ช่วยด้วย! หนูไม่ได้เป็นโรค "กลัวอ้วน" ใช่ไหมคะ?

สวัสดีค่ะ
ตอนนี้อายุ 19 ค่ะ สูงประมาณ 158-159 พยามยามลดน้ำหนักมาตลอด จาก 56 เหลือ 47 แล้วค่ะ

ช่วงนี้เรารู้สึกตัวเองจะจิตตกเกี่ยวกับเรื่องลดน้ำหนักมากๆ แต่ไม่คิดว่าตัวเองผิดปกติอะไร จนไปอ่านเจกระทู้หนึ่ง
ว่ามันมีโรคที่เก่่ยวกับการกลัวอ้วนด้วย เราลองอ่านๆดูมันก็มีตรงกับเราบ้างจนน่าใจหาย

- เมื่อก่อนเรามีความคิดว่า ให้น้ำหนักลดลงเหลือ. 50 ก็พอ แต่พอลดเหลือเท่านั้นจริงๆเราก็ไม่พอใจค่ะ. อยากลดเหลือสัก 45 แต่ตอนนี้พอ
น้ำหนักใกล้จะ 45 แล้วกลับอยากผอมให้ได้อีกสัก 43 คือแบบไม่พอใจน้ำหนักตัวเองเลย

- เมื่อก่อนเป็นคนอวบๆอ้วนๆหน่อยค่ะ น้ำหนักที่หนักสุด 66 ตอนนี้ 47 แล้ว เลยกลัวไม่อยากกลับไปอ้วนอีก กลัวแบบกลัวมากๆจริงๆ
เคยคิดเลยว่าอยากล้วงคอ แตืก็ไม่กล้าทำสักที เพราะยังกลัวเจ็บ กลัวตาย กลัวผลกระทบค่ะ

- เรากลายเป็นคนขี้หนาวมาก จากเมื่อก่อนชอบความหนาว คือแบบต้องปิดแอร์ แล้วห่มผ้าห่ม ขนาดแฟนเหงื่อออกบ่นว่าร้อน เราก็ยังหนาว
ตอนอาบน้ำก็อาบน้ำร้อนมากๆจนควันขึ้น

- เรื่องการกิน เราไม่ถึงขนาดอด ยังกินเหมือนคนปกติ แค่จะวิตกกับจำนวนแคลอรี่ในอาหารมาก อันไหนแคลเยอะจะไม่กินเลย
ทั้งๆที่อยากกินสุดๆ แล้วจะบ่นกับแฟนว่า ไม่กินหรอกเดี๋ยวอ้วนๆๆ

- บางทีตอนเย็นเราหิว.เลยเผลอใจกินแอปเปิ้ล หนึ่งลูกกับขนมปังโฮสวีต พอกินไปแล้วจะรู้สึกผิดมากๆๆ แล้วจะบ่นกับแฟนว่าไม่น่ากินไปเลย อยากเอามันออก
แต่แฟนเราก็จะบอกว่ากินไม่เยอะหรอก น้ำหนักไม่ขึ้นภายในวันเดียวหรอก แต่เราก็ดครียดมากๆ จนถึงขนาดคอยสังเกตุแขนทุกวันว่ามันใหญ่ขึ้นไหม
พอกินข้าวมื้อไหนเสร็จก็จะมงแขนหรือท้องตัวเองว่าใหญ่ขึืนไหม วันๆนึงมองหลายรอบมาก จนแฟนทัก

- ทุกวัน เราจะชอบจับกระดูกซี่โครงตัวเองว่ามันโผล่ขึ้นมาเยอะไหม ถ้ายิ่งมีซี่โครงยื่นออกมาเยอะๆจะยิ่งฟินมาก (ตอนนี้กระดูกซี่โครงเราเห็นชัดมากๆ)
หรือถ้าเห็นกระดูก/เส้นเลือดปูดๆออกมาจากเนื้อ เหมือนคนผอมแห้งจะชอบมาก

- แฟนบอกเสมอว่าเราผอมแล้ว แต่เราก็ยังไม่พอ เราต้องผอมกว่าผู้หญิงคนอื่นที่ร่างเล็กๆ ทั้งๆที่้ราเป็นคนเตี้ยและกระดูกใหญ่ มันไม่สามารถจะผอมแบบคนตัวสูงกระดูกเลฺกได้

- เราออกกำลังกาย ไม่แน่ใจว่าหนักไหม วิ่ง 6 วัน วันละ 7 โล วันไหนไม่ได้ออกจะจิตตก ไม่ใช่เสพติดการออกกำลังกายนะคะ แต่กลัวว่าถ้าไม่ออกกำลังกายวันนี้ร่างกายจะอ้วนขึ้น แล้วมันจะวกไปสังเกตุ ข้อมือ แขน กระดูกซี่โครงว่าเล็กเหมือนเดิมไหม ยังมีอยู่ไหม

ขอโทษที่พิมพ์มายาวนะคะ เราอยากรู้จริงๆว่าตัวเองเป็นโรคกลัวอ้วนไหม เพราะเรามีอาการดังข้างต้น แต่ร่างกายเราก็แข็งแรงดี ไม่ได้ประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา
อาหารก็กินปกติแบบที่คนลดน้ำหนักกินกัน ไ่ม่มากไม่น้อยเกินไป สามมื้อไม่ได้อด แต่ก็ยังมีความวิตกกังวลทุกวันจนแฟนเหนื่อยใจ

