วันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา เราได้ไปยื่นวีซ่าเยี่ยมสวิสแบบสปอนเซอร์ตัวเองมาแล้วที่ TLS อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ เพื่อน ๆ ในห้องนี้ฟังนะคะเผื่อมีประโยชน์กับคนที่จะไปยื่นต่อไปได้บ้างนะคะ หลังจากที่เราได้ลงทะเบียนกับเวปของ TLS เพื่อเลือก และนัดหมายเวลาในการยื่นวีซ่า เราลงเมื่อวันพฤหัสที่ 14 มีนาคม 2556 ได้คิวยื่นวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2556 เวลา 10.30 น. โอเคต่อไปก็เตรียมเอกสารให้ดีที่สุดในชีวิต 555++ เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเครียด คร่ำเคร่งมากในการตรวจทานเอกสารพร้อมเซ็นต์ชื่อกำกับทุกฉบับ เอกสารที่เราเตรียมไปค่อข้างเยอะเตรียมมากกว่าที่สถานฑูตกำหนดมาซะอีก แบบเว่อร์ ๆๆ สุด ๆ 555++ เยอะไว้ก่อนดีกว่าให้มันขาด เอกสารที่เราเตรียมดังนี้
1. Visa application form กรอกให้เรียบร้อย
2. รูปถ่ายขนาด 3.5 * 4 ซม. 3 ใบ
3. Passport ตัวจริง กับ copy
4. ประกันการเดินทาง
5. ใบจองตั๋วเครื่องบิน ยังไม่ต้องจ่ายเงินจนกว่าจะได้วีซ่า
6. หนังสือรับรองการทำงาน
7. จดหมายเชิญจากผู้เชิญเรา
8. Copy passport ของผู้เชิญ พร้อมหน้า passport ของผู้เชิญที่เคยมาเที่ยวเมืองไทย
9. รูปถ่ายคู่กันแสดงว่ารู้จักกันจริง เคยเจอกัน
10. Book bank statement ย้อนหลังหกเดือน ว่ามีเงินเข้าออกจากเงินเดือนจริง ๆ เรายื่น book bank ไปทั้งหมด 3 bank ด้วยกัน โดยมีบัญชีรับเงินเดือน 1 ที่ และอีกสองที่เป็นเงินเก็บที่มีอยู่ติดบัญชี รวมยอดเงินทั้งหมดก็เกือบสามแสนบาท
11. เราให้ทาง bank standard charter ออกหนังสือการันตีเงินในแบ็วค์อย่างเป็นทางการให้ด้วย (เสริมความน่าเชื่อถือ)
12. สำเนาสลิปเงินเดือนหกเดือนพร้อม สลิปเงินเดือนตัวจริง แต่เค้าคืนตัวจริงให้เรา
13. ใบเสียภาษี ภงด.91
14. สำเนาบัตรเครดิต เรามีบัตรเครดิต 3 ใบ โชว์หมดเลย copy ให้เค้าไป
15. สำเนาการซื้อพันธบัตรรัฐบาล เราซื้อไว้ 300,000 บาท ก็โชว์เค้าไปว่าชั้นก็ยังมีตังค์นอกเหนือจากในบัญชีอีกนะอย่ามาดูถูกกัน อิอิ อ่ะล้อเล่น
16. ใบปริญญาบัตรแสดงให้รู้ว่าชั้นมีการศึกษาไม่มีวันจะไปทำอาชัพอย่างว่า หรืออยู่เกินวีซ่าแน่นอน (อันนี้มีคนแนะนำมาค่ะว่าให้ยื่นไป)
17. จดหมายปะหน้าแนะนำตัวเอง ว่าทำงานอะไรจะไปทำไม แล้วจะกลับเมื่อไหร่อธิบายปะหน้าไป
เอาล่ะถึงวันนัดหมายก่อนเลย เราไปถึง TLS ตึกสาทรซิตี้ โชคดีที่อยู่ใกล้ที่ทำงานเรา อยู่ตรงข้ามตึกเราเลย เราพอดีทำงานอยู่ตึก Empire เข้าทางโจรเลย เราไปตั้งแต่สิบโมงเช้ามาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง มีคนเต็มเลย สงสัยคงยื่นวีเที่ยวช่วงสงกรานต์กัน เรารอจนสิบโมงครึ่งเค้าก้เรียกคนที่นัดหมายเวลานี้ให้เข้าแถวเพื่อลงทะเบียนด้านหน้า พอเสร็จเจ้าหน้าที่ให้เราเข้าไปด้านในไปรอเรียกชื่อ มันจะขึ้นที่บอร์ดว่าเรียกใคร