เมื่อวานนี้เลย
เราขับรถกลับบ้านกำลังจะข้ามแยกลานจอดตู้(คอนเทนเนอร์)ตรงแหลมฉบัง
เห็นอุบัติเหตุคาดว่ารถมอเตอร์ไซค์ชนกัน มีคนบาดเจ็บ 3 คน
คนหนึงกลับบ้านได้ อีกคนบาดเจ็บเล็กน้อย คนที่สามบาดเจ็บเยอะเพราะนอนยาวตลอดเลย
ช่วงที่เราติดไฟแดงยังไม่สามารถข้ามแยกได้ พบว่ารถส่วนใหญ่ทั้งรถยนต์ และมอไซค์ขับผ่านกันไปเฉยๆ ซะส่วนใหญ่
จะว่าเฉยๆ คงไม่เชิง อาจจะคิดว่า "ซวยจังเลย เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยเอง อย่างนี้ชั้นต้องระมัดระวังหน่อยแล้วละ ฯลฯ"
พอเราข้ามแยกไปจอดริมทางได้ ก็ได้วิ่งลงไปดูพบว่ามีคนขับมอไซค์ไปช่วยอยู่ 3 คนแล้ว
เราเลยถามว่าจะให้เราช่วยอะไรไหม (วันนั้นเราขับกระบะ) อาจจะช่วยส่งคนไป รพ ก็ได้ถ้ามีสิ่งของมารองให้คนบาดเจ็บนอนได้
พี่ๆ ที่นั่นบอกว่าให้รอ รถมูลนิธิ เพราะกลัวการเคลื่อนย้ายไม่ถูกต้อง เพราะไม่มีอะไรแข็งๆ แบนๆ มารองตัวคนบาดเจ็บเลย
กลัวว่าเคลื่อนย้ายไปแล้วผู้บาดเจ็บจะมีปัญหา
เพิ่มเติมนะ คนที่มาช่วยอยู่ก่อนหน้าน่ารักมากเลย ถอดเสื้อ jacket มารองหนุนศีรษะให้คนเจ็บด้วย
อีกคนก็นั่งปลอบใจคนเจ็บ อีกคนทำงานที่เดียวกันกับเราเป็น foreman ก็ติดต่อประสานงานรถมูลนิธิให้
เราเลยกลับมาที่รถ ก็นั่งนึกว่า เอ... ถ้าเราเจอเหตุการณ์เราควรทำยังไง
เราว่าถ้ามีคนช่วยอยู่แล้วมันก็ดีนะ เราก็ไม่ต้องไปเกะกะเขา
และเราก็หาเบอร์ฉุกเฉินต่างๆ เช่น โรงพัก มูลนิธิ รพ. ที่อยู่ในพื้นที่สัญจรประจำวันของเรามาเซฟไว้
เผื่อกรณีพบเห็นเหตุการณ์เราจะได้รีบแจ้งเหตุได้ทันที
และลองเสิร์ชหาดูว่าวิธีการว่าเมื่อเราพบเห็นเหตุการณ์ ควรทำอย่างไร
ก็ได้คัดข้อมูลมาจากสองแหล่ง ที่เชื่อว่าหลายท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว และบางท่านอาจจะยังไม่ทราบ ตามนี้
1.ประเมินสถานการณ์
สงบสติอารมณ์ และพยายามประเมินสถานการณ์และความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
พิจารณาผู้ที่ได้รับบาด เจ็บว่ามีกี่คนและรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นจำนวนเท่าใด
รวมถึงระบุสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุนั้นขึ้นด้วย
2.ปลอดภัยไว้ก่อน
•ต้องแน่ใจว่าคุณปลอดภัย หากคุณต้องการเตือนรถคันอื่นๆ
คุณก็ควรส่งสัญญาณให้พวกเขาบริเวณทางเท้าเท่านั้น นอกจากนั้นก็ควรสวมเสื้อผ้าที่เรืองแสงหรือสะท้อนแสง
หรือใช้ไฟกระพริบรวมทั้งสัญญาณไฟฉุกเฉิน
•ถ้าคุณประสบอุบัติเหตุขณะที่อยู่ในรถ ควรจอดรถโดยดับเครื่องยนต์ก่อนทุกครั้ง
ก่อนที่จะลงจากรถไปช่้วยผู้อื่น และใช้ hazard triangle เมื่อจำเป็น
•นอกจากนี้ คุณควรพิจารณาถึงความปลอดภัยของผู้อื่นด้วย
โดยทำให้รถที่ประสบอุบัติเหตุนั้นไม่สามารถคลื่อนที่ได้ เพื่อความปลอดภัย