ขอบคุณมากๆค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
เป็นห่วงนะ เอางี้พี่ว่าน้องรู้ตัวล่ะว่าอะไรเป็นอะไร ยิ้ม ดีแล้วที่ยอมรับความจริงและอยากหาทางป้องกันไม่ให้ลุกลาม
สิ่งเดียวที่ทำให้หายจากอาการนี้คือกำลังใจค่ะ ทั้งจากตัวเองและคนรอบข้าง
จากประสบการณ์ตรง 10 กว่าปี และยังเป็นอยู่ ต้องกัดฟันสู้กับความคิดด้านลบมาตลอด หมอที่ไหนก็ช่วยไม่ได้จริงๆค่ะ
ของน้องยังแค่เริ่มต้นนะ รีบจัดการดักทางไว้ลูก

หากิจกรรมอย่างอื่นทำ อะไรก็ได้ที่หนูทำแล้วสนุก ทำแล้วเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง
ออกไปบำเพ็ญประโยชน์ ไปทำบุญกับเด็กกำพร้า เรียนภาษาเพิ่มเติม ไปเที่ยวทะเลพักผ่อน เปิดหูเปิดตา ไปเห็นคนอื่นที่เค้าใช้ชีวิตกินดื่มเพลิดเพลินปกติ
เราก็มีชีวิตแบบนั้นได้ เราสวย หุ่นดี มีสมอง และมีความสุขได้แม้ว่ายังกินขนม กินอาหารเหมือนคนทั่วไป 3  มื้อ  ออกกำลังกายบ้างตามสมควรไม่ใช่หักโหม
ในช่วงที่จิตใจยังแกว่งอยู่แบบนี้. ให้บอกลาตาชั่ง สายวัด กระจกบานใหญ่ๆไปสักพักก่อนเลยค่ะ
รวมถึงนิตยสารที่มีรูปนางแบบผอมเว่อร์ หน้าท้องแบนราบเรียบ เอวคอด แขนเรียว ดูเพอร์เฟคเกินไป เลิกดูเลิกสนใจไปก่อนค่ะ
โฟโต้ชอปทั้งนั้นแหละลูกเอ้ย

ลองเขียนข้อดีของตัวเองออกมาสักสามข้อนะคะ แล้วหัดชื่นชม หัดภูมิใจตัวเองในด้านเหล่านั้นค่ะ หรือให้คนรอบข้างเราบอกก็ได้ค่ะ
เช่น หนูเป็นคนฉลาดเรียนเก่ง. หนูร้องเพลงเพราะ. หนูกตัญญู หนูชอบแบ่งปัน ชอบช่วยเหลือคนอื่น
คุณสมบัติพิเศษเหล่านี้จะอยู่กับหนูตลอดไป  ไม่สำคัญเลยว่าจะอ้วนขึ้นผอมลงสิวเห่อแก่เหี่ยว เพราะเนื้อแท้ของหนูยังคงสวยงามเสมอ

เปลี่ยนมุมมองใหม่นะคะ พี่รู้มันยาก แต่เราทำได้ค่ะ
หุ่นดีคือหุ่นที่ ฟิตแอนด์เฟิร์ม ไม่ใช่ผอมจนซี่โครงบาน โครงสร้างร่างกายของแต่ละคนต่างกัน ต้องยอมรับค่ะ
พี่ขอเตือนว่า การอด การจำกัดอาหาร ทำให้ระบบเผาผลาญของเราต่ำลง ในอนาคตหนูจะลำบาก
เช่นเดียวกับการออกกำลังกายหักโหม หนูจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่เป็นเตาเผาพลังงาน
ตัวพี่เอง กว่าจะกู้คืนระบบเผาผลาญและสร้างกล้ามเนื้อคืนมาได้ ก็ใช้เวลาหลายปีค่ะ และยังไม่ดีตามที่ควรจะเป็นด้วย

ตั้งสติรู้เท่าทันความคิดของตัวเองให้ได้ลูก
พอความคิดด้านลบมันเสนอหน้า เราต้องรีบดันด้านบวกออกมาข่ม    ถ้าทำเองคนเดียวไม่รอดก็ต้องเรียกกำลังเสริม
กำลังเสริมของพี่คือคุณแม่ น้องสาว และแฟนพี่ค่ะ ต้องขอบคุณที่ทุกคนเข้าใจ ไม่ซ้ำเติม อดทนและให้โอกาสพี่เสมอ
แฟนน้องเป็นคนน่ารักนิสัยดีเห็นอกเห็นใจคนอื่นไม๊คะ ถ้าใช่ก็เล่าให้เค้าฟังค่ะ บอกไปว่าสถานการณ์ตอนนี้เราต้องการความมั่นใจเป็นพิเศษ
ช่วยย้ำกับเราทีว่าเราโอเคแล้ว สวยเป๊ะที่สุดแล้ว ช่วยบอกทีว่าไม่ต้องกดดันตัวเองน้า. อยากกินอะไรก็กินเถอะ เดี๋ยวกินเป็นเพื่อน ว่างๆเราก็ไปวิ่งเล่นด้วยกัน
ถ้าเกิดผอมเกินไป พอเราแต่งงานกันแล้วจะเอานมไหนให้ลูกกินล่ะ 555 ประมาณนี้ค่ะหนู

มีอะไรหลังไมค์คุยกับพี่ได้นะจ๊ะ be strong จ้าน้องสาว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่