ผมประกอบสัมมาอาชีพเป็นวิศวกรอยู่หลายปี
ยิ่งเป็นวิศวกร ก็ยิ่งไส้แห้งลงทุกวันๆ
จะแดกข้าวเบิ้ลสองจานทีก็ต้องคิดหลายตลบ
จะขึ้นรถเมล์ติดแอร์ก็ต้องยับยั้งชั่งใจ รอรถร้อนสามบาทห้าสิบดีกว่า (ราคาสมัยนั้น)
ผมเลยคิดว่า เอาละ ผมจะเปลี่ยนอาชีพแล้ว ไม่เป็นแล้ววิศวกร มีดีแค่ดูโก้ แต่เงินเดือนไม่พอแดก
เห็นเค้าว่ากันว่า เป็นเซลส์แล้วจะรวย
ผมก็เลย เอาละวะ ถึงจะเกลียดการขายของมากแค่ไหน
เกลียดการไปไหว้กราบตีนขอให้คนซื้อของมากเพียงใด
แต่เพื่ออนาคต เผื่อจะมีเงินมีทองกะเค้ามั่ง
มันก็ต้องฝึกขายของให้เป็นละวะ
ตั้งแต่นั้นมา ผมเลยไปสมัครงานหลายที่มาก สมัครแมร่ง เซลส์อย่างเดียวเลย
เวบหางานทุกเวบ ค้นหาหมด
ส่งอีเมล์ไปประมาณสองร้อยกว่าบริษัท
ปรากฏว่า ได้เรียกสัมพาด 8 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 3 กว่าๆ
ก็ยังดีวะ กำขี้ดีกว่ากำตด
ผมไปสัมพาดที่ไหน แมร่งไม่ได้ซักที สงสัยแววเซลส์มันไม่ออก
บางที่ก็ให้ขายปากกาให้ดู ก็ทำตามที่มันบอก มันก็ไม่พอใจ
มีโอกาสได้มาสัมพาดที่ปูนด้วยนะ เค้าบอกว่า รับคนที่จบวิศวะโยธา
อ้าว ตรงเป้าผมพอดีเลย จบวิศวะมา แล้วอยากเป็นเซลส์
ผมก็ไปสัมพาด ปรากฏว่า คำถามทางด้านวิศวะ ผมตอบได้หมด
คำถามด้านการขาย ผมก็ตอบได้น่าพอใจ เพราะอ่านทฤษฎีการขายก่อนที่จะไปสัมพาด
มาตกม้าตายตอนที่ให้เปลี่ยนโหมดสัมพาด จากไทยเป็นฝรั่ง
แล้วก็ดันเป็นคำถามที่ผมเกลียดที่สุด
คนสัมพาดมันถามผมว่า เอ้า จะทดสอบภาษาอังกฤษคุณหน่อยนะ
"Why shoud I select you?" แปลเป็นไทยได้ว่า ทำไมเราถึงจะเลือกคุณ
อ้าววว แล้วกูจะไปรู้ได้ไงวะ ว่าทำไมถึงจะเลือกกู ผมละงงจริงๆกับไอ้พวกที่มันชอบถามคำถามแบบนี้
สมมุติ ว่าจะหาเมีย แล้วชอบ ขาวอวบ แต่กูบอกว่า ที่จะเลือกกู เพราะกู ผอมดำ
คำตอบมันก็ไม่ตรงกับใจ มันก็ไม่ได้งานสิ ไอ้ha'
ผมเป็นคนที่ว่า ทนไม่ได้กับการต้องไปตอบคำถามโง่ๆ
ก็เลยตอบกลับไปแบบยิ้มๆว่า How could I know แปลเป็นไทยได้ว่า แล้วกูจะรู้ได้ไงวะ
นั่นละ ผมเลยตกสัมพาด
ตกก็ตกวะ ถ้าจะต้องได้งาน โดยการต้องพยายามตอบคำถามโง่ๆ ให้ดูดี
เช่นว่า ผมจะทำให้บริษัทเจริญรุ่งเรือง ผมเป็นคนรักเด็ก
ขากถรุย!
