000 บาท หรืออาจจะเป็นเพราะทางสรรพากรวังทองหลางคีย์ซ้ำ เราจึงติดต่อกลับไปทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทออกาไนซ์อีกครั้งว่าทางสรรพากรอยุธยา ยืนยันแบบนั้น  เขาจึงไปตรวจสอบพบว่าคีย์ยอดซ้ำจริงๆ และเขาได้แจ้งกับเราอีกว่า “เขาจะต้องเคลียเรื่องปรับยอดที่คีย์ซ้ำก่อน วันพรุ่งนี้เขาจะต้องมายื่นเอกสารที่สรรพากรใหม่อีกรอบ” เราจึงปรึกษากับทางสรรพากรอยุธยาว่าจะทำยังไงดี พี่ที่สรรพากรอยุธยาจึงแนะนำว่าให้เข้าไปดูยอดและยื่นคำให้การในการร้องเรียนไว้ก่อน

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2556 เราจึงลางานครึ่งวันตอนบ่ายเพื่อไปติดต่อสรรพากร โดยเราได้โทรไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ของออกาไนซ์แต่ไม่รับโทรศัพท์เรา และส่งข้อความกลับมาว่า “ ไม่สะดวกรับสาย กำลังทำเอกสารอยู่ที่สรรพากรวังทองหลางทั้งเรื่องที่คีย์ซ้ำ 2 ครั้ง ลดยอดในรายการของเราและเพื่อน “ ในขณะเดียวกัน เราก็ยื่นคำร้องกับทางสรรพากรพระนครศรีอยุธยาเขต1 ให้ตรวจสอบผู้จ่ายของบริษัทออกาไนซ์ พร้อมให้การถึงรายละเอียดที่ชัดเจน

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2556เวลา 09.17 น.  เจ้าหน้าที่ของบริษัทออกาไนซ์ส่งข้อความเข้ามาว่า  “กำลังจะไปติดต่อสรรพากรเพื่อยื่นแบบ  ปป.01 เพื่อให้ทางสรรพากรเคลียยอดที่คีย์ซ้ำ และจะยื่น ภ.ง.ด. 3 เพื่อลดยอดให้ ทั้งของเราและของเพื่อน และตอนบ่ายจะต้องชี้แจงกับสรรพากร ถ้าได้เรื่องยังไงจะแจ้งกลับ” เราก็ไม่โทรไปรบกวน

วันที่อังคาร 19 มีนาคม 2556 เวลา 11.00 น. เราโทรหาเขา 3 รอบ ก็ยังไม่ยอมรับโทรศัพท์ เราเลย เวลา14.12 ก็ส่งข้อความเข้ามาว่า “ ได้ยื่นเอกสารให้เรียบร้อยแล้ว และทางเจ้าหน้าที่สรรพากรได้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลของเราเรียบร้อยแล้ว” เราจึงโทรไปสอบถามกับสรรพากรอยุธยา ปรากฏว่ายังมียอดค้างอยู่คงเดิม เราจึงโทรกลับไปหาเจ้าหน้าที่ของบริษัทออกาไนซ์แต่ก็ยังไม่รับโทรศัพท์ เราจึงส่งข้อความไปถามว่า “ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์ แถมไม่โทรกลับด้วย คุณทำผมเสียเวลามาหลายอาทิตย์ เสียทั้งเงินทั้งเวลา แล้วผมก็ไม่ชอบวิธีการสื่อสารผ่านข้อความมันสื่อสารไม่รู้เรื่อง”  เขาก็ส่งข้อความกลับมาว่า “กำลังประชุมอยู่ ยังไม่สะดวกรับสาย”

วันพุธที่ 20 มีนาคม 2556 โทรเข้าไปประมาณ 5-6 ก็ยังไม่รับโทรศัพท์ และส่งข้อความมาว่า “สัมมนาอยู่ ตอนเที่ยงจะโทรกลับ” รอจนเกือบ 16.00 น. ก็ยังไม่โทรมา เราจึงโทรไปหาเขาอีกรอบ รออยู่นานกว่าจะรับ พอเขารับผมจึงถามเขาว่า “จะไม่รับโทรศัพท์ผมเลยใช่ไหม ผมโทรหาแทบทุกวัน “ เขาก็บอกว่า “อย่างที่บอกว่าเขาไม่สะดวกรับ และตอนนี้เขายื่นเอกสารไปครบหมดแล้ว เหลือรอแต่สรรพากรดำเนินการประมาณอาทิตย์หนึ่ง แล้วเขาจะรีบดำเนินการตรวจสอบให้อีกครั้งหนึ่ง”

ผมก็รอจนครบ 1 สัปดาห์เต็มๆ แต่แล้ว...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่