เค้าร์เตอรที่เท่าไหร่ ของเราได้เคาร์เตอร์ที่ 3 น้องพนักงานพูดจาดีน่ารักมากเลย ตรวจเอกสารให้เรา แถมบอกว่าเพื่อจะยื่นหมดเลยเหรอ เราก็บอกว่าหมดแร่ะค่ะ อิอิ เค้าก็โอเค แล้วคราวนี้แร่ะเราไม่รู้มาก่อนเลยว่าต้อวสัมภาษณ์ผ่าน Ipad ในวันนี้เลย คือเราคิดว่าแค่ยื่นเอกสารอย่างเดียวแล้วนัดสัมภาษณ์ทีหลัง เอาวะคิดในใจ ณ ต้อนนั้นตื่นเต้นสุด ๆ น้องพนักงานพาเราไปเคาเตอร์ที่ 1 เพื่อต่อสัญญาณเวปแคมกับทางเจ้าหน้าที่สถานฑูตเพื่อสัมภาษณ์เรา เวลาถูกเชือดมาแระ
เจ้าหน้าที่หน้าตาเคร่งขรึมนั่งอยู่หน้าจอให้เราโชร์หน้า passport เป็นอันดับแรกเลย ว่าเป็นพาสปอร์ตเราจริงจากนั้นก้เริ่มคำถามแรก
· ไปทำไม เยี่ยมใคร เราตอบเยี่ยมเพื่อน เพราะเรากะแฟนเพิ่งคบกันไม่ถึงปียังไม่อยากบอกว่าเป็นแฟนได้เต็มปากอ่ะคร้า
· เพื่อนชายชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร พักที่ไหน สะกดชื่อบริษัทเค้าซิ อธิบายหน้าที่การงานเค้าว่าทำอย่างไร โหพระเจ้าจอร์ชนี้ชั้นเป็นนักโทษรึเปล่าวะเนี่ยะ อันนี้คิดในใจยิ้มสู้
· เจอกันอย่างไร เค้าเคยมาเมืองไทยกี่ครั้ง เดือนไหน ปีไหน กี่วัน ดูดิสุด ๆ เรางี้ตอบปากสั่นเลยอ่ะ
· ไปกี่วัน เราไปสองอาทิตย์เพราะลางานได้แค่นี้
· เจอกันอย่างไร
· พ่อแม่เค้าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ เคยเจอกันมั๊ย โหเราไม่เคยเจอนิก็บอกไปตรง ๆ
· มีพี่น้องกี่คน อายุเท่าไหร่บ้าง ทำงานอะไร
· ในพาสปอร์ตเราเคยไปมาหลายประเทศเค้าก็ถามอีกว่าเคยไปต่างประเทศมั๊ย เราก็ตอบไปว่าเคย ถามอีกที่ไหนบ้าง เราก็ร่ายยาว ฮ่องกง มาเลเซีบ สิงค์โปร์ เกาหลี อังกฤษ
· ถามต่ออีกไปทำไม เราก็ตอบไปเที่ยวบ้าง ประชุมบ้าง ถามรายละเอียดอีกว่าเราทำงานบริษัทอะไร ทำมากี่ปี ตำแหน่งอะไร
· แล้วถามอีกที่เคยไปอังกฤษไปทำอะไร เราบอกตรง ๆ ว่าไปเยี่ยมแฟน (เราเคยมีแฟนเป็นคนอังกฤษค่ะ) เค้าก็ถามเกี่ยวกับแฟนเก่าอีกว่าชื่ออะไร คบกันกี่ปี ทำไมเลิก โหอะไรกันเนี่ยะ
· แล้วถามเราว่าใช้ภาษาอะไรในการสื่อสาร เราบอกภาษาอังกฤษเท่านั้นแร่ะ ชีถามรัวแบบไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยคำถาม เดิม ๆ แต่เป็นภาษาอังกฤษวกไปวนมาให้เราสับสนและกดดันสุด ๆ พยายามที่จะให้เราพูดให้ได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นแฟนเรา แต่เราไม่หลงกล He is only my good friend frist 555++ เราหัวเราะ เจ้าหน้าที่มีรอยยิ้มให้เรานิดนึง โอ้ววว ค่อยสบายใจหน่อย
· หลังจากนั้นก็ถามวกไปวนมาอีกสองสามรอบจนจบ ใครไม่เป็นเรา ณ เวลานั้น ไม่รู้หรอกว่ามันกดดันและตื่นเต้นแค่ไหน เราตอบปากสั่นเลยอ่ะ ประหม่าสุด ๆ ผลจะออกมาเป็นยังไงต้องรอลุ้นนะคะ เราก้หวังจะได้วีซ่า แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เราเลือกแบบไปรับเล่มคืนด้วยตัวเอง เพราะอยู่ใกล้ที่ทำงานเดินไปได้
