สวัสดีฮะ มิตรรักแฟนคลับของผม.....ร้อน ๆ อย่างนี้...เล่นเอาผมเบื่อ ผมเซ็งไปเลยฮะ....
ไม่ใช่แค่เซ็งอากาศร้อนอย่างเดียว เซ็งแม่ด้วยฮะ....อยู่ดี ๆ ก็พาเด็กใหม่เข้าสังกัดเฉยเลย ไม่ถามผมอีกแระ...เฮ้อ...นิสัยนี้แก้ไม่หายซักทีนะฮะแม่...แต่ก็นั่นแหละ ผมจะไปพูดอะไรได้ ผมมันก็แค่ผู้จัดการทีม ท่านประธานส่งเด็กใหม่มา ผมก็ต้องดูแลกันไป ใช่มั้ยฮะ.....
แต่มันก็น่าสงสารจริง ๆ นะฮะ ผมเห็นแล้วยังตกใจเลย นี่มันแมวหรือตัวอะไรกัน ผอมแห้งกรังได้ขนาดนี้....
เหตุเกิดเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมานี่เองฮะ แม่ไปทำงานต่างจังหวัดกับที่ทำงานแม่ ไม่ไกลกรุงเทพฯหรอกฮะ แค่จังหวัดปราจีนบุรีนี่เอง
ตอนบ่ายหลังกินข้าวกลางวัน แม่ต้องไปที่อำเภอศรีมโหสถ ณ โบราณสถานสระมรกต คณะของแม่ไปที่อาคารศรีมโหสถริมสระมรกต เมื่อลงจากรถ แม่เดินดูนั่นนี่ ก็ได้ยินเสียงมิ้วเล็ก ๆ เบา ๆ แม่มองหาที่มา ก็เห็นอีหนูนี่วิ่งออกมาจากด้านหลังซึ่งไม่มีอะไรเลย เป็นที่ว่าง ๆ มันตรงมาที่คณะแม่ยืนอยู่ แล้วก็มาที่ขาแม่เลย ปากก็ร้องมิ้วแหบ ๆ เสียงก็ไม่ค่อยมี
แม่ก้มลงดู เห็นอีหนูหน้ากากขาวดำ รูปร่างเป็นโครงกระดูกลูกแมวหางยาว แม่ไม่เคยเห็นลูกแมวผอมขนาดนี้ ขนาดมองเห็นริ้วซี่โครงเด่นชัด แม่บอกผมว่า ตอนแรกแม่ก็พยายามตัดใจ เพราะแม่มีพวกเราเยอะแล้ว พอแม่เดินออกมาด้านหน้า อีหนูนี่ก็วิ่งตามด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ปากก็ส่งเสียงร้องไปด้วย
แม่ถึงกับละลายเป็นไอติมเลยฮะ...แล้วแม่ก็อุ้มมันขึ้นมา ถามยามซึ่งเคยเป็นอดีตลูกน้องแม่เมื่อ 20 กว่าปีก่อนว่าแมวใคร อดีตลูกน้องแม่บอกว่า ไม่มีเจ้าของ คนเอามาปล่อยได้ 2 วันแล้ว ไม่มีอะไรกินด้วย...โถ...มิน่า กระดูกถึงโผล่ทุกชิ้น ทุกซี่