รวมทั้งตรวจสอบดูว่ามีน้ำมัน หรือสารเคมีรั่วซึม หรือมีเศษแก้วหรือไม่
3.ประเมินผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
มีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนเท่าใด มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้หรือไม่
4. ติดต่อขอความช่วยเหลือ
•ติดต่อความช่วยเหลือไปยังเบอร์ศูนย์กู้ชีพต่างๆ
•ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือหากมีอันตรายจากน้ำมันรั่วไหลหรือควัน
5.ปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ
•สงบสติอารมณ์ รวบรวมสติ ให้กำลังใจผู้ป่วย
•ไม่ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพื่อให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฐมพยาบาล
6. โทรหาศูนย์กู้ชีพ
คุณต้องแจ้งให้ทางศูนย์กู้ชีพรับทราบถึงข้อต่อไปนี้
•สถานที่ที่คุณอยู่
•เกิดอะไรขึ้น(เล่าเหตุการณ์อย่างละเอียด)
•มีผู้บาดเจ็บเท่าำไร
•แจ้งอาการของผู้ประสบอุบัติเหตุ
ทางศูนย์กู้ชีพจะบอกถึงสิ่งที่คุณต้องทำขณะที่รอรถพยาบาลที่จะมาถึง
ที่มา : BBC Health
**********************************************************
" เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนต้องทำอย่างไร "
เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน ไม่ว่าเราจะเป็นคนขับ ผู้โดยสารหรือผู้เห็นเหตุการณ์ เราควรปฎิบัติอย่างไร
1. ถ้าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์
ควรเข้าช่วยเหลือคนป่วยเจ็บตามสมควร และเราจะต้องแสดงตัวเป็นพลเมืองดี
โดยยินดีที่จะเป็นพยานในคดีให้ สมมุติว่าเราเห็นรถคันหนึ่งชนคนแล้วหนี
สิ่งที่เราควรช่วยหลือจับกุมคนที่ทำผิดได้ก็คือ พยายามจดทะเบียนรถ ชื่อยี่ห้อ
สีรถที่ชนไว้ได้แล้วรีบแจ้งให้ตำรวจทราบเพื่อติดตามจับกุมต่อไป
มีพลเมืองดีบางท่านถึงกับขับรถตามจับคนขับ ที่ชน คนแล้วหนีได้
คนประเภทนี้ควรได้รับการยกย่องว่าเป็นคนดีมีประโยชน์ต่อสังคม
2. ถ้าท่านเป็นคนเจ็บเพราะรถชน
ท่านจะต้องปฏิบัติเช่นเดียกับข้อ 1. สิ่งแรกคือท่านจะต้องขอร้องให้คนอื่น
หรือตำรวจนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ที่สุดเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้ก่อน
ส่วนเรื่องคดีนั้นเอาไว้พิจารณาภายหลัง แต่ถ้าเจ็บเล็กน้อยพอยอมความได้ก็ยอมเสีย
เพื่อมิให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ แต่จะต้อง พยายามขอชื่อหรือจำทะเบียนรถคันที่ชนเราไว้ให้ได้
เพราะถ้าหากผู้ขับขี่เบี้ยวเราภายหลัง เราจะได้จัดการเรียกค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย
มิฉะนั้นแล้วจะไม่รู้ว่าจะไปฟ้องร้องเขาจากใคร ที่ไหน