ไม่ทำแมร่งจะดีกว่า
และเหตุผลที่เค้าบอกว่าไม่รับผม เพราะภาษาอังกฤษผมไม่ดี
เอ้า จะว่าไงก็ว่ากันไป ภาษาอังกฤษไม่ดี ผมก็ได้โทเฟิ่ลเกิน 600 โทอิคเกือบเก้าร้อยอะนะ ช่างแมร่ง
ไม่รับกูก็สมัครใหม่ได้วะ
และปีต่อมา ผมก็ได้กลับมาสัมพาดที่ปูนอีกครั้งนึง
คราวนี้โชคดีไม่มีคำถามโง่ๆ ก็เลยผ่านฉลุย
ไอ้คนที่เคยไม่รับผม ก็เลยต้องรับแบบเสียไม่ได้ เพราะเจ้านายที่ใหญ่กว่าเค้าเอา
ตอนไปสัมพาดกับเจ้านายใหญ่ ได้สัมพาดแค่ นาทีกว่าๆ
เค้าถามว่า แม่ทำอะไร
ผมตอบว่า ขายก๋วยเตี๋ยวครับ (ตอนนั้นแม่ยังขายก๋วยเตี๋ยวอยู่)
เจ้านายใหญ่เลยถามว่า แล้วอร่อยมั้ย
อร่อยครับ ผมตอบอย่างมั่นใจ
ถ้าได้งานที่นี่ ก็ตั้งใจทำละกันนะ
ครับ
นี่ไง ไม่มีคำถามโง่ๆ ผมเลยได้เป็นเซลส์ขายปูนซะที
เมื่อผมอยากเป็นเซลส์
ยิ่งเป็นวิศวกร ก็ยิ่งไส้แห้งลงทุกวันๆ
จะแดกข้าวเบิ้ลสองจานทีก็ต้องคิดหลายตลบ
จะขึ้นรถเมล์ติดแอร์ก็ต้องยับยั้งชั่งใจ รอรถร้อนสามบาทห้าสิบดีกว่า (ราคาสมัยนั้น)
ผมเลยคิดว่า เอาละ ผมจะเปลี่ยนอาชีพแล้ว ไม่เป็นแล้ววิศวกร มีดีแค่ดูโก้ แต่เงินเดือนไม่พอแดก
เห็นเค้าว่ากันว่า เป็นเซลส์แล้วจะรวย
ผมก็เลย เอาละวะ ถึงจะเกลียดการขายของมากแค่ไหน
เกลียดการไปไหว้กราบตีนขอให้คนซื้อของมากเพียงใด
แต่เพื่ออนาคต เผื่อจะมีเงินมีทองกะเค้ามั่ง
มันก็ต้องฝึกขายของให้เป็นละวะ
ตั้งแต่นั้นมา ผมเลยไปสมัครงานหลายที่มาก สมัครแมร่ง เซลส์อย่างเดียวเลย
เวบหางานทุกเวบ ค้นหาหมด
ส่งอีเมล์ไปประมาณสองร้อยกว่าบริษัท
ปรากฏว่า ได้เรียกสัมพาด 8 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 3 กว่าๆ
ก็ยังดีวะ กำขี้ดีกว่ากำตด
ผมไปสัมพาดที่ไหน แมร่งไม่ได้ซักที สงสัยแววเซลส์มันไม่ออก
บางที่ก็ให้ขายปากกาให้ดู ก็ทำตามที่มันบอก มันก็ไม่พอใจ
มีโอกาสได้มาสัมพาดที่ปูนด้วยนะ เค้าบอกว่า รับคนที่จบวิศวะโยธา
อ้าว ตรงเป้าผมพอดีเลย จบวิศวะมา แล้วอยากเป็นเซลส์
ผมก็ไปสัมพาด ปรากฏว่า คำถามทางด้านวิศวะ ผมตอบได้หมด
คำถามด้านการขาย ผมก็ตอบได้น่าพอใจ เพราะอ่านทฤษฎีการขายก่อนที่จะไปสัมพาด
มาตกม้าตายตอนที่ให้เปลี่ยนโหมดสัมพาด จากไทยเป็นฝรั่ง
แล้วก็ดันเป็นคำถามที่ผมเกลียดที่สุด
คนสัมพาดมันถามผมว่า เอ้า จะทดสอบภาษาอังกฤษคุณหน่อยนะ
"Why shoud I select you?" แปลเป็นไทยได้ว่า ทำไมเราถึงจะเลือกคุณ
อ้าววว แล้วกูจะไปรู้ได้ไงวะ ว่าทำไมถึงจะเลือกกู ผมละงงจริงๆกับไอ้พวกที่มันชอบถามคำถามแบบนี้
สมมุติ ว่าจะหาเมีย แล้วชอบ ขาวอวบ แต่กูบอกว่า ที่จะเลือกกู เพราะกู ผอมดำ
คำตอบมันก็ไม่ตรงกับใจ มันก็ไม่ได้งานสิ ไอ้ha'
ผมเป็นคนที่ว่า ทนไม่ได้กับการต้องไปตอบคำถามโง่ๆ
ก็เลยตอบกลับไปแบบยิ้มๆว่า How could I know แปลเป็นไทยได้ว่า แล้วกูจะรู้ได้ไงวะ
นั่นละ ผมเลยตกสัมพาด
ตกก็ตกวะ ถ้าจะต้องได้งาน โดยการต้องพยายามตอบคำถามโง่ๆ ให้ดูดี
เช่นว่า ผมจะทำให้บริษัทเจริญรุ่งเรือง ผมเป็นคนรักเด็ก
ขากถรุย!
ไม่ทำแมร่งจะดีกว่า
และเหตุผลที่เค้าบอกว่าไม่รับผม เพราะภาษาอังกฤษผมไม่ดี
เอ้า จะว่าไงก็ว่ากันไป ภาษาอังกฤษไม่ดี ผมก็ได้โทเฟิ่ลเกิน 600 โทอิคเกือบเก้าร้อยอะนะ ช่างแมร่ง
ไม่รับกูก็สมัครใหม่ได้วะ
และปีต่อมา ผมก็ได้กลับมาสัมพาดที่ปูนอีกครั้งนึง
คราวนี้โชคดีไม่มีคำถามโง่ๆ ก็เลยผ่านฉลุย
ไอ้คนที่เคยไม่รับผม ก็เลยต้องรับแบบเสียไม่ได้ เพราะเจ้านายที่ใหญ่กว่าเค้าเอา
ตอนไปสัมพาดกับเจ้านายใหญ่ ได้สัมพาดแค่ นาทีกว่าๆ
เค้าถามว่า แม่ทำอะไร
ผมตอบว่า ขายก๋วยเตี๋ยวครับ (ตอนนั้นแม่ยังขายก๋วยเตี๋ยวอยู่)
เจ้านายใหญ่เลยถามว่า แล้วอร่อยมั้ย
อร่อยครับ ผมตอบอย่างมั่นใจ
ถ้าได้งานที่นี่ ก็ตั้งใจทำละกันนะ
ครับ
นี่ไง ไม่มีคำถามโง่ๆ ผมเลยได้เป็นเซลส์ขายปูนซะที