"ปวีณา" พา 4 เยาวชนร้องผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 หลังผู้ปกครอง ร้องมูลนิธิฯ ถูก ตร.สภ.นครชัยศรี ซ้อมยัดข้อหาลักทรัพย์ร้านของชำ...
เมื่อวันที่ 21 มี.ค.56 ที่ สนง.ตร.ภ.7 อ.เมืองนครปฐม นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางมาพบ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พร้อมนำ ด.ช.แม้ว (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นายพลอย (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นายอาร์ม (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นายโก้ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ทั้ง 4 คน ชาว จ.นครปฐม ส่วนอีก 1 คน คือนายหม่ำ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ไม่ได้เดินทางมาด้วยเพราะถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำกลาง จ.นครปฐม รวมเป็น 5 คน ร้องเรียนขอให้ ผบช.สอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรี ซ้อมและใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตตามร่างกายและอวัยวะ จนได้รับบาดเจ็บตามๆ กัน ให้รับสารภาพในข้อหาลักทรัพย์และเขียนบันทึกให้รับสารภาพ ทำให้ต้องยอมเซ็นรับสารภาพเพราะกลัวถูกซ้อมหนัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ก.พ.56 เวลา 09.00 น.
โดยผู้ปกครองของเด็กทั้ง 5 คน ได้เข้าร้องเรียนต่อมูลนิธิ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก ตร. และลูกชายถูกซ้อมอย่างหนัก ซึ่งทุกคนไม่ได้ก่อเหตุดังกล่าว และปฏิเสธข้อกล่าวหาของ ตร.ใช้เงินประกันตัวออกมาคนละ 1 หมื่นบาท
ด.ช.แม้ว อายุ 14 ปี เผยว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ.56 เวลา 09.00 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่แต่งเครื่องแบบ มารู้ทีหลังว่าเป็นชุดสืบสวน ของ สภ.นครชัยศรี มาที่บ้านและจับกุมตัว โดยอ้างว่ามีคนมาแจ้งความว่าไปก่อเหตุยกพวกตีกันให้ไปสอบสวนที่ สภ.นครชัยศรี จากนั้นก็ไปจับกุมตัวเพื่อนอีก 5 คน ตามบ้านที่อยู่ เมื่อไปถึง สภ.นครชัยศรี ตร.ชุดดังกล่าวประมาณ 6-7 คน ได้นำตัวเข้าห้องสืบสอบสวน โดยเปลี่ยนข้อหาบอกว่าเข้าไปลักทรัพย์ในร้านของชำ หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งวัดหลวง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ในช่วงกลางคืน เอาทรัพย์สินในบ้านไปจำนวนมาก มีทั้งสร้อยทองหนัก 5 บาท พระเลี่ยมทอง กำไลทองฝังเพชร และเงินสดอีก 5 หมื่น จากบ้านขายของชำไป ซึ่ง ตร.มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด พวกตนที่ถูกจับมาก็งง เพราะไม่ได้ไปที่ร้านขายของชำนี้เลย แล้วมีภาพกล้องวงจรปิดได้อย่างไร พยายามบอก ตร.ว่าไม่ได้ไปเลย และขอดูกล้องวงจรปิดที่ ตร.ได้หลักฐานมา ตร.ก็ไม่เอาให้ดู แถมหาว่าพวกตนหัวหมอแข็งข้อ แล้วเริ่มซ้อมใช้เท้าเตะมือตบที่หน้า และยังใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า ช็อตตามตัวและอวัยวะจนทุกคนกลัวกันหมด
ด.ช.แม้ว ยังเผยอีกว่า มี ตร.คนหนึ่งบอกให้รับสารภาพไปก่อนแล้วไปปฏิเสธในชั้นศาลทีหลัง โดยบังคับให้เขียนบันทึกรับสารภาพว่าพวกตนที่ถูกจับมานี้ได้เข้าไปลักทรัพย์มาจริงในบ้านขายของชำ ด้วยความกลัว ตร.บังคับให้เขียนไปตามคำพูดของ ตร. พวกตนเลยจึงเขียนไปเพราะกลัวจะถูกซ้อมและไฟช็อตอีกเมื่อเขียนเสร็จ ตร.ก็นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านขายของชำ เมื่อไปถึงร้านก็เจอแต่เจ้าของเป็นหญิงสูงอายุคนหนึ่ง เห็น ตร.บอกจับคนร้ายได้แล้วเอามาทำแผน โดยให้ตนเองทำตามที่ ตร.บอกทั้งหมด จนเพื่อนที่อายุ 19 ปี ที่ถูกจับมาด้วยนั้นพยายามบ่ายเบี่ยงเพราะไม่รู้อะไรเลย และถูกซ้อมหนักกว่าเพื่อนโดยที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย
จากนั้นก็นำตัวส่งศาล พวกตนเองทั้ง 4 คน มีแม่มาเยี่ยมเลยเล่าให้ฟัง เมื่อไปถึงศาลจึงได้ยื่นขอประกันตัวต่อศาล ซึ่งศาลได้ให้ประกันตัวคนละ 1 หมื่นบาท ส่วนเพื่อนที่อายุ 19 ปี นั้นไม่มีเงินประกันเลยถูกส่งไปฝากขังยังเรือนจำ จ.นครปฐม หลังจากได้ประกันตัวไปแล้ว ก็ปรึกษากันว่าจะไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากใครดีเพราะถ้าร้องเรียนกับ ตร.กลัวว่าจะมีการเล่นพวกกัน จนกระทั่งมีเพื่อนบ้านแนะนำให้ไปร้องที่มูลนิธิปวีณาฯ จากนั้นก็มีการสอบปากคำและให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิออกมาสอบทั้งประวัติและพฤติกรรม จนมั่นใจว่าไม่ผิดจึงมาร้องขอความเป็นธรรม โดยนางปวีณา ได้พาเข้ามาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ ผบช.ภ.7 ด้วยตนเอง
หลังจากนั้น พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 ได้เรียกตัว พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย ผบก.ภ.จว.นครปฐม มารับเรื่องร้องเรียน เพราะถือเป็น ตร.ในพื้นที่ โดยเผยกับผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้รับเรื่องร้องเรียนไว้แล้ว และจะทำการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้ความเป็นธรรมให้กับทั้ง 2 ฝ่ายด้วย โดยจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากการสอบสวนของคณะกรรมการรายงานมาเป็นจริงตามที่ร้องเรียน ก็ถือว่า ตร.มีความผิด แต่จะถึงขั้นให้ออกหรือไม่นั้นต้องรอการสอบสวน ส่วนนางปวีณา เผยว่าสำหรับผู้ต้องหาเด็กทั้ง 4 คน นั้นขณะนี้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิ เพราะเท่าที่สอบสวนเด็กยังมีอาการหวาดผวา ยังกลัวว่าหากเอาเรื่องแล้วครอบครัวจะอยู่ไม่เป็นสุขอาจถูกระรานจาก ตร.ท้องที่ได้ จึงอยู่ในความดูแลของมูลนิธิไปพลางก่อน จนกว่าเรื่องจะเสร็จสิ้น นอกจากนี้ยังประสานไปยัง พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอให้ช่วยเหลือดูแลด้านการรักษาพยาบาล นายหม่ำ อายุ 19 ปี ที่อยู่ในเรือนจำ เพราะเท่าที่ไปเยี่ยมแล้วปรากฏว่ายังเจ็บสาหัสอยู่.
ถ้าเจอแบบนี้จะทำยังไง ซ้อมและยัดข้อหา "ปวีณา" พา 4 เยาวชนร้อง ถูก ตร.สภ.ซ้อยัดข้อหา
เมื่อวันที่ 21 มี.ค.56 ที่ สนง.ตร.ภ.7 อ.เมืองนครปฐม นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางมาพบ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พร้อมนำ ด.ช.แม้ว (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นายพลอย (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นายอาร์ม (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นายโก้ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ทั้ง 4 คน ชาว จ.นครปฐม ส่วนอีก 1 คน คือนายหม่ำ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ไม่ได้เดินทางมาด้วยเพราะถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำกลาง จ.นครปฐม รวมเป็น 5 คน ร้องเรียนขอให้ ผบช.สอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรี ซ้อมและใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าช็อตตามร่างกายและอวัยวะ จนได้รับบาดเจ็บตามๆ กัน ให้รับสารภาพในข้อหาลักทรัพย์และเขียนบันทึกให้รับสารภาพ ทำให้ต้องยอมเซ็นรับสารภาพเพราะกลัวถูกซ้อมหนัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ก.พ.56 เวลา 09.00 น.