3. ถ้าท่านเป็นคนขับ
ถ้าท่านเป็นคนขับรถชนกัน สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ อย่าหนีเป็นอันขาด
เพราะความผิดฐานขับรถประมาทนั้น ไม่ใช่ เรื่องเจตนา ผู้กระทำผิดไม่ใช่อาชญากร
โทษก็ไม่มากมายอะไร ควรจะอยู่เพื่อต่อสู้กับความจริง มิฉะนั้นท่านจะต้องหลบหนี นานถึง 15 ปี
ถ้าท่านขับรถชนคนตาย แต่ถ้าท่านมอบตัวสู้คดี บางทีท่านก็ไม่มีความผิด
หรือมีความผิดศาลก็ปรานีลดโทษให้ ถ้าท่านเป็นคนดีมีน้ำใจ
หน้าที่ของคนขับรถเมื่อเกิดรถชนกันนั้น กฎหมายกำหนดไว้ดังนี้
ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร เช่น ขับรถชนคนก็ต้องหยุดรถ
ช่วยเหลือคนที่ถูกชน นำส่งโรงพยาบาลเท่าที่จะทำได้
ต้องไปแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที
คือต้องรีบไปแจ้งตำรวจที่ใกล้เคียงทันที แต่ต้องบอกตำรวจด้วยว่าเราเป็นคนขับรถอะไร
แจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่หมายเลขทะเบียนรถ แก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย
ถ้าผู้ขับขี่หลบหนีหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ กฎหมายให้สันนิฐานว่าเป็นผู้กระทำผิด
และตำรวจมีอำนาจยึดรถที่ขับไว้จนกว่าจะได้ตัวผู้ขับขี่หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ถ้าคนขับคนใดไม่ปฏิบัติตามข้อ ( 1), (2) และ (3) แล้วจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน
หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่ถ้าคนที่ถูกชนบาดเจ็บสาหัสหรือตาย
ต้องจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท
4. ถ้ารถท่านมีประกันท่านตัองรีบติดต่อกับบริษัทประกันของท่านทันที
เพราะบริษัทประกันเขาจะมีเจ้าหน้าที่มาตามที่เกิดเหตุ พร้อมทำแผนที่เกิดเหตุไว้พร้อมมูลเพื่อเอาไว้ต่อสู้คดี
5. ถ้ามีกล้องถ่ายรูปหรือหากล้องถ่ายรูปใกล้ที่เกิดเหตุได้ต้องรีบถ่ายรูปรถ และที่เกิดเหตุไว้ให้พร้อม
เพื่อจะได้เก็บไว้เป็นหลักฐานการต่อสู้คดีต่อไป และหากมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้ง
หรือมูลนิธิร่วมกตัญญูถ่ายภาพศพหรือที่เกิดเหตุไว้ ก็ให้ติดต่อขอภาพที่ถ่ายเก็บไว้ให้ได้
เพราะจะเป็นประโยชน์แก่รูปคดีในภายหลัง
6. ควรช่วยเหลือคนเจ็บหรือค่าทำศพของผู้เสียชีวิต
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ คนขับรถ มักไม่ค่อยเห็นประโยชน์ ของการช่วยเหลือเหล่านี้
ความจริงเมื่อเราขับรถชน คนตาย บาดเจ็บ หรือการขับรถโดยประมาทนั้น
เรามีความผิดทั้งทางกฎหมายแพ่ง และอาญา
ทางอาญา เราอาจจะต้องรับโทษติดคุกติดตะราง
ทางแพ่ง เราจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย ค่าบาดเจ็บ ค่าทำศพให้กับเขาอีก
