สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (ฆอร์เก มาริโอ เบร์กอกลิโอ) เพิ่งได้รับคัดเลือกเป็นประมุขแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิกองค์ใหม่ แทนสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ซึ่งเป็นพระองค์แรกในรอบกว่า 600 ปีที่ได้สละตำแหน่งดังกล่าว ด้วยเหตุผลของพระพลานามัยที่ไม่แข็งแรง และไม่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างเต็มที่
สำนักวาติกันมีขั้นตอนการคัดเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่เพื่อสานต่อภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้าและคริสต์ศาสนิกชนโรมันคาทอลิกทั่วโลก ดังต่อไปนี้
1. การรวมตัวของพระคาร์ดินัลจากทั่วโลก
พระคาร์ดินัลจาก 51 ประเทศทั่วโลกในปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 112 คน ที่อายุไม่เกิน 80 ปี และมีสิทธิเข้าร่วมพิธีคัดเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ จะถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่สำนักวาติกัน เพื่อกระทำพิธีมิสซาบูชา ณ จัตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์ กรุงโรม และขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า
2. การคัดเลือกประมุขแห่งศาสนจักร
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีที่จัตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์ คณะพระคาร์นิดัลทั้งหมดจะไปยังวิหารน้อยซิสทีน เพื่อรับฟังการเทศน์ครั้งที่ 1 หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ของศาสนาจักรในปัจจุบัน และเลือกองค์ประมุขที่เหมาะสมที่สุดที่สามารถรับมือและจัดการกับสถานการณ์ได้ ต่อจากนั้นจะเป็นการเทศน์ครั้งที่ 2 ที่เข้มข้นและจริงจังมากยิ่งขึ้น โดยในคราวนี้พระคาร์ดินัลจะถูกตัดขาดจากการสื่อสารทั้งหมด ทำให้อิทธิพลจากประเทศต่างๆ ไม่สามารถชี้นำการตัดสินใจได้ หรือเรียกเป็นภาษาละตินว่า “conclave” (กอนกลาเว) แปลว่า ลงกลอนประตู
เมื่อสิ้นสุดการเทศน์ครั้งที่ 2 เจ้าหน้าที่จะแจกกระดาษที่ระบุข้อความว่า “ข้าพเจ้าขอเลือกท่านผู้นี้ ....... เป็นประมุขของพระศาสนจักรองค์ต่อไป” จากนั้นตัวแทนพระคาร์ดินัลจะยืนขึ้น และเชื้อเชิญคณะพระคาร์ดินัลทุกองค์ให้ร่วมใจสาบาน พร้อมกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะเลือกบุคคลที่ข้าพเจ้าเห็นว่าเหมาะสมที่สุด โดยไม่มีอิทธิพลใดมาแทรกแซง” หลังจากกล่าวคำปฏิญาณแล้ว คณะพระคาร์ดินัลจะตอบรับหนักแน่นว่า “จะทำ” แล้วตัวแทนพระคาร์ดินัลองค์เดิมจะเดินไปหาพระคาร์ดินัลแต่ละองค์ที่เข้าร่วมพิธีและนำพระคัมภีร์ให้พระคาร์ดินัลยืนมือมาแตะ เพื่อแสดงสัจวาจาอีกครั้ง โดยกล่าวคำว่า “ข้าพเจ้าสัญญา ข้าพเจ้าสาบาน” ทีละองค์จนครบ
3. การลงคะแนนเลือกพระสันตะปาปา
พระคาร์ดินัลแต่ละองค์จะได้รับการขานชื่อให้ออกมาหย่อนกระดาษที่แจกให้ลงในกล่องด้านหน้าห้อง โดยก่อนหย่อนบัตรจะต้องกล่าวคำสาบานอีกครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะตรวจนับบัตร บุคคลที่มีสิทธิได้รับเลือกเป็นประมุของค์ใหม่ต้องมีคะแนนเกิน 2 ใน 3 จึงจะถือว่าได้รับเลือกอย่างสมบูรณ์ แต่หากว่าคะแนนเสียงยังกระจาย จะต้องทำการคัดเลือกใหม่อีกเป็นครั้งที่ 2 และ 3 ต่อไป จนถึงครั้งที่ 6 ซึ่งกฎเกณฑ์กำหนดให้เลือกได้ 3 วัน และหากว่าครั้งสุดท้ายแล้วคะแนนเสียงยังกระจายอยู่อีก จะให้มีการคัดเลือกครั้งที่ 7 ซึ่งถือเป็นการดลใจจากเบื้องบน ผู้ที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดไม่ว่าเท่าไรก็ตามจะถือว่าเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่
4. การสังเกตสัญญาณควัน
เหล่าคริสต์ศาสนิกชนที่อยู่ภายนอกจะติดตามผลการคัดเลือก ด้วยการสังเกตควันไฟจากปากปล่องหลังคาวิหารน้อยซิสทีน หากว่าเป็นควัน “สีดำ” จะหมายถึงยังไม่ได้สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ แต่หากว่าควัน “สีขาว” ปรากฏขึ้น จะหมายความว่า ได้ประมุขแห่งศาสนจักรองค์ใหม่แล้ว