หลังจากนั้นเราก็เสร็จไปชำระเงินที่เคาเตอร์ ค่า visa fees 2500 ค่าธรรมเนียมการสัมภาษณ์ 990 บาท รวม 3490 บาท แล้วเราก้เดินกลับออฟฟิศเราด้วยความสบายใจ ผลเป็นอย่างไรเราจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีนะคะ เอาใจช่วยเราด้วยนะคะ
*พิมพ์ข้อความได้ไม่เกิน 10000 ตัวอักษร (4840/10000)
แก้ไขวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา เราได้ไปยื่นวีซ่าเยี่ยมสวิสแบบสปอนเซอร์ตัวเองมาแล้วที่ TLS อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ เพื่อน ๆ ในห้องนี้ฟังนะคะเผื่อมีประโยชน์กับคนที่จะไปยื่นต่อไปได้บ้างนะคะ หลังจากที่เราได้ลงทะเบียนกับเวปของ TLS เพื่อเลือก และนัดหมายเวลาในการยื่นวีซ่า เราลงเมื่อวันพฤหัสที่ 14 มีนาคม 2556 ได้คิวยื่นวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2556 เวลา 10.30 น. โอเคต่อไปก็เตรียมเอกสารให้ดีที่สุดในชีวิต 555++ เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเครียด คร่ำเคร่งมากในการตรวจทานเอกสารพร้อมเซ็นต์ชื่อกำกับทุกฉบับ เอกสารที่เราเตรียมไปค่อข้างเยอะเตรียมมากกว่าที่สถานฑูตกำหนดมาซะอีก แบบเว่อร์ ๆๆ สุด ๆ 555++ เยอะไว้ก่อนดีกว่าให้มันขาด เอกสารที่เราเตรียมดังนี้
1. Visa application form กรอกให้เรียบร้อย
2. รูปถ่ายขนาด 3.5 * 4 ซม. 3 ใบ
3. Passport ตัวจริง กับ copy
4. ประกันการเดินทาง
5. ใบจองตั๋วเครื่องบิน ยังไม่ต้องจ่ายเงินจนกว่าจะได้วีซ่า
6. หนังสือรับรองการทำงาน
7. จดหมายเชิญจากผู้เชิญเรา
8. Copy passport ของผู้เชิญ พร้อมหน้า passport ของผู้เชิญที่เคยมาเที่ยวเมืองไทย
9. รูปถ่ายคู่กันแสดงว่ารู้จักกันจริง เคยเจอกัน
10. Book bank statement ย้อนหลังหกเดือน ว่ามีเงินเข้าออกจากเงินเดือนจริง ๆ เรายื่น book bank ไปทั้งหมด 3 bank ด้วยกัน โดยมีบัญชีรับเงินเดือน 1 ที่ และอีกสองที่เป็นเงินเก็บที่มีอยู่ติดบัญชี รวมยอดเงินทั้งหมดก็เกือบสามแสนบาท
11. เราให้ทาง bank standard charter ออกหนังสือการันตีเงินในแบ็วค์อย่างเป็นทางการให้ด้วย (เสริมความน่าเชื่อถือ)
12. สำเนาสลิปเงินเดือนหกเดือนพร้อม สลิปเงินเดือนตัวจริง แต่เค้าคืนตัวจริงให้เรา
13. ใบเสียภาษี ภงด.91
14. สำเนาบัตรเครดิต เรามีบัตรเครดิต 3 ใบ โชว์หมดเลย copy ให้เค้าไป
15. สำเนาการซื้อพันธบัตรรัฐบาล เราซื้อไว้ 300,000 บาท ก็โชว์เค้าไปว่าชั้นก็ยังมีตังค์นอกเหนือจากในบัญชีอีกนะอย่ามาดูถูกกัน อิอิ อ่ะล้อเล่น
16. ใบปริญญาบัตรแสดงให้รู้ว่าชั้นมีการศึกษาไม่มีวันจะไปทำอาชัพอย่างว่า หรืออยู่เกินวีซ่าแน่นอน (อันนี้มีคนแนะนำมาค่ะว่าให้ยื่นไป)
17. จดหมายปะหน้าแนะนำตัวเอง ว่าทำงานอะไรจะไปทำไม แล้วจะกลับเมื่อไหร่อธิบายปะหน้าไป