คือติดคุกแล้วยังจะต้องเสียเงินให้กับ ฝ่ายคนเจ็บ คนตายเขาอีก ทีนี้ถ้าหากเราช่วยเหลือคนเจ็บ
หรือใช้ค่าทำศพคนตายแล้ว มีผลดียังไง ตอบได้ว่า มีผลดีมาก ยกตัวอย่าง เช่น
- เราขับรถชนคนบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ต่อมาอัยการฟ้องเราต่อศาล
เราก็แถลงต่อศาลว่าเราช่วยเหลือคนเจ็บ ส่งโรงพยาบาล ส่วนมาก ศาลจะเห็นว่า เราเป็นคนดีมีน้ำใจ
ศาลก็อาจจะรออาญาให้เราโดยไม่จำคุกเรา แต่ถ้าเราชนแล้วหนี ส่วนมาก
ศาลมักจะจำคุกเราเลย เพราะเห็นว่าเราเป็นคนแล้งน้ำใจ
- การตกลงใช้ค่าเสียหายให้คนเจ็บก็มีประโยชน์มากยกตัวอย่างเช่น
ถ้าเราไม่พยายามตกลงใช้ค่าเสียหายให้กับคนเจ็บ ตำรวจเขาจะมีระเบียบไว้ว่า
ไม่ให้คืนรถของกลางให้แก่ผู้ต้องหา จนกว่า ผู้ต้องหา จะพยายาม ตกลงกับฝ่ายผู้เสียหาย
และถ้าหาก เราชดใช้ค่าเสียหาย จ่ายค่าทำศพให้เขา คดีแพ่งก็ระงับ เพราะถือว่า
ยอมความคดีแพ่งกันแล้ว จะฟ้องเรียกค่าเสียหายเราในทางแพ่งไม่ได้อีกแล้ว
และถ้าเราถูกฟ้อง คดีอาญาต่อศาล ผู้เสียหาย จะมาแถลงต่อศาลว่า เราได้ชดใช้ค่าเสียหายให้เขาแล้ว
ส่วนมากแล้ว ศาลจะปรานีจำเลย โดยตัดสินให้รออาญาแก่จำเลย เห็นหรือยังว่า
การช่วยเหลือคนเจ็บ และการมีน้ำใจนั้นดีอย่างไร
แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมการประกันภัย
เมื่อพบเห็นเหตุการณ์หรือประสบอุบัติเหตุรถชนต้องทำอย่างไร
เราขับรถกลับบ้านกำลังจะข้ามแยกลานจอดตู้(คอนเทนเนอร์)ตรงแหลมฉบัง
เห็นอุบัติเหตุคาดว่ารถมอเตอร์ไซค์ชนกัน มีคนบาดเจ็บ 3 คน
คนหนึงกลับบ้านได้ อีกคนบาดเจ็บเล็กน้อย คนที่สามบาดเจ็บเยอะเพราะนอนยาวตลอดเลย
ช่วงที่เราติดไฟแดงยังไม่สามารถข้ามแยกได้ พบว่ารถส่วนใหญ่ทั้งรถยนต์ และมอไซค์ขับผ่านกันไปเฉยๆ ซะส่วนใหญ่
จะว่าเฉยๆ คงไม่เชิง อาจจะคิดว่า "ซวยจังเลย เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยเอง อย่างนี้ชั้นต้องระมัดระวังหน่อยแล้วละ ฯลฯ"
พอเราข้ามแยกไปจอดริมทางได้ ก็ได้วิ่งลงไปดูพบว่ามีคนขับมอไซค์ไปช่วยอยู่ 3 คนแล้ว
เราเลยถามว่าจะให้เราช่วยอะไรไหม (วันนั้นเราขับกระบะ) อาจจะช่วยส่งคนไป รพ ก็ได้ถ้ามีสิ่งของมารองให้คนบาดเจ็บนอนได้
พี่ๆ ที่นั่นบอกว่าให้รอ รถมูลนิธิ เพราะกลัวการเคลื่อนย้ายไม่ถูกต้อง เพราะไม่มีอะไรแข็งๆ แบนๆ มารองตัวคนบาดเจ็บเลย
กลัวว่าเคลื่อนย้ายไปแล้วผู้บาดเจ็บจะมีปัญหา
เพิ่มเติมนะ คนที่มาช่วยอยู่ก่อนหน้าน่ารักมากเลย ถอดเสื้อ jacket มารองหนุนศีรษะให้คนเจ็บด้วย
อีกคนก็นั่งปลอบใจคนเจ็บ อีกคนทำงานที่เดียวกันกับเราเป็น foreman ก็ติดต่อประสานงานรถมูลนิธิให้
เราเลยกลับมาที่รถ ก็นั่งนึกว่า เอ... ถ้าเราเจอเหตุการณ์เราควรทำยังไง
