รัฐบาลนี้ ประกาศ นโยบาย ในการ พัฒนาประเทศไทย ด้วยการลงทุน ใน เมกะโปรเจคท์ ต่าง ๆ ซึ่ง เป็น โปรเจคท์ ที่ไม่เคยพบเห็น ได้ยินที่ไหนมาก่อน อย่างที่ คนบางกลุ่มพยายามอ้างว่า "คิดมาก่อนนานแล้ว"
ทีนี้ ขอถามว่า ถ้าหาก รัฐบาลจะต้องทำงานดังกล่าว จำเป็นต้องมี "เงินทุน" ใช่หรือไม่
เงินที่ว่า ปริมาณ มหาศาล ถ้า ไม่ กู้ จากต่างประเทศ แล้ว จะเอาจากไหน
ทีนี้ การกู้เงิน มาลงทุนนั้น จะต้องมีการนำเสนอรายละเอียดโปรเจคท์ พร้อมกับแผนการชดใช้หนี้สินดังกล่าว อย่างชัดเจน โดยแผนงานดังกล่าวนี้ ผู้กู้ และ ผู้ให้กู้ พิจารณากันเอง
อนึ่ง ถ้าหากจะมองว่า เงินก้อนนี้รัฐบาลวาดโครงการหลอก ๆ มา เพื่อไปกู้เิงินมา โกงกินกันนั้น ก็ ย่อมจะมองได้ สงสัยได้ เพราะ โครงการที่ว่า นี้ ไม่เคยมีใครคิดถึงมาก่อน เพราะฉะนั้น คนอื่น จึงมองไม่ออก ว่า จะต้องใช้เงิน ใช้เวลา เท่าไร รวมไปถึง โครงการดังกล่าว ถ้าหากสำเร็จแล้ว จะ เกิดประโยชน์อะไร ต่อประเทศชาติบ้าง
บางคนมักจะเอาเงินกู้ที่ว่า มาหารด้วยจำนวนประชากร แล้ว บอกว่า ประชาชนเป็นหนี้ ต่อหัวเท่าไร....อันนี้ ผมมองว่า ติงต๊อง เพราะความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลเก็บเงินเพิ่มจากพวกท่าน เหรอ ก็ ไม่ใช่ ..... ตรงกันข้าม รัฐบาลเอาเงินกู้ก้อนดังกล่าว ต่างหาก มาพัฒนาคุณภาพชีวิตให้พวกท่าน ได้เสียเงินน้อยลง เสียเวลาน้อยลง
เอาล่ะ ถ้าหาก ว่า กู้มาโกงจริง รัฐบาล ตัดปัญหาด้วยการ ยกเลิกการกู้เงิน แล้ว โครงการที่ว่านี้ จะไม่เกิดขึ้น ประเทศไทย ก็ จะยังอยู่ที่เดิมและ เจริญลง ทุกวัน ทุกวัน
ถ้า รัฐบาล ไม่สามารถผ่าน พรบ. เงินกู้ได้...............ต้องลาออก ยุบสภา
ถ้า รัฐบาล ไม่สามารถทำตามที่หาเสียงไว้ได้..........ต้องลาออก ยุบสภา
ใครคิดเช่นนี้ ขอบอกว่า "ติงต๊อง"
ถ้าหากรัฐบาลนี้ ผ่าน พรบ. เงินกู้เรียบร้อยแล้ว พบว่ามี การ โกงกินเกิดขึ้น....ต้องลาออก ยุบสภา ดำเนินคดี
ถ้าหากรัฐบาบนี้ ผ่าน พรบ. เงินกู้เรียบรอ้ยแล้ว พบว่า โครงการดังกล่าวไม่ได้แล้วเสร็จตามที่เสนอไว้ .......ต้องลาออก ยุบสภา
อันนี้ สิ เห็นด้วย
ถ้า หากว่า การกู้เงินของรัฐบาลนี้ คือ "กู้มาโกง" แล้วจะเป็นยังไงต่อ...
ทีนี้ ขอถามว่า ถ้าหาก รัฐบาลจะต้องทำงานดังกล่าว จำเป็นต้องมี "เงินทุน" ใช่หรือไม่
เงินที่ว่า ปริมาณ มหาศาล ถ้า ไม่ กู้ จากต่างประเทศ แล้ว จะเอาจากไหน
ทีนี้ การกู้เงิน มาลงทุนนั้น จะต้องมีการนำเสนอรายละเอียดโปรเจคท์ พร้อมกับแผนการชดใช้หนี้สินดังกล่าว อย่างชัดเจน โดยแผนงานดังกล่าวนี้ ผู้กู้ และ ผู้ให้กู้ พิจารณากันเอง
อนึ่ง ถ้าหากจะมองว่า เงินก้อนนี้รัฐบาลวาดโครงการหลอก ๆ มา เพื่อไปกู้เิงินมา โกงกินกันนั้น ก็ ย่อมจะมองได้ สงสัยได้ เพราะ โครงการที่ว่า นี้ ไม่เคยมีใครคิดถึงมาก่อน เพราะฉะนั้น คนอื่น จึงมองไม่ออก ว่า จะต้องใช้เงิน ใช้เวลา เท่าไร รวมไปถึง โครงการดังกล่าว ถ้าหากสำเร็จแล้ว จะ เกิดประโยชน์อะไร ต่อประเทศชาติบ้าง
บางคนมักจะเอาเงินกู้ที่ว่า มาหารด้วยจำนวนประชากร แล้ว บอกว่า ประชาชนเป็นหนี้ ต่อหัวเท่าไร....อันนี้ ผมมองว่า ติงต๊อง เพราะความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลเก็บเงินเพิ่มจากพวกท่าน เหรอ ก็ ไม่ใช่ ..... ตรงกันข้าม รัฐบาลเอาเงินกู้ก้อนดังกล่าว ต่างหาก มาพัฒนาคุณภาพชีวิตให้พวกท่าน ได้เสียเงินน้อยลง เสียเวลาน้อยลง
เอาล่ะ ถ้าหาก ว่า กู้มาโกงจริง รัฐบาล ตัดปัญหาด้วยการ ยกเลิกการกู้เงิน แล้ว โครงการที่ว่านี้ จะไม่เกิดขึ้น ประเทศไทย ก็ จะยังอยู่ที่เดิมและ เจริญลง ทุกวัน ทุกวัน
ถ้า รัฐบาล ไม่สามารถผ่าน พรบ. เงินกู้ได้...............ต้องลาออก ยุบสภา
ถ้า รัฐบาล ไม่สามารถทำตามที่หาเสียงไว้ได้..........ต้องลาออก ยุบสภา
ใครคิดเช่นนี้ ขอบอกว่า "ติงต๊อง"
ถ้าหากรัฐบาลนี้ ผ่าน พรบ. เงินกู้เรียบร้อยแล้ว พบว่ามี การ โกงกินเกิดขึ้น....ต้องลาออก ยุบสภา ดำเนินคดี
ถ้าหากรัฐบาบนี้ ผ่าน พรบ. เงินกู้เรียบรอ้ยแล้ว พบว่า โครงการดังกล่าวไม่ได้แล้วเสร็จตามที่เสนอไว้ .......ต้องลาออก ยุบสภา
อันนี้ สิ เห็นด้วย