เอาล่ะถึงวันนัดหมายก่อนเลย เราไปถึง TLS ตึกสาทรซิตี้ โชคดีที่อยู่ใกล้ที่ทำงานเรา อยู่ตรงข้ามตึกเราเลย เราพอดีทำงานอยู่ตึก Empire เข้าทางโจรเลย เราไปตั้งแต่สิบโมงเช้ามาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง มีคนเต็มเลย สงสัยคงยื่นวีเที่ยวช่วงสงกรานต์กัน เรารอจนสิบโมงครึ่งเค้าก้เรียกคนที่นัดหมายเวลานี้ให้เข้าแถวเพื่อลงทะเบียนด้านหน้า พอเสร็จเจ้าหน้าที่ให้เราเข้าไปด้านในไปรอเรียกชื่อ มันจะขึ้นที่บอร์ดว่าเรียกใคร เค้าร์เตอรที่เท่าไหร่ ของเราได้เคาร์เตอร์ที่ 3 น้องพนักงานพูดจาดีน่ารักมากเลย ตรวจเอกสารให้เรา แถมบอกว่าเพื่อจะยื่นหมดเลยเหรอ เราก็บอกว่าหมดแร่ะค่ะ อิอิ เค้าก็โอเค แล้วคราวนี้แร่ะเราไม่รู้มาก่อนเลยว่าต้อวสัมภาษณ์ผ่าน Ipad ในวันนี้เลย คือเราคิดว่าแค่ยื่นเอกสารอย่างเดียวแล้วนัดสัมภาษณ์ทีหลัง เอาวะคิดในใจ ณ ต้อนนั้นตื่นเต้นสุด ๆ น้องพนักงานพาเราไปเคาเตอร์ที่ 1 เพื่อต่อสัญญาณเวปแคมกับทางเจ้าหน้าที่สถานฑูตเพื่อสัมภาษณ์เรา เวลาถูกเชือดมาแระ
เจ้าหน้าที่หน้าตาเคร่งขรึมนั่งอยู่หน้าจอให้เราโชร์หน้า passport เป็นอันดับแรกเลย ว่าเป็นพาสปอร์ตเราจริงจากนั้นก้เริ่มคำถามแรก
· ไปทำไม เยี่ยมใคร เราตอบเยี่ยมเพื่อน เพราะเรากะแฟนเพิ่งคบกันไม่ถึงปียังไม่อยากบอกว่าเป็นแฟนได้เต็มปากอ่ะคร้า
· เพื่อนชายชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร พักที่ไหน สะกดชื่อบริษัทเค้าซิ อธิบายหน้าที่การงานเค้าว่าทำอย่างไร โหพระเจ้าจอร์ชนี้ชั้นเป็นนักโทษรึเปล่าวะเนี่ยะ อันนี้คิดในใจยิ้มสู้
· เจอกันอย่างไร เค้าเคยมาเมืองไทยกี่ครั้ง เดือนไหน ปีไหน กี่วัน ดูดิสุด ๆ เรางี้ตอบปากสั่นเลยอ่ะ
· ไปกี่วัน เราไปสองอาทิตย์เพราะลางานได้แค่นี้
· เจอกันอย่างไร
· พ่อแม่เค้าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ เคยเจอกันมั๊ย โหเราไม่เคยเจอนิก็บอกไปตรง ๆ
· มีพี่น้องกี่คน อายุเท่าไหร่บ้าง ทำงานอะไร
· ในพาสปอร์ตเราเคยไปมาหลายประเทศเค้าก็ถามอีกว่าเคยไปต่างประเทศมั๊ย เราก็ตอบไปว่าเคย ถามอีกที่ไหนบ้าง เราก็ร่ายยาว ฮ่องกง มาเลเซีบ สิงค์โปร์ เกาหลี อังกฤษ
· ถามต่ออีกไปทำไม เราก็ตอบไปเที่ยวบ้าง ประชุมบ้าง ถามรายละเอียดอีกว่าเราทำงานบริษัทอะไร ทำมากี่ปี ตำแหน่งอะไร
· แล้วถามอีกที่เคยไปอังกฤษไปทำอะไร เราบอกตรง ๆ ว่าไปเยี่ยมแฟน (เราเคยมีแฟนเป็นคนอังกฤษค่ะ) เค้าก็ถามเกี่ยวกับแฟนเก่าอีกว่าชื่ออะไร คบกันกี่ปี ทำไมเลิก โหอะไรกันเนี่ยะ
· แล้วถามเราว่าใช้ภาษาอะไรในการสื่อสาร เราบอกภาษาอังกฤษเท่านั้นแร่ะ ชีถามรัวแบบไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยคำถาม เดิม ๆ แต่เป็นภาษาอังกฤษวกไปวนมาให้เราสับสนและกดดันสุด ๆ พยายามที่จะให้เราพูดให้ได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นแฟนเรา แต่เราไม่หลงกล He is only my good friend frist 555++ เราหัวเราะ เจ้าหน้าที่มีรอยยิ้มให้เรานิดนึง โอ้ววว ค่อยสบายใจหน่อย