แม่ถามต่อว่า ถ้ามันอยู่ที่นี่ต่อล่ะ จะเป็นยังไง อดีตลูกน้องแม่บอกว่า มันก็จับตัวอะไรต่อมิอะไรกิน ถ้ามันรอดนะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรอด ไม่หมากัดตาย ก็รถทับตายถ้าวิ่งออกไปที่ถนน หรือไม่ก็อดตาย แม่ตัดสินใจเด็ดขาด หันไปขอความกรุณาเพื่อนร่วมงานที่ไปด้วย ขออุ้มอีหนูนี่ติดรถมา ทุกคนไม่ปฏิเสธเพราะรู้อยู่แล้วว่า ใจของแม่อุ้มอีหนูนี่ขึ้นรถมาด้วยแล้ว ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่ไปด้วยจริง ๆ เพราะทุกคนไม่เลี้ยงแมว เลี้ยงแต่หมา บางคนก็ไม่เลี้ยงสัตว์ เพราะไม่ชอบ แต่ก็ไม่รังเกียจที่จะมีอีหนูนี่ติดรถมาด้วยตัวนึง
กว่าจะได้ออกจากปราจีนบุรี กลับกรุงเทพฯ ก็เป็นเวลา 18.00 น. อีหนูนี่ก็รู้อยู่นะฮะ มันไม่ลงจากตักแม่เลย แม่ไม่ได้ซื้ออะไรให้กินด้วย เพราะเกรงใจเพื่อนร่วมงาน เกรงว่าอาหารแมวจะส่งกลิ่นรบกวนในรถ ประกอบกับรถของที่ทำงานแม่ต้องใช้รับเจ้านายด้วย ซึ่งท่านรับกลิ่นแปลกปลอมได้เร็วมาก แม่เลยขอให้อีหนูอดทน แม่ให้กินแต่น้ำ มันก็หลับบนตักแม่มาตลอดทาง...แม่สงสารมันนะฮะ รู้ว่ามันหิว แต่แม่ก็พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า ถ้าแม่ไม่อุ้มมันมาด้วย ถึงเวลานี้มันก็ไม่มีอะไรกินอยู่ดี แถมต้องอยู่ตัวเดียวเพราะเขากลับบ้านกันหมด
เมื่อถึงที่ทำงานแม่เวลา 19.40 น. พ่อมารอรับแม่อยู่แล้ว แม่ขอพ่อให้อีหนูนี่ได้กินข้าวก่อน ในห้องทำงานแม่มีข้าวแมวอยู่ฮะ แม่ติดไว้ให้แมวที่ทำงานแม่ แล้วแม่ก็อุ้มอีหนูนี่ขึ้นตึก เข้าห้องทำงานแม่ เทข้าวให้กินช้อนนึง แม่ถึงกับน้ำตาซึมเมื่อเห็นมันกิน มันกินข้าวตัวสั่น ไม่ได้รีบกินนะฮะ กินช้า ๆ นั่นแหละ แต่ตัวสั่น เพราะไม่ได้กินอะไรมาถึง 2 วัน แม่บอกว่าเศษนิดนึงที่มันขบแตก มันก็เก็บกินหมดเกลี้ยงเลยฮะ ผมฟังแล้วก็น้ำตาซึมตามแม่เหมือนกัน
พอมันกินเสร็จ แม่ก็พามันกลับบ้าน มันนอนหลับปุ๋ยแบบสนิทกว่าเมื่อตอนเย็นบนตักแม่จนถึงบ้าน
พวกเราทั้งหมด ยินดีต้อนรับมันฮะ แต่มันอ่ะดิ ขู่ผมเฉยเลย...เสียงก็ไม่มี...ตัวก็จึ๋งเดียว...ยังทำซ่า...ดิ๊ดดิ๊ด...เห็นเป็นเด็กเป็นเล็กหรอกนะ ผมเลยไม่ว่าอะไร....
