TAXIในไทย ยังไม่สิ้นคนดี (ขอชมเชยจากหัวใจ)

กระทู้สนทนา
สยามยังไม่สิ้นคนดี!!!
ขอยกย่องในความดีของ "ลุงพงษ์" แท็กซี่น้ำใจงาม คืนของให้ผู้โดยสารที่ลืมของไว้ในรถ ทะเบียน ทพ7666 กทม. สีแดง

เมื่อวานซืน (วันที่18 มีนา) ผมกับแฟนได้นั่งแท็กซี่จากหน้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะไปซอยเสือใหญ่(รัชดา) พ้รอมกระเป๋าคอมพิวเตอร์ ข้างในมีคอมพิวเตอร์ Apple MacBook Pro และสมุดบันทึกหนึ่งเล่ม พอมาถึงซอยเสือใหญ่ผมก็ลงจากรถจากนั้นก็ไปทำธุระ ผ่านไปซัก 10นาที แฟนก็ทักขึ้นมาว่า"กระเป๋าโน๊ตบุ๊คอยู่ไหน?" เท่านั้นแหละครับ นึกขึ้นได้ทันทีว่าลืมไว้ในรถแท็กซี่ ด้วยความกระวนกระวายใจ ผมก็รีบเดินไปรอที่ที่ลงรถแท็กซี่มา เผื่อว่าลุงแกจะเห็นว่าผมลืมของ แล้วแวะเอามาให้ ผ่านไปได้ซัก 10นาที ก้อไม่มีวี่แววลุงแกเลย ผมก็เริ่มใจไม่ได้แล้ว โน๊ตบุ๊คหายยังซื้อใหม่ได้ แต่ข้อมูลที่อยู่ข้างในนี่นะสิ ข้อมูลของลูกค้าทั้งนั้น ถ้าหายขึ้นมาล่ะเป็นเรื่องแน่ หลังจากรอซักพัก ผมก็โทรแจ้ง จส.100 และศูนวิทยุชุมชน และอีกที่นึงแต่จำชื่อไม่ได้
ก็ได้แต่ฝากเรื่องเอาไว้ แต่ตอนนั้นไม่ได้หวังอะไรมาก เพราะผมเองก็จำรายละเอียดของรถแท็กซี่ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสี หรือป้ายทะเบียน แล้วตอนที่นั่งมาลุงแกก็ไม่ได้เปิดวิทยุฟังด้วย คืนนั้นทั้งคืนก็ได้แต่รอโทรศัพท์หวังว่าจะมีคนติดต่อมา แต่แล้วก็ไม่มีวี่แวว

จนวันรุ่งขึ้น ผมก็คิดว่าคงต้องตัดใจแล้วแหละ ป่านนี้แล้วยังไม่มีใครติดต่อกลับมา แสดงว่าคงไม่ได้คืนแล้ว จนถึงเวลาประมานบ่ายสามโมง ก้อมีลูกค้าคนนึงโทรมาหาผม

"คุณแบงค์ คุณแบงค์ลืมโน๊ตบุ้คไว้ในรถแท็กซี่รึป่าวครับ"
"ชะ..ใช่ครับพี่ พี่รู้ได้ไงครับ" ผมตอบกลับไปด้วยความตื่นเต้นบวกกับความงง
"อ๋อ...พอดีคนขับแท็กซี่เค้าโทรมาหาผม บอกว่าเจอเบอร์ผมอยู่ในสมุดบันทึก ก็เลยโทรมาหาผมดู เผื่อจะรู้จักเจ้าของ"

T_T น้ำตาจะไหล มันดีใจอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่ขอบคุณเค้า จากนั้นพี่เค้าก็ให้เบอร์ติดต่อกับ"ลุงพงษ์" คนขับแท็กซี่ พูดคุยกับลุงซักพัก แกก็บอกว่า "แกเพิ่งเห็นตอนที่ผู้โดยสารอีกคนขึ้นมา ลุงแกไม่รุ้จะทำยังไง จะโทรแจ้ง จส.100 ก็ไม่มีเบอร์ กลัวจะเป็นข่าว ก็เลยกลับบ้านมาให้หลานดูคอมให้เพราะแกดูไม่เป็น ส่วนแกก็เปิดสมุดบันทึกดูเผื่อจะมีเบอร์ติดต่อ หลานแกก็บอกว่าเครื่องนี้มันแพง พอแกรู้ว่าแพงเท่านั้นแหละ แกรีบหาทางคืนเจ้าของเลย จนมาเจอเบอร์ของลูกค้ารายนึงที่เขียนอยู่ในสมุดบันทึกของผม ก็เลยโทรไปแล้วก็ได้ติดต่อกับผมนี่แหละ"

ผมก็ถามว่าลุงอยู่ตรงไหนเด่วผมไปรับของคืนเอง แกบอกว่า"ลุงอยู่คลอง6 แต่เด่วลุงเอาไปให้เองก็ได้" ลุงแกยืนยันอย่างนั้น ผมก็เลยบอกให้แกกด miter มาเลยเด่วผมจ่ายค่ารถให้ แกก้อเออออ พอมาถึงแกก้อบอกว่า"ลุงดีใจ ได้เจอตัวเจ้าของซักที" ผมก็ลองถามลุงดูว่า "ทำไมลุงไม่เอาไปขายครับ" แกบอกว่า "ลุงถามหลานดูแล้วหลานมันบอกว่า ของมันแพง เครื่องหลายหมื่น ลุงกลัวเจ้าของเค้าจะเดือดร้อน ถึงลุงเอาไปลุงก็ได้แค่เงิน แต่ลุงไม่สบายใจ ลุงไม่เอาดีกว่า" จากนั้นผมก็ชำเรืองดูที่ miter ปรากฎว่าแกไม่ได้กด miter มา ผมก็ถามลุงว่า "อ้าว ลุงไม่ได้กด miter มาหรอครับ" แกก้อบอกว่า "โอ้ย ไม่ต้องกดหรอก ลุงเอาของมาให้ ไม่ได้มีผู้โดนสารนั่งมาด้วยซักหน่อย จะกดทำไม" จากนั้นผมก็ให้เงินแกเล็กๆน้อยเพื่อเป็นสินน้ำใจ ตอนแรกแกก็ไม่รับ จนผมต้องขยั้นขยอขอร้องให้แกรับไปเถอะ จนในที่สุดแกก็รับไป

จากเหตุการครั้งนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่า ในสังคมของเรายังมีคนดีๆอีกเยอะแยะ คนดีๆที่พร้อมจะช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่า และคนดีๆที่พร้อมจะไม่เอาเปรียบคนที่กำลังเดือดร้อน
อย่าง "ลุงพงษ์" แท็กซี่น้ำใจงาม รถแท็กซี่สีแดง ทะเบียน ทพ7666 กทม.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่