· หลังจากนั้นก็ถามวกไปวนมาอีกสองสามรอบจนจบ ใครไม่เป็นเรา ณ เวลานั้น ไม่รู้หรอกว่ามันกดดันและตื่นเต้นแค่ไหน เราตอบปากสั่นเลยอ่ะ ประหม่าสุด ๆ ผลจะออกมาเป็นยังไงต้องรอลุ้นนะคะ เราก้หวังจะได้วีซ่า แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เราเลือกแบบไปรับเล่มคืนด้วยตัวเอง เพราะอยู่ใกล้ที่ทำงานเดินไปได้
หลังจากนั้นเราก็เสร็จไปชำระเงินที่เคาเตอร์ ค่า visa fees 2500 ค่าธรรมเนียมการสัมภาษณ์ 990 บาท รวม 3490 บาท แล้วเราก้เดินกลับออฟฟิ
แชร์ประสบการณ์ยื่นวีซ่าเยี่ยมสวิส แบบสปอนเซอร์ตัวเอง
1. Visa application form กรอกให้เรียบร้อย
2. รูปถ่ายขนาด 3.5 * 4 ซม. 3 ใบ
3. Passport ตัวจริง กับ copy
4. ประกันการเดินทาง
5. ใบจองตั๋วเครื่องบิน ยังไม่ต้องจ่ายเงินจนกว่าจะได้วีซ่า
6. หนังสือรับรองการทำงาน
7. จดหมายเชิญจากผู้เชิญเรา
8. Copy passport ของผู้เชิญ พร้อมหน้า passport ของผู้เชิญที่เคยมาเที่ยวเมืองไทย
9. รูปถ่ายคู่กันแสดงว่ารู้จักกันจริง เคยเจอกัน
10. Book bank statement ย้อนหลังหกเดือน ว่ามีเงินเข้าออกจากเงินเดือนจริง ๆ เรายื่น book bank ไปทั้งหมด 3 bank ด้วยกัน โดยมีบัญชีรับเงินเดือน 1 ที่ และอีกสองที่เป็นเงินเก็บที่มีอยู่ติดบัญชี รวมยอดเงินทั้งหมดก็เกือบสามแสนบาท
11. เราให้ทาง bank standard charter ออกหนังสือการันตีเงินในแบ็วค์อย่างเป็นทางการให้ด้วย (เสริมความน่าเชื่อถือ)
12. สำเนาสลิปเงินเดือนหกเดือนพร้อม สลิปเงินเดือนตัวจริง แต่เค้าคืนตัวจริงให้เรา
13. ใบเสียภาษี ภงด.91
14. สำเนาบัตรเครดิต เรามีบัตรเครดิต 3 ใบ โชว์หมดเลย copy ให้เค้าไป
15. สำเนาการซื้อพันธบัตรรัฐบาล เราซื้อไว้ 300,000 บาท ก็โชว์เค้าไปว่าชั้นก็ยังมีตังค์นอกเหนือจากในบัญชีอีกนะอย่ามาดูถูกกัน อิอิ อ่ะล้อเล่น
16. ใบปริญญาบัตรแสดงให้รู้ว่าชั้นมีการศึกษาไม่มีวันจะไปทำอาชัพอย่างว่า หรืออยู่เกินวีซ่าแน่นอน (อันนี้มีคนแนะนำมาค่ะว่าให้ยื่นไป)
17. จดหมายปะหน้าแนะนำตัวเอง ว่าทำงานอะไรจะไปทำไม แล้วจะกลับเมื่อไหร่อธิบายปะหน้าไป
เอาล่ะถึงวันนัดหมายก่อนเลย เราไปถึง TLS ตึกสาทรซิตี้ โชคดีที่อยู่ใกล้ที่ทำงานเรา อยู่ตรงข้ามตึกเราเลย เราพอดีทำงานอยู่ตึก Empire เข้าทางโจรเลย เราไปตั้งแต่สิบโมงเช้ามาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง มีคนเต็มเลย สงสัยคงยื่นวีเที่ยวช่วงสงกรานต์กัน เรารอจนสิบโมงครึ่งเค้าก้เรียกคนที่นัดหมายเวลานี้ให้เข้าแถวเพื่อลงทะเบียนด้านหน้า พอเสร็จเจ้าหน้าที่ให้เราเข้าไปด้านในไปรอเรียกชื่อ มันจะขึ้นที่บอร์ดว่าเรียกใคร เค้าร์เตอรที่เท่าไหร่ ของเราได้เคาร์เตอร์ที่ 3 น้องพนักงานพูดจาดีน่ารักมากเลย ตรวจเอกสารให้เรา แถมบอกว่าเพื่อจะยื่นหมดเลยเหรอ เราก็บอกว่าหมดแร่ะค่ะ อิอิ เค้าก็โอเค แล้วคราวนี้แร่ะเราไม่รู้มาก่อนเลยว่าต้อวสัมภาษณ์ผ่าน Ipad ในวันนี้เลย คือเราคิดว่าแค่ยื่นเอกสารอย่างเดียวแล้วนัดสัมภาษณ์ทีหลัง เอาวะคิดในใจ ณ ต้อนนั้นตื่นเต้นสุด ๆ น้องพนักงานพาเราไปเคาเตอร์ที่ 1 เพื่อต่อสัญญาณเวปแคมกับทางเจ้าหน้าที่สถานฑูตเพื่อสัมภาษณ์เรา เวลาถูกเชือดมาแระ