เมื่อพิธีคัดเลือกเสร็จสมบูรณ์ พระคาร์ดินัลอาวุโสจะเดินไปหาพระคาร์ดินัลที่ได้รับคัดเลือก และเปล่งวาจาว่า “ท่านได้รับเลือกเป็นประมุขแห่งศาสนจักร ผ่านพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ท่านน้อมรับพระประสงค์นี้หรือไม่” ถ้าหากไม่รับ จะต้องเริ่มการคัดเลือกใหม่ตั้งแต่ต้น แต่หากยินดีช่วยเหลือศาสนากิจและปฏิบัติภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ ขั้นตอนต่อไปจะเกิดขึ้นทันที
5. การตั้งพระนามและเปิดตัวพระสันตะปาปา
พระคาร์ดินัลที่ได้รับเลือกจะเป็นผู้กำหนดพระนามของสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ โดยเลือกจากพระนามของสมเด็จพระสันตะปาปาที่มีในประวัติศาสตร์ เช่น เบเนดิกต์ที่ 16 องค์ต่อไปจะเป็น เบเนดิกต์ที่ 17 หรือจอห์น พอลที่ 2 องค์ต่อไปจะเป็นจอห์น พอลที่ 3 เป็นต้น
หลังจากนั้นพระคาร์ดินัลผู้ได้รับเลือกจะถูกนำไปยัง “ห้องน้ำตา” อันเป็นธรรมเนียมมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากสมัยก่อนภาระหน้าที่ของพระสันตะปาปาค่อนข้างหนัก จึงอนุญาตให้ร้องไห้และเตรียมตัวเตรียมใจก่อนปฏิบัติพระสมณกิจ ในห้องแห่งนี้จะมีที่นั่ง และชุดคลุมสีขาวให้เลือกสวม จำนวน 3 ชุด 3 ขนาด พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะต้องเปลี่ยนจากชุดสีแดงเป็นสีขาว พร้อมกับใส่หมวกสูงสีขาว อันเป็นสัญลักษณ์ของประมุขสูงสุดแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิก
เมื่อเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีผู้นำพระสันตะปาปาออกไปยังหน้ามุขของจัตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์ เพื่อพบปะกับคริสต์ศาสนิกชน โดยมีพระคาร์ดินัลอาวุโสกล่าวแนะนำว่า “ท่านทั้งหลาย เราดีใจที่ตอนนี้เรามีพระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว” จากนั้นพระสันตะปาปาจะกล่าวทักทายและให้พรประชาชนเป็นครั้งแรก
ที่มา:
http://www.thairath.co.th/content/oversea/326697
หวังว่าจะเป็นความรู้ที่มีประโยชน์บ้างนะคะ
มารู้จักพิธีศักดิ์สิทธิ์ในการคัดเลือก “พระสันตะปาปา” ประมุขแห่งโรมันคาทอลิก
สำนักวาติกันมีขั้นตอนการคัดเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่เพื่อสานต่อภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้าและคริสต์ศาสนิกชนโรมันคาทอลิกทั่วโลก ดังต่อไปนี้
1. การรวมตัวของพระคาร์ดินัลจากทั่วโลก
พระคาร์ดินัลจาก 51 ประเทศทั่วโลกในปัจจุบันมีจำนวนประมาณ 112 คน ที่อายุไม่เกิน 80 ปี และมีสิทธิเข้าร่วมพิธีคัดเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ จะถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่สำนักวาติกัน เพื่อกระทำพิธีมิสซาบูชา ณ จัตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์ กรุงโรม และขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า
2. การคัดเลือกประมุขแห่งศาสนจักร
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีที่จัตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์ คณะพระคาร์นิดัลทั้งหมดจะไปยังวิหารน้อยซิสทีน เพื่อรับฟังการเทศน์ครั้งที่ 1 หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ของศาสนาจักรในปัจจุบัน และเลือกองค์ประมุขที่เหมาะสมที่สุดที่สามารถรับมือและจัดการกับสถานการณ์ได้ ต่อจากนั้นจะเป็นการเทศน์ครั้งที่ 2 ที่เข้มข้นและจริงจังมากยิ่งขึ้น โดยในคราวนี้พระคาร์ดินัลจะถูกตัดขาดจากการสื่อสารทั้งหมด ทำให้อิทธิพลจากประเทศต่างๆ ไม่สามารถชี้นำการตัดสินใจได้ หรือเรียกเป็นภาษาละตินว่า “conclave” (กอนกลาเว) แปลว่า ลงกลอนประตู
