คงจะรู้กันในสัปดาห์นี้ว่า กกต.จะประกาศรับรอง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ เพราะใกล้จะ
ถึงกำหนดที่ตัดสินว่าจะเอายังไงแน่
เท่าที่ดูแล้วน่าจะเป็นแบบว่ารับรองไปก่อนแล้วค่อยมาสอยทีหลัง

แต่เรื่องของประชาธิปัตย์ที่น่าสนใจกว่านั้นคือการประชุมใหญ่ พรรค
ซึ่งประเด็นสำคัญที่มีการกล่าวถึงก็คือทำยังไงถึงจะชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล

เพราะ 21 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยชนะมีแต่แพ้ตลอด

อย่างไรก็ตาม ได้มีการเสนอยุทธศาสตร์ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2555- 2558 ซึ่งมีทั้งสิ้น 15
ยุทธศาสตร์ มีเป้าหมายเพื่อให้เป็นพรรคแห่งชาติ มีบทบาทในเวทีสากล
เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วประเทศ สามารถ เอาชนะการเลือกตั้งได้

ไม่รู้ว่า 15 ยุทธศาสตร์ที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง แต่ดูเหมือนว่าจะมี
ความพยายามที่จะเอาชนะเลือกตั้ง หรือพูดง่ายๆว่าเอาชนะเพื่อไทย... ว่างั้นเถอะ

แม้จะได้เป็นรัฐบาลแทรกจังหวะได้ช่วงหนึ่ง ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ได้เป็นนายกฯครั้งแรก และก็มุ่งหวังที่จะได้เป็นผู้นำอย่าง ต่อเนื่อง
แต่ปรากฏว่าต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างยับเยิน ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ที่ผ่านสนามการเมืองแค่ 49 วัน ได้เป็นนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย

แน่นอนว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นประชาธิปัตย์หวังว่าจะได้เสียง ส.ส.มากพอสมควร
และจับมือกับพรรคภูมิใจไทยเพื่อกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง

แต่ปรากฏว่าย่อยยับทั้ง 2 พรรค ทั้งๆที่พรรคภูมิใจไทยหมายมั่น ปั้นมือว่าจะกวาด
ส.ส.ภาคอีสานให้มากที่สุด เพื่อลด ส.ส.ของเพื่อไทย

ทุ่มเททุกอย่างและคาดการณ์ว่าจะได้เท่านั้นเท่านี้
ตรงกันข้ามไม่มีโอกาสสู้แม้แต่น้อย เพราะกระแส น.ส.ยิ่งลักษณ์มาแรง และคน
เสื้อแดงหนุนอย่างเต็มที่

นั่นทำให้พรรคภูมิใจไทยฝ่อมาจนวันนี้

ในการประชุมพรรคประชาธิปัตย์มีการเสนอแนวทางว่าหากจะเอา
ชนะเลือกตั้งได้จะต้องมีการปฏิรูปพรรคครั้งใหญ่

เหนืออื่นใดไม่มีใครเสนอทิศทางการปฏิรูปว่าควรจะทำอะไรบ้างที่เป็นรูปธรรม
เพียงแต่มีการระบุว่าควรทำงานใกล้ชิดกับสาขาพรรค การหาสมาชิกพรรคให้
เพิ่มมากขึ้น ซึ่งว่าที่จริงเรื่องที่พูดกันนั้น เป็นเรื่องปกติที่จะต้องทำกันอยู่แล้ว

หรือแม้แต่นายอภิสิทธิ์เองที่ดูเหมือนจะทำใจได้แล้วว่าโอกาส
ที่จะชนะเลือกตั้งเป็นไปได้ยาก เลยโยนไปว่าพรรคจะต้องเสนอพิมพ์
เขียวของประเทศให้สำเร็จและพร้อมที่จะให้พรรคการเมืองนำไปใช้ได้

พิมพ์เขียวประเทศนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและควรทำมานานแล้ว
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้ประชาชนหันมาสนับสนุน
พรรคประชาธิปัตย์มากขึ้นแต่อย่างใด
หากการเปลี่ยนแปลงแบบ ปฏิรูปพรรคที่เป็นรูปธรรมยังไม่เกิดขึ้น

ทุกวันนี้ในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีปัญหาในความไม่เป็นเอกภาพ
ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่จะนำพาพรรคไปสู่ชัยชนะในการ เลือกตั้งครั้งใหม่

โดยเฉพาะภาคอีสานและภาคเหนือที่มี ส.ส.มากสุด
แต่ประชาธิปัตย์ไม่สามารถเข้าถึงมวลชนระดับรากหญ้าได้
ทั้งๆที่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและควรจะต้องหาวิธีการที่ลงไปสู่รากลึก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบาย บุคลากรทางการเมือง หรือปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ไม่รู้ว่า “อภิสิทธิ์” คิดยังไงต่อเรื่องนี้

ลำพังแค่การเดินสายเพื่อเปิดโปงความจริงอย่างที่ทำกันมานั้น
ก็เป็นแค่การโจมตีรัฐบาล หรือระบอบ “ทักษิณ” มากกว่าที่จะ
ทำให้ชาวบ้านได้เห็นว่าประชาธิปัตย์จะทำอะไรให้พวกเขาได้เป็นรูปธรรม

ถ้าปรับจูนตรงนี้ไม่ได้คงเป็นเรื่องยากที่จะชนะเลือกตั้ง.

“สายล่อฟ้า”

http://www.thairath.co.th/column/pol/gladai/334620

สายล่อฟ้า   ไม่ใช่แฟนคลับ รัฐบาล  ปกติจะวิจารณ์...แบบจิกกัด  เป็นประจำ
วันนี้  หันกลับมา วิจารณ์ปชป.  น่ารับฟังไหม
ทำไม...วันนี้  ใครๆ ก็วิจารณ์ ใครๆ ก็อยากให้ปรับปรุง ....
คุณอภิสิทธิ์ แอนด์ เดอะแก็งค์  ...จะรับฟังไหม ... จะเชิดหน้า  แบบ
...ช่างมันฉันไม่แคร์...  และก็ตั้งหน้า ตั้งตา  จัดรายการ "สายล่อฟ้า"
และเดินหน้า   "ผ่าความจริง"  ต่อไป  เพราะอย่างน้อย  ก็ภูมิใจที่ยัง
รักษา "เมืองหลวง"  ไว้ได้  .... หวังเพียงแค่นี้  หรือ ....ดูไป..ก็เหมือน
ตัวช่วย ...จะอ่อนกำลังลงเรื่อย ๆ  จะเอายังไง  ...ต่อไปดี .....