เจ้าหน้าที่หน้าตาเคร่งขรึมนั่งอยู่หน้าจอให้เราโชร์หน้า passport เป็นอันดับแรกเลย ว่าเป็นพาสปอร์ตเราจริงจากนั้นก้เริ่มคำถามแรก
· ไปทำไม เยี่ยมใคร เราตอบเยี่ยมเพื่อน เพราะเรากะแฟนเพิ่งคบกันไม่ถึงปียังไม่อยากบอกว่าเป็นแฟนได้เต็มปากอ่ะคร้า
· เพื่อนชายชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร พักที่ไหน สะกดชื่อบริษัทเค้าซิ อธิบายหน้าที่การงานเค้าว่าทำอย่างไร โหพระเจ้าจอร์ชนี้ชั้นเป็นนักโทษรึเปล่าวะเนี่ยะ อันนี้คิดในใจยิ้มสู้
· เจอกันอย่างไร เค้าเคยมาเมืองไทยกี่ครั้ง เดือนไหน ปีไหน กี่วัน ดูดิสุด ๆ เรางี้ตอบปากสั่นเลยอ่ะ
· ไปกี่วัน เราไปสองอาทิตย์เพราะลางานได้แค่นี้
· เจอกันอย่างไร
· พ่อแม่เค้าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ เคยเจอกันมั๊ย โหเราไม่เคยเจอนิก็บอกไปตรง ๆ
· มีพี่น้องกี่คน อายุเท่าไหร่บ้าง ทำงานอะไร
· ในพาสปอร์ตเราเคยไปมาหลายประเทศเค้าก็ถามอีกว่าเคยไปต่างประเทศมั๊ย เราก็ตอบไปว่าเคย ถามอีกที่ไหนบ้าง เราก็ร่ายยาว ฮ่องกง มาเลเซีบ สิงค์โปร์ เกาหลี อังกฤษ
· ถามต่ออีกไปทำไม เราก็ตอบไปเที่ยวบ้าง ประชุมบ้าง ถามรายละเอียดอีกว่าเราทำงานบริษัทอะไร ทำมากี่ปี ตำแหน่งอะไร
· แล้วถามอีกที่เคยไปอังกฤษไปทำอะไร เราบอกตรง ๆ ว่าไปเยี่ยมแฟน (เราเคยมีแฟนเป็นคนอังกฤษค่ะ) เค้าก็ถามเกี่ยวกับแฟนเก่าอีกว่าชื่ออะไร คบกันกี่ปี ทำไมเลิก โหอะไรกันเนี่ยะ
· แล้วถามเราว่าใช้ภาษาอะไรในการสื่อสาร เราบอกภาษาอังกฤษเท่านั้นแร่ะ ชีถามรัวแบบไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยคำถาม เดิม ๆ แต่เป็นภาษาอังกฤษวกไปวนมาให้เราสับสนและกดดันสุด ๆ พยายามที่จะให้เราพูดให้ได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นแฟนเรา แต่เราไม่หลงกล He is only my good friend frist 555++ เราหัวเราะ เจ้าหน้าที่มีรอยยิ้มให้เรานิดนึง โอ้ววว ค่อยสบายใจหน่อย
· หลังจากนั้นก็ถามวกไปวนมาอีกสองสามรอบจนจบ ใครไม่เป็นเรา ณ เวลานั้น ไม่รู้หรอกว่ามันกดดันและตื่นเต้นแค่ไหน เราตอบปากสั่นเลยอ่ะ ประหม่าสุด ๆ ผลจะออกมาเป็นยังไงต้องรอลุ้นนะคะ เราก้หวังจะได้วีซ่า แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เราเลือกแบบไปรับเล่มคืนด้วยตัวเอง เพราะอยู่ใกล้ที่ทำงานเดินไปได้
หลังจากนั้นเราก็เสร็จไปชำระเงินที่เคาเตอร์ ค่า visa fees 2500 ค่าธรรมเนียมการสัมภาษณ์ 990 บาท รวม 3490 บาท แล้วเราก้เดินกลับออฟฟิศเราด้วยความสบายใจ ผลเป็นอย่างไรเราจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีนะคะ เอาใจช่วยเราด้วยนะคะ
*พิมพ์ข้อความได้ไม่เกิน 10000 ตัวอักษร (4840/10000)
