มนต้นไม้พาเที่ยวสมุย...อ่าวท้องตะเคียน

หลังจากหายหน้าไปนาน วันนี้มนต้นไม้กลับมาเจิมห้องบลูโฉมใหม่อีกครั้ง ส่วนจะพาไปเที่ยวที่ไหนนั้น ขอบอกเลยว่าเพี๊ยบ...

เริ่มจากที่นี่ก่อนเลยค่ะ อ่าวท้องตะเคียน เกาะสมุย หลังจากไมได้กลับไปหกปี อุ...แม่เจ้า มันเปลี่ยนไปมากจริงๆ โดยเฉพาะที่หาดเฉวงและละไม แต่ในขณะเดียวกัน ที่ๆที่มนต้นไม้จะพาไปนั้นยังคงเสน่ห์ไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่รู้สึกว่ามันเติบโตขึ้นมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง ถ้าจะเปรียบไปก็คงเหมือนเด็กผู้หญิงที่เป็นสาวเต้็มตัว พร้อมที่จะให้ผู้คนได้เชยชมเต็มที่แล้วค่ะ เดี๋ยวลงรูปเรียกน้ำย่อยกันก่อนเลยละกันหุๆ





มนต้นไม้ออกจากกรุงเทพตอนตีสาม นั่งหลับๆตื่นๆเป็นเพื่อนพ่อดอกมะลิมาจนฟ้าสางแถวๆ เพชรบุรีจึงได้แวะกินข้าวเช้ากันที่ปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน ก่อนจะตียาวลงใต้ โชคดีคนไม่เยอะมาถึงท่าเรือเฟอรี่ก็ได้ลงรอบนั้นเลย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะทันรอบบ่ายโมงพอดี (มัวเสียเวลาไปหาซื้อครีมกันแดดอยู่นั่นเอง เพราะกลัวว่าที่สมุยจะแพง )ตรงนี้ต้องคำนวนเวลากันดีๆนิดนึง เพราะถ้าพลาดไม่กี่นาที จะต้องรอเรือเที่ยวต่อไปทันที เรียกว่านั่งรอจนเบื่อกันไปเลย

ทางที่ดีติดหนังสือมาอ่านรอจะดีที่สุด แต่ถ้าพลาดแล้วไม่มีอะไรทำ หลังจากเอารถไปเข้าคิวรอแล้วก็ไปเตร่ๆหาอะไรกินในศูนย์อาหารก็ได้ค่ะ หลายปีก่อนเคยโดนแบบนี้ โชคดีปีนี้รถน้อยเพราเป็นวันธรรมดา เลยไม่ต้องรอนาน เพราะปกติแล้วจะต้องซื้อตั๋วจองคิวก่อนล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมงแต่มนต้นไม้มาถึงแบบว่าทันเวลาเฉียดฉิวพอดี โชคดีซ้ำซ้อนคือเรือยังไม่เต็ม ไอ้ที่กะว่าจะหาข้าวกินก่อนฆ่าเวลารอเรือ เลยเปลี่ยนเป็นคุ้ยขนมนมเนยที่เตรียมไปกินแทน

ทิก...ควรรีบไปจองคิวล่วงหน้า ข้าวปลาค่อยไปหากินบนเรือหรือแถวๆนั้นได้ค่ะ อย่าช้า...ยิ่งช่วงท่องเที่ยวคิวรถจะรอกันยาวมาก แปดชั่วโมงก็เคยมาแล้ว ดีที่ปล่อยให้คนขับรถตู้รอไปคนเดียว ส่วนมนต้นไม้สมัยยังเอาะและพ่อดอกมะลิรวมทั้งเพื่อนๆอีกแปดชีวิตชิงลงเรือข้ามไปก่อนเลย