เราว่าถ้ามีคนช่วยอยู่แล้วมันก็ดีนะ เราก็ไม่ต้องไปเกะกะเขา
และเราก็หาเบอร์ฉุกเฉินต่างๆ เช่น โรงพัก มูลนิธิ รพ. ที่อยู่ในพื้นที่สัญจรประจำวันของเรามาเซฟไว้
เผื่อกรณีพบเห็นเหตุการณ์เราจะได้รีบแจ้งเหตุได้ทันที
และลองเสิร์ชหาดูว่าวิธีการว่าเมื่อเราพบเห็นเหตุการณ์ ควรทำอย่างไร
ก็ได้คัดข้อมูลมาจากสองแหล่ง ที่เชื่อว่าหลายท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว และบางท่านอาจจะยังไม่ทราบ ตามนี้
1.ประเมินสถานการณ์
สงบสติอารมณ์ และพยายามประเมินสถานการณ์และความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
พิจารณาผู้ที่ได้รับบาด เจ็บว่ามีกี่คนและรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นจำนวนเท่าใด
รวมถึงระบุสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุนั้นขึ้นด้วย
2.ปลอดภัยไว้ก่อน
•ต้องแน่ใจว่าคุณปลอดภัย หากคุณต้องการเตือนรถคันอื่นๆ
คุณก็ควรส่งสัญญาณให้พวกเขาบริเวณทางเท้าเท่านั้น นอกจากนั้นก็ควรสวมเสื้อผ้าที่เรืองแสงหรือสะท้อนแสง
หรือใช้ไฟกระพริบรวมทั้งสัญญาณไฟฉุกเฉิน
•ถ้าคุณประสบอุบัติเหตุขณะที่อยู่ในรถ ควรจอดรถโดยดับเครื่องยนต์ก่อนทุกครั้ง
ก่อนที่จะลงจากรถไปช่้วยผู้อื่น และใช้ hazard triangle เมื่อจำเป็น
•นอกจากนี้ คุณควรพิจารณาถึงความปลอดภัยของผู้อื่นด้วย
โดยทำให้รถที่ประสบอุบัติเหตุนั้นไม่สามารถคลื่อนที่ได้ เพื่อความปลอดภัย
รวมทั้งตรวจสอบดูว่ามีน้ำมัน หรือสารเคมีรั่วซึม หรือมีเศษแก้วหรือไม่
3.ประเมินผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
มีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนเท่าใด มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้หรือไม่
4. ติดต่อขอความช่วยเหลือ
•ติดต่อความช่วยเหลือไปยังเบอร์ศูนย์กู้ชีพต่างๆ
•ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือหากมีอันตรายจากน้ำมันรั่วไหลหรือควัน
5.ปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ
•สงบสติอารมณ์ รวบรวมสติ ให้กำลังใจผู้ป่วย
•ไม่ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพื่อให้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฐมพยาบาล
6. โทรหาศูนย์กู้ชีพ
คุณต้องแจ้งให้ทางศูนย์กู้ชีพรับทราบถึงข้อต่อไปนี้
•สถานที่ที่คุณอยู่
•เกิดอะไรขึ้น(เล่าเหตุการณ์อย่างละเอียด)
•มีผู้บาดเจ็บเท่าำไร
•แจ้งอาการของผู้ประสบอุบัติเหตุ
ทางศูนย์กู้ชีพจะบอกถึงสิ่งที่คุณต้องทำขณะที่รอรถพยาบาลที่จะมาถึง
ที่มา : BBC Health
**********************************************************
" เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนต้องทำอย่างไร "
เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน ไม่ว่าเราจะเป็นคนขับ ผู้โดยสารหรือผู้เห็นเหตุการณ์ เราควรปฎิบัติอย่างไร
1. ถ้าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์
ควรเข้าช่วยเหลือคนป่วยเจ็บตามสมควร และเราจะต้องแสดงตัวเป็นพลเมืองดี
โดยยินดีที่จะเป็นพยานในคดีให้ สมมุติว่าเราเห็นรถคันหนึ่งชนคนแล้วหนี
สิ่งที่เราควรช่วยหลือจับกุมคนที่ทำผิดได้ก็คือ พยายามจดทะเบียนรถ ชื่อยี่ห้อ
สีรถที่ชนไว้ได้แล้วรีบแจ้งให้ตำรวจทราบเพื่อติดตามจับกุมต่อไป
มีพลเมืองดีบางท่านถึงกับขับรถตามจับคนขับ ที่ชน คนแล้วหนีได้
คนประเภทนี้ควรได้รับการยกย่องว่าเป็นคนดีมีประโยชน์ต่อสังคม
2. ถ้าท่านเป็นคนเจ็บเพราะรถชน
ท่านจะต้องปฏิบัติเช่นเดียกับข้อ 1. สิ่งแรกคือท่านจะต้องขอร้องให้คนอื่น
หรือตำรวจนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ที่สุดเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้ก่อน
ส่วนเรื่องคดีนั้นเอาไว้พิจารณาภายหลัง แต่ถ้าเจ็บเล็กน้อยพอยอมความได้ก็ยอมเสีย
เพื่อมิให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ แต่จะต้อง พยายามขอชื่อหรือจำทะเบียนรถคันที่ชนเราไว้ให้ได้
เพราะถ้าหากผู้ขับขี่เบี้ยวเราภายหลัง เราจะได้จัดการเรียกค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย
มิฉะนั้นแล้วจะไม่รู้ว่าจะไปฟ้องร้องเขาจากใคร ที่ไหน
3. ถ้าท่านเป็นคนขับ
ถ้าท่านเป็นคนขับรถชนกัน สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ อย่าหนีเป็นอันขาด
เพราะความผิดฐานขับรถประมาทนั้น ไม่ใช่ เรื่องเจตนา ผู้กระทำผิดไม่ใช่อาชญากร
โทษก็ไม่มากมายอะไร ควรจะอยู่เพื่อต่อสู้กับความจริง มิฉะนั้นท่านจะต้องหลบหนี นานถึง 15 ปี
ถ้าท่านขับรถชนคนตาย แต่ถ้าท่านมอบตัวสู้คดี บางทีท่านก็ไม่มีความผิด
หรือมีความผิดศาลก็ปรานีลดโทษให้ ถ้าท่านเป็นคนดีมีน้ำใจ
หน้าที่ของคนขับรถเมื่อเกิดรถชนกันนั้น กฎหมายกำหนดไว้ดังนี้
ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร เช่น ขับรถชนคนก็ต้องหยุดรถ
ช่วยเหลือคนที่ถูกชน นำส่งโรงพยาบาลเท่าที่จะทำได้
ต้องไปแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที
คือต้องรีบไปแจ้งตำรวจที่ใกล้เคียงทันที แต่ต้องบอกตำรวจด้วยว่าเราเป็นคนขับรถอะไร
แจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่หมายเลขทะเบียนรถ แก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย
ถ้าผู้ขับขี่หลบหนีหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ กฎหมายให้สันนิฐานว่าเป็นผู้กระทำผิด