แก้ไขวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา เราได้ไปยื่นวีซ่าเยี่ยมสวิสแบบสปอนเซอร์ตัวเองมาแล้วที่ TLS อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ เพื่อน ๆ ในห้องนี้ฟังนะคะเผื่อมีประโยชน์กับคนที่จะไปยื่นต่อไปได้บ้างนะคะ หลังจากที่เราได้ลงทะเบียนกับเวปของ TLS เพื่อเลือก และนัดหมายเวลาในการยื่นวีซ่า เราลงเมื่อวันพฤหัสที่ 14 มีนาคม 2556 ได้คิวยื่นวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2556 เวลา 10.30 น. โอเคต่อไปก็เตรียมเอกสารให้ดีที่สุดในชีวิต 555++ เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเครียด คร่ำเคร่งมากในการตรวจทานเอกสารพร้อมเซ็นต์ชื่อกำกับทุกฉบับ เอกสารที่เราเตรียมไปค่อข้างเยอะเตรียมมากกว่าที่สถานฑูตกำหนดมาซะอีก แบบเว่อร์ ๆๆ สุด ๆ 555++ เยอะไว้ก่อนดีกว่าให้มันขาด เอกสารที่เราเตรียมดังนี้
1. Visa application form กรอกให้เรียบร้อย
2. รูปถ่ายขนาด 3.5 * 4 ซม. 3 ใบ
3. Passport ตัวจริง กับ copy
4. ประกันการเดินทาง
5. ใบจองตั๋วเครื่องบิน ยังไม่ต้องจ่ายเงินจนกว่าจะได้วีซ่า
6. หนังสือรับรองการทำงาน
7. จดหมายเชิญจากผู้เชิญเรา
8. Copy passport ของผู้เชิญ พร้อมหน้า passport ของผู้เชิญที่เคยมาเที่ยวเมืองไทย
9. รูปถ่ายคู่กันแสดงว่ารู้จักกันจริง เคยเจอกัน
10. Book bank statement ย้อนหลังหกเดือน ว่ามีเงินเข้าออกจากเงินเดือนจริง ๆ เรายื่น book bank ไปทั้งหมด 3 bank ด้วยกัน โดยมีบัญชีรับเงินเดือน 1 ที่ และอีกสองที่เป็นเงินเก็บที่มีอยู่ติดบัญชี รวมยอดเงินทั้งหมดก็เกือบสามแสนบาท
11. เราให้ทาง bank standard charter ออกหนังสือการันตีเงินในแบ็วค์อย่างเป็นทางการให้ด้วย (เสริมความน่าเชื่อถือ)
12. สำเนาสลิปเงินเดือนหกเดือนพร้อม สลิปเงินเดือนตัวจริง แต่เค้าคืนตัวจริงให้เรา
13. ใบเสียภาษี ภงด.91
14. สำเนาบัตรเครดิต เรามีบัตรเครดิต 3 ใบ โชว์หมดเลย copy ให้เค้าไป
15. สำเนาการซื้อพันธบัตรรัฐบาล เราซื้อไว้ 300,000 บาท ก็โชว์เค้าไปว่าชั้นก็ยังมีตังค์นอกเหนือจากในบัญชีอีกนะอย่ามาดูถูกกัน อิอิ อ่ะล้อเล่น
16. ใบปริญญาบัตรแสดงให้รู้ว่าชั้นมีการศึกษาไม่มีวันจะไปทำอาชัพอย่างว่า หรืออยู่เกินวีซ่าแน่นอน (อันนี้มีคนแนะนำมาค่ะว่าให้ยื่นไป)
17. จดหมายปะหน้าแนะนำตัวเอง ว่าทำงานอะไรจะไปทำไม แล้วจะกลับเมื่อไหร่อธิบายปะหน้าไป
เอาล่ะถึงวันนัดหมายก่อนเลย เราไปถึง TLS ตึกสาทรซิตี้ โชคดีที่อยู่ใกล้ที่ทำงานเรา อยู่ตรงข้ามตึกเราเลย เราพอดีทำงานอยู่ตึก Empire เข้าทางโจรเลย เราไปตั้งแต่สิบโมงเช้ามาก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง มีคนเต็มเลย สงสัยคงยื่นวีเที่ยวช่วงสงกรานต์กัน เรารอจนสิบโมงครึ่งเค้าก้เรียกคนที่นัดหมายเวลานี้ให้เข้าแถวเพื่อลงทะเบียนด้านหน้า พอเสร็จเจ้าหน้าที่ให้เราเข้าไปด้านในไปรอเรียกชื่อ มันจะขึ้นที่บอร์ดว่าเรียกใคร เค้าร์เตอรที่เท่าไหร่ ของเราได้เคาร์เตอร์ที่ 3 น้องพนักงานพูดจาดีน่ารักมากเลย