ฉายา "ปูกรรเชียง" ที่มีผู้ตั้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหมือนกับสะท้อนอาการหนี อาการถอย อาการหลบ
หากพลิกหนังสือ พจนานุกรม ฉบับมติชน
กรรเชียง น.เครื่องพายเรือ รูปคล้ายแจว คล้องกับหลักที่กราบเรือแล้วเหนี่ยวไปข้างหลัง, ขาคู่สุดท้ายของ
ปูม้าหรือปูทะเล
ก.ใช้กรรเชียงทำให้เรือแล่นไป
ข.เรียกอาการหงายตัวว่ายน้ำ ทอดแขนไปเหนือศีรษะใช้มือพุ้ยน้ำว่า ตีกรรเชียง ใช้ว่ากระเชียง ก็มี
เพราะว่านิกเนมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ "ปู"
ไม่ว่าจะเป็นปูม้า ไม่ว่าจะเป็นปูทะเล ย่อมมีสายสัมพันธ์และย่อมมีขาคู่สุดท้ายเป็นองคาพยพสำคัญ
เด่นชัดยิ่งของการตีกรรเชียง เป็นอาการทอดแขนเหนือศีรษะใช้มือพุ้ยน้ำ
กระนั้น ประเด็นที่เสนอเข้ามาก็คือ อาการตีกรรเชียงของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นการตีกรรเชียง
ถอยหรือว่าเป็นการตีกรรเชียงรุก
ตรวจสอบได้จากการทำ มิใช่จาก "คำพูด"
อาจเป็นเพราะการปรากฏเงาร่างขึ้นในสนามเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้อย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
จึงนำไปสู่การเปรียบเทียบ
ไม่เพียงแต่เปรียบเทียบกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น หากยังเปรียบเทียบกับนักการเมืองและปรปักษ์
ทางการเมืองอื่นๆ ด้วย
เด่นชัดยิ่งว่า จุดเด่นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือ การพูด
เด่นชัดอีกเหมือนกันว่า จุดเด่นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ การพูดแต่น้อย พูดแต่พอสมควร
แม้จะถูกท้าทาย แต่ก็ไม่ตอบโต้
ยิ่งเมื่อได้ชัยชนะจากการเลือกตั้งและได้รับฉันทานุมัติจากพรรคร่วมรัฐบาลให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
ยิ่งนำไปสู่การเปรียบเทียบไม่เพียงแต่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หากยังโยงยาวไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ซึ่งเป็นพี่ชาย
ปรากฏว่าแทบไม่มีอะไรเหมือนกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งดีแต่พูด
ปรากฏว่า ด้านหนึ่ง ต่างจากพี่ชายตรงที่ไม่ยอมต่อปากต่อคำ ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง กลับสานต่อนโยบาย
เดิมของพรรคไทยรักไทยได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะการทำตามนโยบาย
การลงมือ "ทำ" คือบรรทัดฐานอันยอดเยี่ยม
หากการไม่ยอมต่อปากต่อคำอันปรากฏมาจากพรรคประชาธิปัตย์ อันมาจากปากช่างจำนรรจาของนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ เป็นเหมือนกันการถอย
ก็เป็นความจริง
กระนั้น อาการตีกรรเชียงของนายกรัฐมนตรี "ปู" ก็มิได้ดำเนินไปอย่างหนียะย่ายพ่ายจะแจตรงกันข้าม กลับเป็น
การตีกรรเชียงในลักษณะบุกไปข้างหน้า
บุกไปข้างหน้าด้วยการลงมือทำ
บุกไปข้างหน้าด้วยการนำเอา "นโยบาย" ที่เคยประกาศระหว่างการหาเสียงไปลงมือ "ปฏิบัติ" เหมือนกับที่
พรรคไทยรักไทยเคยทำหลังการเลือกตั้งเดือนมกราคม 2544
ยิ่งการทุ่มเงิน 2.2 ล้านล้านบาทยิ่งเป็นเรื่องอึกทึกครึกโครม
เพราะเป้าหมายของเงิน 2.2 ล้านล้านบาท คือการจัดวางโครงสร้างพื้นฐานด้วยการเน้นไปที่ระบบคมนาคม
การขนส่ง ซึ่งนับแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมาแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง การลงมือครั้งนี้จึงเป็นบาทก้าว
สำคัญยิ่งของประเทศไทยในรอบ 100 กว่าปี