และตำรวจมีอำนาจยึดรถที่ขับไว้จนกว่าจะได้ตัวผู้ขับขี่หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ถ้าคนขับคนใดไม่ปฏิบัติตามข้อ ( 1), (2) และ (3) แล้วจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน
หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่ถ้าคนที่ถูกชนบาดเจ็บสาหัสหรือตาย
ต้องจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท
4. ถ้ารถท่านมีประกันท่านตัองรีบติดต่อกับบริษัทประกันของท่านทันที
เพราะบริษัทประกันเขาจะมีเจ้าหน้าที่มาตามที่เกิดเหตุ พร้อมทำแผนที่เกิดเหตุไว้พร้อมมูลเพื่อเอาไว้ต่อสู้คดี
5. ถ้ามีกล้องถ่ายรูปหรือหากล้องถ่ายรูปใกล้ที่เกิดเหตุได้ต้องรีบถ่ายรูปรถ และที่เกิดเหตุไว้ให้พร้อม
เพื่อจะได้เก็บไว้เป็นหลักฐานการต่อสู้คดีต่อไป และหากมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้ง
หรือมูลนิธิร่วมกตัญญูถ่ายภาพศพหรือที่เกิดเหตุไว้ ก็ให้ติดต่อขอภาพที่ถ่ายเก็บไว้ให้ได้
เพราะจะเป็นประโยชน์แก่รูปคดีในภายหลัง
6. ควรช่วยเหลือคนเจ็บหรือค่าทำศพของผู้เสียชีวิต
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ คนขับรถ มักไม่ค่อยเห็นประโยชน์ ของการช่วยเหลือเหล่านี้
ความจริงเมื่อเราขับรถชน คนตาย บาดเจ็บ หรือการขับรถโดยประมาทนั้น
เรามีความผิดทั้งทางกฎหมายแพ่ง และอาญา
ทางอาญา เราอาจจะต้องรับโทษติดคุกติดตะราง
ทางแพ่ง เราจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย ค่าบาดเจ็บ ค่าทำศพให้กับเขาอีก
คือติดคุกแล้วยังจะต้องเสียเงินให้กับ ฝ่ายคนเจ็บ คนตายเขาอีก ทีนี้ถ้าหากเราช่วยเหลือคนเจ็บ
หรือใช้ค่าทำศพคนตายแล้ว มีผลดียังไง ตอบได้ว่า มีผลดีมาก ยกตัวอย่าง เช่น
- เราขับรถชนคนบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ต่อมาอัยการฟ้องเราต่อศาล
เราก็แถลงต่อศาลว่าเราช่วยเหลือคนเจ็บ ส่งโรงพยาบาล ส่วนมาก ศาลจะเห็นว่า เราเป็นคนดีมีน้ำใจ
ศาลก็อาจจะรออาญาให้เราโดยไม่จำคุกเรา แต่ถ้าเราชนแล้วหนี ส่วนมาก
ศาลมักจะจำคุกเราเลย เพราะเห็นว่าเราเป็นคนแล้งน้ำใจ
- การตกลงใช้ค่าเสียหายให้คนเจ็บก็มีประโยชน์มากยกตัวอย่างเช่น
ถ้าเราไม่พยายามตกลงใช้ค่าเสียหายให้กับคนเจ็บ ตำรวจเขาจะมีระเบียบไว้ว่า
ไม่ให้คืนรถของกลางให้แก่ผู้ต้องหา จนกว่า ผู้ต้องหา จะพยายาม ตกลงกับฝ่ายผู้เสียหาย
และถ้าหาก เราชดใช้ค่าเสียหาย จ่ายค่าทำศพให้เขา คดีแพ่งก็ระงับ เพราะถือว่า
ยอมความคดีแพ่งกันแล้ว จะฟ้องเรียกค่าเสียหายเราในทางแพ่งไม่ได้อีกแล้ว
และถ้าเราถูกฟ้อง คดีอาญาต่อศาล ผู้เสียหาย จะมาแถลงต่อศาลว่า เราได้ชดใช้ค่าเสียหายให้เขาแล้ว
ส่วนมากแล้ว ศาลจะปรานีจำเลย โดยตัดสินให้รออาญาแก่จำเลย เห็นหรือยังว่า
การช่วยเหลือคนเจ็บ และการมีน้ำใจนั้นดีอย่างไร
แหล่งที่มาของข้อมูล : กรมการประกันภัย