หลวงพ่อ .. ตอนที่ ๑
พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์นั้น ผู้คนต่างโจษขานมาช้านานแล้วถึงอิทธิปาฏิหาริย์อันเป็นที่เลื่องลือทั้งก่อนและหลังการขุดค้นพบ ไม่มีใครรู้ถึงที่มาของพระพุทธรูปองค์นี้ ว่าเป็นศิลปะในสมัยใดและใครเป็นผู้สร้าง
วันพุธขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ซึ่งตรงกับพุทธศักราช ๒๔๖๕ คือวันที่มีการขุดพระพุทธรูปตามคำบอกเล่าของหญิงสูงวัยผู้ที่คนในหมู่บ้านต่างก็รู้จักและนับถือ ว่าแกฝันเห็นชายชราในชุดขาวมาบอกให้ไปยังที่รกร้างแห่งหนึ่งซึ่งแกจำสถานที่นี้ได้เป็นอย่างดีว่าไม่ไกลจากบ้านแกนัก พอแกเดินตามมาถึง ชายชราคนนั้นก็ชี้ไปในพงหญ้าที่ขึ้นเป็นป่ารกชัฏ ทั้งเถาวัลย์กาฝากเลื้อยพันกันรกเรื้อไปหมด แกได้แต่มองด้วยความงุนงงสงสัย ก่อนที่ชายชราจะเดินหายลับเข้าไปในนั้น
แรกทีเดียวแกยังไม่คิดอะไร ด้วยว่าคงเป็นธรรมดาที่เมื่อคนเรากินอิ่มนอนหลับก็ย่อมจะฝันไปเป็นเรื่องเป็นราว แต่ที่มันเริ่มไม่ธรรมดาเพราะหลังจากคืนนั้น แกยังคงวนเวียนฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงชายชรานุ่งขาวห่มขาวคนเดิม นำแกไปที่เดิม ชี้ไปยังจุดเดิม และหายไปลับเข้าไปในนั้น ซึ่งทุกครั้งแกก็จะหยุดอยู่ตรงนั้นเช่นกัน
จนแกเก็บมาคิดว่า ชายชราคนนั้นต้องการจะบอกอะไรแกอย่างนั้นหรือ ความสงสัยมีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้แกพิสูจน์ด้วยตัวเอง สามวันหลังจากนั้น แกจึงเดินไปตามทิศทางที่แกฝันเห็น เส้นทางที่เดินผ่านในระยะแรกยังเป็นเพียงหญ้าสูงแค่เข่าของแก จนแกก้าวไปเรื่อยๆหญ้าก็ยิ่งสูงขึ้นทุกที ไม่ไหว แกยอมถอดใจหันหลังกลับไปทางเดิม ไว้พรุ่งนี้แกจะมาใหม่และต้องเตรียมมีดดายหญ้ามาด้วย
เช้าวันต่อมา ในมือของแกมีมีดเล่มยาวพร้อมแล้ว ถ้าใครไม่รู้มองไกลๆ อาจจะนึกว่า แกเตรียมจะไปฟันหัวใครที่ทำให้แกไม่สบอารมณ์ เมื่อออกจากบ้านมาก็สวนทางกับคนข้างบ้านที่รู้จักกัน
“อ้าว ยายเมี้ยน นั่นเอ็งเตรียมมีดเตรียมดาบจะไปไหนรึ”
แกหันไปมองยายปริกที่เดินถือตะกร้าเข้ามาทักทายในนั้นเต็มไปด้วยผักหญ้าซึ่งก็เก็บเอาจากข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นกระถิน ชะอม และสะเดา
“ว่าจะไปดายหญ้าตรงโน้นเสียหน่อย”
พูดพลางยกมีดด้ามยาวในมือชี้ไปยังที่หมาย ก่อนจะได้ยินเสียงตอบกลับมาอย่างเห็นขันของเพื่อนบ้าน
“ฮ้าย ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะอยากไปทำ นึกยังไงขึ้นมาล่ะเอ็ง”
แม้ยายปริกจะพูดออกมาแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจต้องการคำตอบจริงจังนัก เพราะรู้ดีว่าที่ที่ยายเมี้ยนชี้ไปมันก็เป็นที่ของยายเมี้ยนเอง เจ้าของที่จะไปทำอะไร ยังไง ตอนไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“งั้นก็ไปเถอะ สายมากเดี๋ยวแดดจะแรง ข้าไปล่ะนะ วันนี้เก็บผักมาได้แยะเชียว ว่าจะเอาไปจิ้มกินกับน้ำพริกปลาทู”
เพื่อนบ้านออกปากก่อนจะเดินแยกไปยังทิศตรงข้ามกับที่ยายเมี้ยนจะไป โดยไม่ได้เหลียวกลับมามองอีกเลย
>>>>>>
.. หลวงพ่อ ..
พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์นั้น ผู้คนต่างโจษขานมาช้านานแล้วถึงอิทธิปาฏิหาริย์อันเป็นที่เลื่องลือทั้งก่อนและหลังการขุดค้นพบ ไม่มีใครรู้ถึงที่มาของพระพุทธรูปองค์นี้ ว่าเป็นศิลปะในสมัยใดและใครเป็นผู้สร้าง
วันพุธขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ ซึ่งตรงกับพุทธศักราช ๒๔๖๕ คือวันที่มีการขุดพระพุทธรูปตามคำบอกเล่าของหญิงสูงวัยผู้ที่คนในหมู่บ้านต่างก็รู้จักและนับถือ ว่าแกฝันเห็นชายชราในชุดขาวมาบอกให้ไปยังที่รกร้างแห่งหนึ่งซึ่งแกจำสถานที่นี้ได้เป็นอย่างดีว่าไม่ไกลจากบ้านแกนัก พอแกเดินตามมาถึง ชายชราคนนั้นก็ชี้ไปในพงหญ้าที่ขึ้นเป็นป่ารกชัฏ ทั้งเถาวัลย์กาฝากเลื้อยพันกันรกเรื้อไปหมด แกได้แต่มองด้วยความงุนงงสงสัย ก่อนที่ชายชราจะเดินหายลับเข้าไปในนั้น
แรกทีเดียวแกยังไม่คิดอะไร ด้วยว่าคงเป็นธรรมดาที่เมื่อคนเรากินอิ่มนอนหลับก็ย่อมจะฝันไปเป็นเรื่องเป็นราว แต่ที่มันเริ่มไม่ธรรมดาเพราะหลังจากคืนนั้น แกยังคงวนเวียนฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงชายชรานุ่งขาวห่มขาวคนเดิม นำแกไปที่เดิม ชี้ไปยังจุดเดิม และหายไปลับเข้าไปในนั้น ซึ่งทุกครั้งแกก็จะหยุดอยู่ตรงนั้นเช่นกัน
จนแกเก็บมาคิดว่า ชายชราคนนั้นต้องการจะบอกอะไรแกอย่างนั้นหรือ ความสงสัยมีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้แกพิสูจน์ด้วยตัวเอง สามวันหลังจากนั้น แกจึงเดินไปตามทิศทางที่แกฝันเห็น เส้นทางที่เดินผ่านในระยะแรกยังเป็นเพียงหญ้าสูงแค่เข่าของแก จนแกก้าวไปเรื่อยๆหญ้าก็ยิ่งสูงขึ้นทุกที ไม่ไหว แกยอมถอดใจหันหลังกลับไปทางเดิม ไว้พรุ่งนี้แกจะมาใหม่และต้องเตรียมมีดดายหญ้ามาด้วย
เช้าวันต่อมา ในมือของแกมีมีดเล่มยาวพร้อมแล้ว ถ้าใครไม่รู้มองไกลๆ อาจจะนึกว่า แกเตรียมจะไปฟันหัวใครที่ทำให้แกไม่สบอารมณ์ เมื่อออกจากบ้านมาก็สวนทางกับคนข้างบ้านที่รู้จักกัน
“อ้าว ยายเมี้ยน นั่นเอ็งเตรียมมีดเตรียมดาบจะไปไหนรึ”
แกหันไปมองยายปริกที่เดินถือตะกร้าเข้ามาทักทายในนั้นเต็มไปด้วยผักหญ้าซึ่งก็เก็บเอาจากข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นกระถิน ชะอม และสะเดา
“ว่าจะไปดายหญ้าตรงโน้นเสียหน่อย”
พูดพลางยกมีดด้ามยาวในมือชี้ไปยังที่หมาย ก่อนจะได้ยินเสียงตอบกลับมาอย่างเห็นขันของเพื่อนบ้าน
“ฮ้าย ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะอยากไปทำ นึกยังไงขึ้นมาล่ะเอ็ง”
แม้ยายปริกจะพูดออกมาแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจต้องการคำตอบจริงจังนัก เพราะรู้ดีว่าที่ที่ยายเมี้ยนชี้ไปมันก็เป็นที่ของยายเมี้ยนเอง เจ้าของที่จะไปทำอะไร ยังไง ตอนไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“งั้นก็ไปเถอะ สายมากเดี๋ยวแดดจะแรง ข้าไปล่ะนะ วันนี้เก็บผักมาได้แยะเชียว ว่าจะเอาไปจิ้มกินกับน้ำพริกปลาทู”
เพื่อนบ้านออกปากก่อนจะเดินแยกไปยังทิศตรงข้ามกับที่ยายเมี้ยนจะไป โดยไม่ได้เหลียวกลับมามองอีกเลย
>>>>>>