เป็นการลงทุนภาครัฐที่มีส่วนอย่างสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
1 สร้างเงื่อนไขนำไปสู่การเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน 1 สร้างความมั่นใจให้กับกระบวนการลงทุน 1 สร้างปัจจัย
อันก่อให้เกิดการแข่งขัน
เหมือนกับ "พยัคฆ์เสียบปีก"
หากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แน่วแน่ต่อ "นโยบาย" เดินหน้า "ปฏิบัติ" อย่างมีสมาธิ
จากจุดตรงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการก่อโครงสร้างพื้นฐานให้กับประเทศ หากแต่ที่สำคัญเป็นอย่างมากคือการขยับ
ขับเคลื่อนให้เกิดเป็นมิติอันสะท้อนอนาคตของประเทศ
เป็นประเทศไทย "ใหม่" ที่พัฒนาและรุดหน้า
http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01col01220356§ionid=0116&selday=2013-03-22
ดูรายการทีวี ช่องไหน จำไม่ได้ .... วิเคราะห์ว่า นายกฯคนนี้ มาเพื่อลดความขัดแย้ง
เพราะไม่โต้ตอบ ...ทำแต่งาน รัฐบาลชุดนี้ เน้นทำงานตามนโยบายที่แถลงไว้ เพื่อให้
ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ส่วนเรื่องการเตรียมการ สำหรับนายกฯ ในอนาคต...หากมาจาก
สภา..ผ่านการโหวต ของส.ส. ถามว่า ผิดตรงไหน บทเรียนจาก อดีตนายกฯสมัคร...
และอดีตนายกฯสมชาย ทำให้ เพื่อไทย รู้ว่า อนาคตของ นายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่อง
ไม่แน่นอน...ไม่ได้ขึ้นกับการทำงาน ไม่ได้ขึ้นกับสภา ... ในทัศนะของปชช.ที่เลือก เพื่อไทย..
คิดว่าขึ้นกับ.... คนที่คุณก็รู้ว่า ... เป็นใคร ... ขอยก... สำนวน จากหนังสือ "แฮรี่ พอตเตอร์"
มาใช้หน่อย .... สะใจดี
.....ด่ามาร์ค ...อวยปู ...อีกแล้ว ... ไม่ได้บูชาแม้ว ...เพราะบทความเขาไม่ได้อ้างอิง...ค่ะ
ภาพลักษณ์ รัฐบาล รัฐบาล "ปู" ตีกรรเชียง เหมือนแพ้ แต่ชนะ ....วิเคราะห์ .... มติชนออนไลน์
หากพลิกหนังสือ พจนานุกรม ฉบับมติชน
กรรเชียง น.เครื่องพายเรือ รูปคล้ายแจว คล้องกับหลักที่กราบเรือแล้วเหนี่ยวไปข้างหลัง, ขาคู่สุดท้ายของ
ปูม้าหรือปูทะเล
ก.ใช้กรรเชียงทำให้เรือแล่นไป
ข.เรียกอาการหงายตัวว่ายน้ำ ทอดแขนไปเหนือศีรษะใช้มือพุ้ยน้ำว่า ตีกรรเชียง ใช้ว่ากระเชียง ก็มี
เพราะว่านิกเนมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ "ปู"
ไม่ว่าจะเป็นปูม้า ไม่ว่าจะเป็นปูทะเล ย่อมมีสายสัมพันธ์และย่อมมีขาคู่สุดท้ายเป็นองคาพยพสำคัญ
เด่นชัดยิ่งของการตีกรรเชียง เป็นอาการทอดแขนเหนือศีรษะใช้มือพุ้ยน้ำ
กระนั้น ประเด็นที่เสนอเข้ามาก็คือ อาการตีกรรเชียงของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นการตีกรรเชียง
ถอยหรือว่าเป็นการตีกรรเชียงรุก
ตรวจสอบได้จากการทำ มิใช่จาก "คำพูด"
อาจเป็นเพราะการปรากฏเงาร่างขึ้นในสนามเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้อย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
จึงนำไปสู่การเปรียบเทียบ
ไม่เพียงแต่เปรียบเทียบกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น หากยังเปรียบเทียบกับนักการเมืองและปรปักษ์
ทางการเมืองอื่นๆ ด้วย
เด่นชัดยิ่งว่า จุดเด่นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือ การพูด
เด่นชัดอีกเหมือนกันว่า จุดเด่นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ การพูดแต่น้อย พูดแต่พอสมควร
แม้จะถูกท้าทาย แต่ก็ไม่ตอบโต้