เมื่อสิ้นสุดการเทศน์ครั้งที่ 2 เจ้าหน้าที่จะแจกกระดาษที่ระบุข้อความว่า “ข้าพเจ้าขอเลือกท่านผู้นี้ ....... เป็นประมุขของพระศาสนจักรองค์ต่อไป” จากนั้นตัวแทนพระคาร์ดินัลจะยืนขึ้น และเชื้อเชิญคณะพระคาร์ดินัลทุกองค์ให้ร่วมใจสาบาน พร้อมกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะเลือกบุคคลที่ข้าพเจ้าเห็นว่าเหมาะสมที่สุด โดยไม่มีอิทธิพลใดมาแทรกแซง” หลังจากกล่าวคำปฏิญาณแล้ว คณะพระคาร์ดินัลจะตอบรับหนักแน่นว่า “จะทำ” แล้วตัวแทนพระคาร์ดินัลองค์เดิมจะเดินไปหาพระคาร์ดินัลแต่ละองค์ที่เข้าร่วมพิธีและนำพระคัมภีร์ให้พระคาร์ดินัลยืนมือมาแตะ เพื่อแสดงสัจวาจาอีกครั้ง โดยกล่าวคำว่า “ข้าพเจ้าสัญญา ข้าพเจ้าสาบาน” ทีละองค์จนครบ
3. การลงคะแนนเลือกพระสันตะปาปา
พระคาร์ดินัลแต่ละองค์จะได้รับการขานชื่อให้ออกมาหย่อนกระดาษที่แจกให้ลงในกล่องด้านหน้าห้อง โดยก่อนหย่อนบัตรจะต้องกล่าวคำสาบานอีกครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะตรวจนับบัตร บุคคลที่มีสิทธิได้รับเลือกเป็นประมุของค์ใหม่ต้องมีคะแนนเกิน 2 ใน 3 จึงจะถือว่าได้รับเลือกอย่างสมบูรณ์ แต่หากว่าคะแนนเสียงยังกระจาย จะต้องทำการคัดเลือกใหม่อีกเป็นครั้งที่ 2 และ 3 ต่อไป จนถึงครั้งที่ 6 ซึ่งกฎเกณฑ์กำหนดให้เลือกได้ 3 วัน และหากว่าครั้งสุดท้ายแล้วคะแนนเสียงยังกระจายอยู่อีก จะให้มีการคัดเลือกครั้งที่ 7 ซึ่งถือเป็นการดลใจจากเบื้องบน ผู้ที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดไม่ว่าเท่าไรก็ตามจะถือว่าเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่
4. การสังเกตสัญญาณควัน
เหล่าคริสต์ศาสนิกชนที่อยู่ภายนอกจะติดตามผลการคัดเลือก ด้วยการสังเกตควันไฟจากปากปล่องหลังคาวิหารน้อยซิสทีน หากว่าเป็นควัน “สีดำ” จะหมายถึงยังไม่ได้สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ แต่หากว่าควัน “สีขาว” ปรากฏขึ้น จะหมายความว่า ได้ประมุขแห่งศาสนจักรองค์ใหม่แล้ว
เมื่อพิธีคัดเลือกเสร็จสมบูรณ์ พระคาร์ดินัลอาวุโสจะเดินไปหาพระคาร์ดินัลที่ได้รับคัดเลือก และเปล่งวาจาว่า “ท่านได้รับเลือกเป็นประมุขแห่งศาสนจักร ผ่านพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ท่านน้อมรับพระประสงค์นี้หรือไม่” ถ้าหากไม่รับ จะต้องเริ่มการคัดเลือกใหม่ตั้งแต่ต้น แต่หากยินดีช่วยเหลือศาสนากิจและปฏิบัติภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ ขั้นตอนต่อไปจะเกิดขึ้นทันที
5. การตั้งพระนามและเปิดตัวพระสันตะปาปา
พระคาร์ดินัลที่ได้รับเลือกจะเป็นผู้กำหนดพระนามของสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ โดยเลือกจากพระนามของสมเด็จพระสันตะปาปาที่มีในประวัติศาสตร์ เช่น เบเนดิกต์ที่ 16 องค์ต่อไปจะเป็น เบเนดิกต์ที่ 17 หรือจอห์น พอลที่ 2 องค์ต่อไปจะเป็นจอห์น พอลที่ 3 เป็นต้น
หลังจากนั้นพระคาร์ดินัลผู้ได้รับเลือกจะถูกนำไปยัง “ห้องน้ำตา” อันเป็นธรรมเนียมมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากสมัยก่อนภาระหน้าที่ของพระสันตะปาปาค่อนข้างหนัก จึงอนุญาตให้ร้องไห้และเตรียมตัวเตรียมใจก่อนปฏิบัติพระสมณกิจ ในห้องแห่งนี้จะมีที่นั่ง และชุดคลุมสีขาวให้เลือกสวม จำนวน 3 ชุด 3 ขนาด พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะต้องเปลี่ยนจากชุดสีแดงเป็นสีขาว พร้อมกับใส่หมวกสูงสีขาว อันเป็นสัญลักษณ์ของประมุขสูงสุดแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิก
เมื่อเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีผู้นำพระสันตะปาปาออกไปยังหน้ามุขของจัตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์ เพื่อพบปะกับคริสต์ศาสนิกชน โดยมีพระคาร์ดินัลอาวุโสกล่าวแนะนำว่า “ท่านทั้งหลาย เราดีใจที่ตอนนี้เรามีพระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว” จากนั้นพระสันตะปาปาจะกล่าวทักทายและให้พรประชาชนเป็นครั้งแรก
ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/oversea/326697
หวังว่าจะเป็นความรู้ที่มีประโยชน์บ้างนะคะ