คืนนั้น มันต้องนอนตัวเดียวก่อนฮะ ในห้องที่แม่เคยให้หนูดวงอยู่ แม่ปิดประตูห้ามพวกผมเข้า แม่บอกว่าเพื่อความไม่ประมาท เผื่อมันมีโรคอะไรติดมา แต่ที่แน่ ๆ มันไม่มีหมัดเลยฮะ แม่เทข้าวเด็กให้กินชามโต น้ำอีกชามใหญ่ กระบะทราย 1 กระบะ แม่พามันไปเขี่ยกระบะทรายด้วยฮะ
วันรุ่งขึ้นพอแม่ตื่นนอน แม่รีบลุกมาดูอีหนูนี่ก่อน พบว่าในกระบะทรายมีอึน้อย ๆ 1 กอง กับฉี่อีกกองใหญ่ แม่ดีใจมากว่า อีหนูนี่มันเรียนรู้เร็ว มันไม่ทำเลอะเทอะ แถมยังมาใช้กระบะทรายครบถ้วนทั้งหนักเบา ข้าวที่แม่เทให้เมื่อคืนก็หมดเกลี้ยง น้ำก็หมดไปตั้งครึ่งชาม พุงมันกางเกินหน้าเกินตามากเลยฮะ แล้วแม่ก็ไปทำงาน โดยให้อีหนูนี่อยู่ในห้องตัวเดียวไปก่อนอีก 1 วัน
ตอนค่ำแม่กลับมา อีหนูนี่มันก็ไม่ยอมอยู่ในห้องอีกแล้วฮะ มันเดินตามแม่ไปทุกหนแห่ง ขอนอนด้วย แล้วมันก็ได้อยู่กับพวกผมในที่สุด
วันเสาร์แม่ป้อนยาถ่ายพยาธิให้มัน แล้วแม่ก็ตั้งชื่อให้มันว่า เด็กหญิงดาวเด่น เรียกสั้นว่าหนูดาว จะได้คล้องกับหนูดวง แม่บอกว่าก็มันแมวหน้ากากเหมือนกัน
ถึงวันนี้หนูดาวก็จำชื่อตัวเองได้แล้ว แม่ลองเรียกมันโดยยังไม่เห็นตัว ซักพักมันก็ค่อย ๆ เดินมาหาแม่พร้อมกับส่งเสียงขานรับเบา ๆ อีหนูนี่เสียงมันเบามากเลยฮะ
ตอนนี้มันมีน้องทองก้อนเป็นพี่เลี้ยง มีน้องหนูดวงเป็นพี่เลี้ยงน้องทองก้อนผ่านไปถึงน้องหนูดาวอีกทีหนึ่ง
อาทิตย์หน้าแม่จะพามันไปหาน้าหมอเพื่อเช็คสภาพเบื้องต้นฮะ แม่หวังเป็นอย่างยิ่งว่า มันคงไม่มีโรคแฝงมา ช่วยภาวนาให้หนูดาวกับแม่ด้วยนะฮะ
นี่ล่ะฮะ สมาชิกตัวที่ 17 ของพวกเรา หนูดาวเด่น...
และแล้ว...สโมสรคลองจั่นยูไนเต็ดก็มีสมาชิกตัวที่ 17 จนได้.....ตันตันเบื่อจะพิลาปแล้วฮะ
ไม่ใช่แค่เซ็งอากาศร้อนอย่างเดียว เซ็งแม่ด้วยฮะ....อยู่ดี ๆ ก็พาเด็กใหม่เข้าสังกัดเฉยเลย ไม่ถามผมอีกแระ...เฮ้อ...นิสัยนี้แก้ไม่หายซักทีนะฮะแม่...แต่ก็นั่นแหละ ผมจะไปพูดอะไรได้ ผมมันก็แค่ผู้จัดการทีม ท่านประธานส่งเด็กใหม่มา ผมก็ต้องดูแลกันไป ใช่มั้ยฮะ.....
แต่มันก็น่าสงสารจริง ๆ นะฮะ ผมเห็นแล้วยังตกใจเลย นี่มันแมวหรือตัวอะไรกัน ผอมแห้งกรังได้ขนาดนี้....
เหตุเกิดเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมานี่เองฮะ แม่ไปทำงานต่างจังหวัดกับที่ทำงานแม่ ไม่ไกลกรุงเทพฯหรอกฮะ แค่จังหวัดปราจีนบุรีนี่เอง
ตอนบ่ายหลังกินข้าวกลางวัน แม่ต้องไปที่อำเภอศรีมโหสถ ณ โบราณสถานสระมรกต คณะของแม่ไปที่อาคารศรีมโหสถริมสระมรกต เมื่อลงจากรถ แม่เดินดูนั่นนี่ ก็ได้ยินเสียงมิ้วเล็ก ๆ เบา ๆ แม่มองหาที่มา ก็เห็นอีหนูนี่วิ่งออกมาจากด้านหลังซึ่งไม่มีอะไรเลย เป็นที่ว่าง ๆ มันตรงมาที่คณะแม่ยืนอยู่ แล้วก็มาที่ขาแม่เลย ปากก็ร้องมิ้วแหบ ๆ เสียงก็ไม่ค่อยมี
แม่ก้มลงดู เห็นอีหนูหน้ากากขาวดำ รูปร่างเป็นโครงกระดูกลูกแมวหางยาว แม่ไม่เคยเห็นลูกแมวผอมขนาดนี้ ขนาดมองเห็นริ้วซี่โครงเด่นชัด แม่บอกผมว่า ตอนแรกแม่ก็พยายามตัดใจ เพราะแม่มีพวกเราเยอะแล้ว พอแม่เดินออกมาด้านหน้า อีหนูนี่ก็วิ่งตามด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ปากก็ส่งเสียงร้องไปด้วย
แม่ถึงกับละลายเป็นไอติมเลยฮะ...แล้วแม่ก็อุ้มมันขึ้นมา ถามยามซึ่งเคยเป็นอดีตลูกน้องแม่เมื่อ 20 กว่าปีก่อนว่าแมวใคร อดีตลูกน้องแม่บอกว่า ไม่มีเจ้าของ คนเอามาปล่อยได้ 2 วันแล้ว ไม่มีอะไรกินด้วย...โถ...มิน่า กระดูกถึงโผล่ทุกชิ้น ทุกซี่
แม่ถามต่อว่า ถ้ามันอยู่ที่นี่ต่อล่ะ จะเป็นยังไง อดีตลูกน้องแม่บอกว่า มันก็จับตัวอะไรต่อมิอะไรกิน ถ้ามันรอดนะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรอด ไม่หมากัดตาย ก็รถทับตายถ้าวิ่งออกไปที่ถนน หรือไม่ก็อดตาย แม่ตัดสินใจเด็ดขาด หันไปขอความกรุณาเพื่อนร่วมงานที่ไปด้วย ขออุ้มอีหนูนี่ติดรถมา ทุกคนไม่ปฏิเสธเพราะรู้อยู่แล้วว่า ใจของแม่อุ้มอีหนูนี่ขึ้นรถมาด้วยแล้ว ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่ไปด้วยจริง ๆ เพราะทุกคนไม่เลี้ยงแมว เลี้ยงแต่หมา บางคนก็ไม่เลี้ยงสัตว์ เพราะไม่ชอบ แต่ก็ไม่รังเกียจที่จะมีอีหนูนี่ติดรถมาด้วยตัวนึง
กว่าจะได้ออกจากปราจีนบุรี กลับกรุงเทพฯ ก็เป็นเวลา 18.00 น. อีหนูนี่ก็รู้อยู่นะฮะ มันไม่ลงจากตักแม่เลย แม่ไม่ได้ซื้ออะไรให้กินด้วย เพราะเกรงใจเพื่อนร่วมงาน เกรงว่าอาหารแมวจะส่งกลิ่นรบกวนในรถ ประกอบกับรถของที่ทำงานแม่ต้องใช้รับเจ้านายด้วย ซึ่งท่านรับกลิ่นแปลกปลอมได้เร็วมาก แม่เลยขอให้อีหนูอดทน แม่ให้กินแต่น้ำ มันก็หลับบนตักแม่มาตลอดทาง...แม่สงสารมันนะฮะ รู้ว่ามันหิว แต่แม่ก็พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า ถ้าแม่ไม่อุ้มมันมาด้วย ถึงเวลานี้มันก็ไม่มีอะไรกินอยู่ดี แถมต้องอยู่ตัวเดียวเพราะเขากลับบ้านกันหมด
เมื่อถึงที่ทำงานแม่เวลา 19.40 น. พ่อมารอรับแม่อยู่แล้ว แม่ขอพ่อให้อีหนูนี่ได้กินข้าวก่อน ในห้องทำงานแม่มีข้าวแมวอยู่ฮะ แม่ติดไว้ให้แมวที่ทำงานแม่ แล้วแม่ก็อุ้มอีหนูนี่ขึ้นตึก เข้าห้องทำงานแม่ เทข้าวให้กินช้อนนึง แม่ถึงกับน้ำตาซึมเมื่อเห็นมันกิน มันกินข้าวตัวสั่น ไม่ได้รีบกินนะฮะ กินช้า ๆ นั่นแหละ แต่ตัวสั่น เพราะไม่ได้กินอะไรมาถึง 2 วัน แม่บอกว่าเศษนิดนึงที่มันขบแตก มันก็เก็บกินหมดเกลี้ยงเลยฮะ ผมฟังแล้วก็น้ำตาซึมตามแม่เหมือนกัน
พอมันกินเสร็จ แม่ก็พามันกลับบ้าน มันนอนหลับปุ๋ยแบบสนิทกว่าเมื่อตอนเย็นบนตักแม่จนถึงบ้าน
พวกเราทั้งหมด ยินดีต้อนรับมันฮะ แต่มันอ่ะดิ ขู่ผมเฉยเลย...เสียงก็ไม่มี...ตัวก็จึ๋งเดียว...ยังทำซ่า...ดิ๊ดดิ๊ด...เห็นเป็นเด็กเป็นเล็กหรอกนะ ผมเลยไม่ว่าอะไร....