เรือเฟอรี่ที่ให้บริการข้ามไปเกาะสมุยนั้นมีสองเจ้าค่ะ แล้วแต่ว่าจะเลือกใช้บริการที่ไหน ซึ่งก็คงต้องถามเจ้าบ้านเขาจะดีกว่า อย่างของมนต้นไม้ที่พักอยู่ที่หาดละไม เมื่อห้าปีก่อนเคยใช้บริการของซีทรานเฟอร์ี่ ไปขึ้นที่หน้าทอน ปรากฏว่าต้องขับรถแทบตาย กว่าจะที่ท้องตะเคียนรีสอร์ท มาปีนี้นายหัวเช เลยแนะนำให้มาใช้ราชาเฟอรี่ขึ้นที่ตลิ่งงามแทน ถ้ายังสงสัยก้มีลิงค์มาให้ลองเข้าไปดูนะคะ  http://www.rajaferryport.com/index.php?option=com_content&view=article&id=34&Itemid=24&lang=th







ระหว่างรอเอารถขึ้นเรือ ตอนที่ไปซื้อตั๋ว คนขายก็ถามว่า จะเอาแบบไหน ตีแบบไปกลับเลยหรือเปล่า มนต้นไม้ก็มองหน้าพ่อดอกมะลิแล้วมึนๆเล็กน้อย เพราะว่าเป็นบริการใหม่ เพื่อความสบายใจเลยถามแบบงกๆ เอ้ย แบบงง ว่า มีส่วนรถหรือเปล่าค่ะ  คนขายตอบทันควันเลยว่า ไม่มีครับ แป่ว...แล้วตรูจะซื้อไว้ก่อนทำแห้วรึ(นึกในใจนะคะ ไม่กล้าซ่าสืหรอกค่ะฮ่าๆๆ)

และเมื่อเห็นว่าไม่มีส่วนลดใดๆ คำถามที่ถามตามออกไปก็คือ แล้วต้องมารอคิวเหมือนเดิมหรือเปล่า ซึ่งได้คำตอบว่า ต้องมายื่นห้องตั๋วล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมงเหมือนเดิมครับ ฮ้วย...แล้วตรูจะเสียเงินซื้อก่อนทำไม่เนี่ย ไม่แตกต่างเลยนี่นา แถมดีไม่ดี เกิดเปลี่ยนใจค้างต่อ จะไม่สูญเงินเปล่าหรอกรึ สรุป...มนต้นไม้จึงตีขาเดียวค่ะ

ใช้เวลาชั่วโมงเศษๆ ก็ถึงท่าตลิงงาม ระหว่างที่อยู่บนเรือก็กว่าจะเอาหนังสือแปลที่ไปสอยมาจากงานมติชนมาอ่านสักหน่อย แต่พอได้ลมเย็นเป่าหัวไปสักสิบนาที มนต้นไม้ก็จรลี...จเรๆ แปลว่า ตะเวณเยื้องกรายสอดส่ายสายตาไปหาที่ซุกหัวนอนในบัดดล แล้วไม่ได้นอนธรรมดานะคะ แบบว่านอนยาวเอาขาพาดสองเก้าอี้ทีเดียวเชียว หุๆ สวมรอยหมวยจากเมืองจีนที่มาเที่ยวเสียเลยฮ่าๆ

กินกรรมยามอยู่บนเรือค่ะ เล่นหมากรุกฝรั่งถ่ายรูป อ่านหนังสือไปตามประสา ทว่า...มนต้นไม้ แหะๆ นอนยาว...จนเรือเทียบท่าเรือทีเดียว ก็แหมๆ เล่นปลุกนาฬิกาตั้งแต่ตีสาม ไอ้เราก็เพิ่งจะเข้านอนตอนเที่ยงคืนนี่เอง หุๆ

หนังสือที่หอบมา แล้วก็ต้องหอบกลับไป หุๆ



ขึ้นจากเรือ ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสามโมง แต่นี่ถือว่าเร็วที่สุดแล้วนะคะ ทุกทีมาเกือบหกโมง เอาล่ะที่นี่เดี๋ยวพาไปดูที่พักกัน...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่