ตรวจเอกสารให้เรา แถมบอกว่าเพื่อจะยื่นหมดเลยเหรอ เราก็บอกว่าหมดแร่ะค่ะ อิอิ เค้าก็โอเค แล้วคราวนี้แร่ะเราไม่รู้มาก่อนเลยว่าต้อวสัมภาษณ์ผ่าน Ipad ในวันนี้เลย คือเราคิดว่าแค่ยื่นเอกสารอย่างเดียวแล้วนัดสัมภาษณ์ทีหลัง เอาวะคิดในใจ ณ ต้อนนั้นตื่นเต้นสุด ๆ น้องพนักงานพาเราไปเคาเตอร์ที่ 1 เพื่อต่อสัญญาณเวปแคมกับทางเจ้าหน้าที่สถานฑูตเพื่อสัมภาษณ์เรา เวลาถูกเชือดมาแระ
เจ้าหน้าที่หน้าตาเคร่งขรึมนั่งอยู่หน้าจอให้เราโชร์หน้า passport เป็นอันดับแรกเลย ว่าเป็นพาสปอร์ตเราจริงจากนั้นก้เริ่มคำถามแรก
· ไปทำไม เยี่ยมใคร เราตอบเยี่ยมเพื่อน เพราะเรากะแฟนเพิ่งคบกันไม่ถึงปียังไม่อยากบอกว่าเป็นแฟนได้เต็มปากอ่ะคร้า
· เพื่อนชายชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร พักที่ไหน สะกดชื่อบริษัทเค้าซิ อธิบายหน้าที่การงานเค้าว่าทำอย่างไร โหพระเจ้าจอร์ชนี้ชั้นเป็นนักโทษรึเปล่าวะเนี่ยะ อันนี้คิดในใจยิ้มสู้
· เจอกันอย่างไร เค้าเคยมาเมืองไทยกี่ครั้ง เดือนไหน ปีไหน กี่วัน ดูดิสุด ๆ เรางี้ตอบปากสั่นเลยอ่ะ
· ไปกี่วัน เราไปสองอาทิตย์เพราะลางานได้แค่นี้
· เจอกันอย่างไร
· พ่อแม่เค้าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ เคยเจอกันมั๊ย โหเราไม่เคยเจอนิก็บอกไปตรง ๆ
· มีพี่น้องกี่คน อายุเท่าไหร่บ้าง ทำงานอะไร
· ในพาสปอร์ตเราเคยไปมาหลายประเทศเค้าก็ถามอีกว่าเคยไปต่างประเทศมั๊ย เราก็ตอบไปว่าเคย ถามอีกที่ไหนบ้าง เราก็ร่ายยาว ฮ่องกง มาเลเซีบ สิงค์โปร์ เกาหลี อังกฤษ
· ถามต่ออีกไปทำไม เราก็ตอบไปเที่ยวบ้าง ประชุมบ้าง ถามรายละเอียดอีกว่าเราทำงานบริษัทอะไร ทำมากี่ปี ตำแหน่งอะไร
· แล้วถามอีกที่เคยไปอังกฤษไปทำอะไร เราบอกตรง ๆ ว่าไปเยี่ยมแฟน (เราเคยมีแฟนเป็นคนอังกฤษค่ะ) เค้าก็ถามเกี่ยวกับแฟนเก่าอีกว่าชื่ออะไร คบกันกี่ปี ทำไมเลิก โหอะไรกันเนี่ยะ
· แล้วถามเราว่าใช้ภาษาอะไรในการสื่อสาร เราบอกภาษาอังกฤษเท่านั้นแร่ะ ชีถามรัวแบบไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยคำถาม เดิม ๆ แต่เป็นภาษาอังกฤษวกไปวนมาให้เราสับสนและกดดันสุด ๆ พยายามที่จะให้เราพูดให้ได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นแฟนเรา แต่เราไม่หลงกล He is only my good friend frist 555++ เราหัวเราะ เจ้าหน้าที่มีรอยยิ้มให้เรานิดนึง โอ้ววว ค่อยสบายใจหน่อย
· หลังจากนั้นก็ถามวกไปวนมาอีกสองสามรอบจนจบ ใครไม่เป็นเรา ณ เวลานั้น ไม่รู้หรอกว่ามันกดดันและตื่นเต้นแค่ไหน เราตอบปากสั่นเลยอ่ะ ประหม่าสุด ๆ ผลจะออกมาเป็นยังไงต้องรอลุ้นนะคะ เราก้หวังจะได้วีซ่า แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เราเลือกแบบไปรับเล่มคืนด้วยตัวเอง เพราะอยู่ใกล้ที่ทำงานเดินไปได้
หลังจากนั้นเราก็เสร็จไปชำระเงินที่เคาเตอร์ ค่า visa fees 2500 ค่าธรรมเนียมการสัมภาษณ์ 990 บาท รวม 3490 บาท แล้วเราก้เดินกลับออฟฟิ