ยิ่งเมื่อได้ชัยชนะจากการเลือกตั้งและได้รับฉันทานุมัติจากพรรคร่วมรัฐบาลให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
ยิ่งนำไปสู่การเปรียบเทียบไม่เพียงแต่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หากยังโยงยาวไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ซึ่งเป็นพี่ชาย
ปรากฏว่าแทบไม่มีอะไรเหมือนกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งดีแต่พูด
ปรากฏว่า ด้านหนึ่ง ต่างจากพี่ชายตรงที่ไม่ยอมต่อปากต่อคำ ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง กลับสานต่อนโยบาย
เดิมของพรรคไทยรักไทยได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะการทำตามนโยบาย
การลงมือ "ทำ" คือบรรทัดฐานอันยอดเยี่ยม
หากการไม่ยอมต่อปากต่อคำอันปรากฏมาจากพรรคประชาธิปัตย์ อันมาจากปากช่างจำนรรจาของนายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ เป็นเหมือนกันการถอย
ก็เป็นความจริง
กระนั้น อาการตีกรรเชียงของนายกรัฐมนตรี "ปู" ก็มิได้ดำเนินไปอย่างหนียะย่ายพ่ายจะแจตรงกันข้าม กลับเป็น
การตีกรรเชียงในลักษณะบุกไปข้างหน้า
บุกไปข้างหน้าด้วยการลงมือทำ
บุกไปข้างหน้าด้วยการนำเอา "นโยบาย" ที่เคยประกาศระหว่างการหาเสียงไปลงมือ "ปฏิบัติ" เหมือนกับที่
พรรคไทยรักไทยเคยทำหลังการเลือกตั้งเดือนมกราคม 2544
ยิ่งการทุ่มเงิน 2.2 ล้านล้านบาทยิ่งเป็นเรื่องอึกทึกครึกโครม
เพราะเป้าหมายของเงิน 2.2 ล้านล้านบาท คือการจัดวางโครงสร้างพื้นฐานด้วยการเน้นไปที่ระบบคมนาคม
การขนส่ง ซึ่งนับแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมาแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง การลงมือครั้งนี้จึงเป็นบาทก้าว
สำคัญยิ่งของประเทศไทยในรอบ 100 กว่าปี
เป็นการลงทุนภาครัฐที่มีส่วนอย่างสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
1 สร้างเงื่อนไขนำไปสู่การเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน 1 สร้างความมั่นใจให้กับกระบวนการลงทุน 1 สร้างปัจจัย
อันก่อให้เกิดการแข่งขัน
เหมือนกับ "พยัคฆ์เสียบปีก"
หากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แน่วแน่ต่อ "นโยบาย" เดินหน้า "ปฏิบัติ" อย่างมีสมาธิ
จากจุดตรงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการก่อโครงสร้างพื้นฐานให้กับประเทศ หากแต่ที่สำคัญเป็นอย่างมากคือการขยับ
ขับเคลื่อนให้เกิดเป็นมิติอันสะท้อนอนาคตของประเทศ
เป็นประเทศไทย "ใหม่" ที่พัฒนาและรุดหน้า
http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01col01220356§ionid=0116&selday=2013-03-22
ดูรายการทีวี ช่องไหน จำไม่ได้ .... วิเคราะห์ว่า นายกฯคนนี้ มาเพื่อลดความขัดแย้ง
เพราะไม่โต้ตอบ ...ทำแต่งาน รัฐบาลชุดนี้ เน้นทำงานตามนโยบายที่แถลงไว้ เพื่อให้
ผลงานเป็นที่ประจักษ์ ส่วนเรื่องการเตรียมการ สำหรับนายกฯ ในอนาคต...หากมาจาก
สภา..ผ่านการโหวต ของส.ส. ถามว่า ผิดตรงไหน บทเรียนจาก อดีตนายกฯสมัคร...
และอดีตนายกฯสมชาย ทำให้ เพื่อไทย รู้ว่า อนาคตของ นายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่อง
ไม่แน่นอน...ไม่ได้ขึ้นกับการทำงาน ไม่ได้ขึ้นกับสภา ... ในทัศนะของปชช.ที่เลือก เพื่อไทย..
คิดว่าขึ้นกับ.... คนที่คุณก็รู้ว่า ... เป็นใคร ... ขอยก... สำนวน จากหนังสือ "แฮรี่ พอตเตอร์"
มาใช้หน่อย .... สะใจดี
.....ด่ามาร์ค ...อวยปู ...อีกแล้ว ... ไม่ได้บูชาแม้ว ...เพราะบทความเขาไม่ได้อ้างอิง...ค่ะ