โดยผู้ปกครองของเด็กทั้ง 5 คน ได้เข้าร้องเรียนต่อมูลนิธิ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก ตร. และลูกชายถูกซ้อมอย่างหนัก ซึ่งทุกคนไม่ได้ก่อเหตุดังกล่าว และปฏิเสธข้อกล่าวหาของ ตร.ใช้เงินประกันตัวออกมาคนละ 1 หมื่นบาท
ด.ช.แม้ว อายุ 14 ปี เผยว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ.56 เวลา 09.00 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่แต่งเครื่องแบบ มารู้ทีหลังว่าเป็นชุดสืบสวน ของ สภ.นครชัยศรี มาที่บ้านและจับกุมตัว โดยอ้างว่ามีคนมาแจ้งความว่าไปก่อเหตุยกพวกตีกันให้ไปสอบสวนที่ สภ.นครชัยศรี จากนั้นก็ไปจับกุมตัวเพื่อนอีก 5 คน ตามบ้านที่อยู่ เมื่อไปถึง สภ.นครชัยศรี ตร.ชุดดังกล่าวประมาณ 6-7 คน ได้นำตัวเข้าห้องสืบสอบสวน โดยเปลี่ยนข้อหาบอกว่าเข้าไปลักทรัพย์ในร้านของชำ หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งวัดหลวง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ในช่วงกลางคืน เอาทรัพย์สินในบ้านไปจำนวนมาก มีทั้งสร้อยทองหนัก 5 บาท พระเลี่ยมทอง กำไลทองฝังเพชร และเงินสดอีก 5 หมื่น จากบ้านขายของชำไป ซึ่ง ตร.มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด พวกตนที่ถูกจับมาก็งง เพราะไม่ได้ไปที่ร้านขายของชำนี้เลย แล้วมีภาพกล้องวงจรปิดได้อย่างไร พยายามบอก ตร.ว่าไม่ได้ไปเลย และขอดูกล้องวงจรปิดที่ ตร.ได้หลักฐานมา ตร.ก็ไม่เอาให้ดู แถมหาว่าพวกตนหัวหมอแข็งข้อ แล้วเริ่มซ้อมใช้เท้าเตะมือตบที่หน้า และยังใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า ช็อตตามตัวและอวัยวะจนทุกคนกลัวกันหมด
ด.ช.แม้ว ยังเผยอีกว่า มี ตร.คนหนึ่งบอกให้รับสารภาพไปก่อนแล้วไปปฏิเสธในชั้นศาลทีหลัง โดยบังคับให้เขียนบันทึกรับสารภาพว่าพวกตนที่ถูกจับมานี้ได้เข้าไปลักทรัพย์มาจริงในบ้านขายของชำ ด้วยความกลัว ตร.บังคับให้เขียนไปตามคำพูดของ ตร. พวกตนเลยจึงเขียนไปเพราะกลัวจะถูกซ้อมและไฟช็อตอีกเมื่อเขียนเสร็จ ตร.ก็นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านขายของชำ เมื่อไปถึงร้านก็เจอแต่เจ้าของเป็นหญิงสูงอายุคนหนึ่ง เห็น ตร.บอกจับคนร้ายได้แล้วเอามาทำแผน โดยให้ตนเองทำตามที่ ตร.บอกทั้งหมด จนเพื่อนที่อายุ 19 ปี ที่ถูกจับมาด้วยนั้นพยายามบ่ายเบี่ยงเพราะไม่รู้อะไรเลย และถูกซ้อมหนักกว่าเพื่อนโดยที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย
จากนั้นก็นำตัวส่งศาล พวกตนเองทั้ง 4 คน มีแม่มาเยี่ยมเลยเล่าให้ฟัง เมื่อไปถึงศาลจึงได้ยื่นขอประกันตัวต่อศาล ซึ่งศาลได้ให้ประกันตัวคนละ 1 หมื่นบาท ส่วนเพื่อนที่อายุ 19 ปี นั้นไม่มีเงินประกันเลยถูกส่งไปฝากขังยังเรือนจำ จ.นครปฐม หลังจากได้ประกันตัวไปแล้ว ก็ปรึกษากันว่าจะไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากใครดีเพราะถ้าร้องเรียนกับ ตร.กลัวว่าจะมีการเล่นพวกกัน จนกระทั่งมีเพื่อนบ้านแนะนำให้ไปร้องที่มูลนิธิปวีณาฯ จากนั้นก็มีการสอบปากคำและให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิออกมาสอบทั้งประวัติและพฤติกรรม จนมั่นใจว่าไม่ผิดจึงมาร้องขอความเป็นธรรม โดยนางปวีณา ได้พาเข้ามาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ ผบช.ภ.7 ด้วยตนเอง
หลังจากนั้น พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 ได้เรียกตัว พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย ผบก.ภ.จว.นครปฐม มารับเรื่องร้องเรียน เพราะถือเป็น ตร.ในพื้นที่ โดยเผยกับผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้รับเรื่องร้องเรียนไว้แล้ว และจะทำการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้ความเป็นธรรมให้กับทั้ง 2 ฝ่ายด้วย โดยจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากการสอบสวนของคณะกรรมการรายงานมาเป็นจริงตามที่ร้องเรียน ก็ถือว่า ตร.มีความผิด แต่จะถึงขั้นให้ออกหรือไม่นั้นต้องรอการสอบสวน ส่วนนางปวีณา เผยว่าสำหรับผู้ต้องหาเด็กทั้ง 4 คน นั้นขณะนี้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิ เพราะเท่าที่สอบสวนเด็กยังมีอาการหวาดผวา ยังกลัวว่าหากเอาเรื่องแล้วครอบครัวจะอยู่ไม่เป็นสุขอาจถูกระรานจาก ตร.ท้องที่ได้ จึงอยู่ในความดูแลของมูลนิธิไปพลางก่อน จนกว่าเรื่องจะเสร็จสิ้น นอกจากนี้ยังประสานไปยัง พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอให้ช่วยเหลือดูแลด้านการรักษาพยาบาล นายหม่ำ อายุ 19 ปี ที่อยู่ในเรือนจำ เพราะเท่าที่ไปเยี่ยมแล้วปรากฏว่ายังเจ็บสาหัสอยู่.