คืนนั้น มันต้องนอนตัวเดียวก่อนฮะ ในห้องที่แม่เคยให้หนูดวงอยู่ แม่ปิดประตูห้ามพวกผมเข้า แม่บอกว่าเพื่อความไม่ประมาท เผื่อมันมีโรคอะไรติดมา แต่ที่แน่ ๆ มันไม่มีหมัดเลยฮะ แม่เทข้าวเด็กให้กินชามโต น้ำอีกชามใหญ่ กระบะทราย 1 กระบะ แม่พามันไปเขี่ยกระบะทรายด้วยฮะ
วันรุ่งขึ้นพอแม่ตื่นนอน แม่รีบลุกมาดูอีหนูนี่ก่อน พบว่าในกระบะทรายมีอึน้อย ๆ 1 กอง กับฉี่อีกกองใหญ่ แม่ดีใจมากว่า อีหนูนี่มันเรียนรู้เร็ว มันไม่ทำเลอะเทอะ แถมยังมาใช้กระบะทรายครบถ้วนทั้งหนักเบา ข้าวที่แม่เทให้เมื่อคืนก็หมดเกลี้ยง น้ำก็หมดไปตั้งครึ่งชาม พุงมันกางเกินหน้าเกินตามากเลยฮะ แล้วแม่ก็ไปทำงาน โดยให้อีหนูนี่อยู่ในห้องตัวเดียวไปก่อนอีก 1 วัน
ตอนค่ำแม่กลับมา อีหนูนี่มันก็ไม่ยอมอยู่ในห้องอีกแล้วฮะ มันเดินตามแม่ไปทุกหนแห่ง ขอนอนด้วย แล้วมันก็ได้อยู่กับพวกผมในที่สุด
วันเสาร์แม่ป้อนยาถ่ายพยาธิให้มัน แล้วแม่ก็ตั้งชื่อให้มันว่า เด็กหญิงดาวเด่น เรียกสั้นว่าหนูดาว จะได้คล้องกับหนูดวง แม่บอกว่าก็มันแมวหน้ากากเหมือนกัน
ถึงวันนี้หนูดาวก็จำชื่อตัวเองได้แล้ว แม่ลองเรียกมันโดยยังไม่เห็นตัว ซักพักมันก็ค่อย ๆ เดินมาหาแม่พร้อมกับส่งเสียงขานรับเบา ๆ อีหนูนี่เสียงมันเบามากเลยฮะ
ตอนนี้มันมีน้องทองก้อนเป็นพี่เลี้ยง มีน้องหนูดวงเป็นพี่เลี้ยงน้องทองก้อนผ่านไปถึงน้องหนูดาวอีกทีหนึ่ง
อาทิตย์หน้าแม่จะพามันไปหาน้าหมอเพื่อเช็คสภาพเบื้องต้นฮะ แม่หวังเป็นอย่างยิ่งว่า มันคงไม่มีโรคแฝงมา ช่วยภาวนาให้หนูดาวกับแม่ด้วยนะฮะ
นี่ล่ะฮะ สมาชิกตัวที่ 17 ของพวกเรา หนูดาวเด่น...