สวัสดีครับ วันนี้กลับมากระทู้ SR อีกแล้ว วันนี้จะพาเพื่อนไปพัก resort ใกล้ๆกรุงเทพ แถวพัทยานี่เอง หลังจากนี้จะขอปรับเปลี่ยนรูปแบบการ นำเสนอ โดยจะทำภาพเปิดเป็นรูปแบบ Magazine และมีรูป hilight เป็นภาพเปิดอีกทีครับ โดยในแต่ละ review ผมจะสอดแทรกเทคนิคในการถ่ายรูปเล็กๆน้อยๆลงไปด้วย ชอบไม่ชอบอย่างไรแนะนำติชมได้ตามสบายเลย
คราวนี้ได้รับเชิญให้ไปพักที่ Sugar Hut Resort and Restaurant ที่พัทยา ก่อนไปก้อหาข้อมูลสักนิด เห็นว่าโรงแรมนี้เป็นโรงแรมเก่า ตั้งแต่สมัยปี 1984 โน่นแหน่ะ แถมเป็นโรงแรมในเชิงอนุรักษ์บรรยากาศไทยๆซะด้วยสิ ก้อหวั่นๆเล็กน้อยว่าโรงแรมเก่าจะเป็นยังไงหนอ แต่ขอบอกว่า ช่วงเวลา 2วัน 1 คืน มีแต่ความประทับใจไม่รู้ลืม ไม่รู้สึกเลยว่าโรงแรมเก่าสักนิดเลยครับ
Chapter1 Welcome
จากหน้าถนนใหญ่ เจอป้าย Sugar Hut เลี้ยวเข้ามาใน resort เหมือนกับหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกที่แตกต่าง ทิ้งแสงสี และความวุ่นวายของตัวเมืองพัทยาไว้ข้างนอก หลังจากจอดรถเสร็จ จะเห็นป้าย Sugar Hut Restaurant อย่างชัดเจน เนื่องจากที่นี่นอกจากเปิดเป็น resort แล้วยังเปิดเป็นร้านอาหารให้คนข้างนอกเข้ามาใช้บริการอีกด้วย
หลังจากเดินเข้าไปที่ front ด้านซ้ายแล้ว พนักงานก้อพามานั่งรอที่ Sala Pavillion หลังนี้ เพื่อรอห้องพักครับ
เรือนหลังนี้ทำเป็นที่ให้นั่งพัก นั่งอ่านหนังสือเล่น พร้อมกับมี Wifi ให้ใช้บริการฟรีครับ
นั่งรออยู่สักพัก พนักงานก้อนำ welcome drink มาเสริฟให้ เป็นน้ำตะไคร้หอมชื่นใจครับ
พอเหลือบไปดูอีก เย้ยยยยย ยังไม่พอครับ มีนี่มี เรียกว่าอะไรดี Welcome Snack เหรอ นี่กะจะให้อิ่มกันเลยใช่ไหม เป็นอาหารทานเล็กจัดมาพอดีคำน่ารักๆ 5 อย่างครับ มีน้ำพริก ห่อหมก เปาะเปี๊ยะทอด ไก่ห่อใบเตย และเมี่ยงคำ
Chapter2 First Impression
เมื่ออิ่มหมีพีมันแล้ว พนักงานก้อมาพาไปยังห้องพักล่ะครับ เดินเข้ามาเจอเรือนห้องอาหาร เป็นเรือนไทยยกไต้ถุนสูงครับ เดี๋ยวเวลาอาหารเราค่อยมาเยี่ยมชมกันนะ
สิ่งต่อมาที่เห็นก้อคือ สระน้ำขนาดใหญ่ สวยงาม ซึ่งสระนี้มีบริการให้คนนอกเข้ามาใช้บริการว่ายน้ำได้ด้วยครับ
รอบๆสระน้ำจะเห็นเรือนไทยกระจายกันไป นี่คือห้องพักนั่นเอง
เดินไปตามทางเรื่อยๆ บรรยากาศเขียวชะอุ่ม ดูเงียบสงบจนแทบจะลืมไปเลยนะเนี่ย ว่าผมกำลังอยู่ที่พัทยา
เดินเพลินๆสักพักก้อมาถึงห้องพักของผมล่ะ
Chapter3 The Room
ห้องพักของลูกค้าแต่ละท่าน จะได้เป็นบ้านทรงไทยยกไต้ถุนสูงไปเลย 1 หลังครับ แต่ละหลังแยกออกจากกัน เป็นส่วนตัวดี ห้องที่ผมได้พักเป็นห้องแบบ One Bedroom ประตูทางเข้าจะเป็นประตูไม้แบบไทยๆ แถมมีที่ล๊อคแบบโบราณๆแขวนไว้ด้วย (ไม่รู้ใช้ยังไงเหมือนกัน แหะ แหะ) อ้อ ห้องที่ผมพักอยู่ในทำเลที่ดีมากเลย คืออยู่ข้างๆสระว่ายน้ำเลยครับ
จะเข้าไปล่ะนะคร๊าบบบบบ แอ๊ดดดดดดดดดดด (เสียงเปิดประตู)
อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า โรงแรมนี้เน้นความเป็นไทย ก่อนขึ้นบันไดก้อจะทำเลียนแบบบ้านไทยในสมัยโบราณ คือมีอ่างน้ำไว้ล้างเท้าก่อนขึ้นบ้าน แต่คงไม่มีใครล้างจริงๆมั๊ง (นะ)
ตัวเรือนไทยเป็นแบบยกไต้ถุนสูง ก้อต้องเดินขึ้นบันไดไป
เรือนที่พักจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนนั่งเล่นกลางแจ้ง จะเป็นลานขนาดกระทัดรัด มีโต๊ะนั่งเล่นให้ 1 ชุดครับ และแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น และห้องนอน(+ห้องน้ำ) ตามลำดับ
มาดูห้องนั่งเล่นกันก่อน ข้างในก้อมีโซฟา (นอนสบายมาก ขอบอก พร้อมหมอนอิงให้กอดสบาย) TV ตู้เย็น ที่สำคัญ มีตู้แช่ไวน์ไว้บริการด้วยครับ
มองออกไปนอกหน้าต่างกันนิด มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำเลย วิวดีมาก
กลับมาที่ห้องนอนกันครับ เปิดออกมาจะสะดุดตากับเตียงนอนขนาดใหญ่ที่จัดไว้อย่างสวยงาม
หลังคาห้องนอนจะเป็นแบบ สูงๆโล่งๆเลยครับ นอนแล้วสบายมาก ไม่อึดอัด
ดอกลีลาวดีที่ประดับไว้ตรงที่นอน
ตรงหัวนอนจะมีหนังสือข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในพัทยาให้อ่าน
มาดูห้องน้ำกันบ้าง กว้างใหญ่ดีครับ เปิดออกมาจะเจอตู้เสื้อผ้าแบบเปิดโล่ง
เค้าเตอร์
ที่นี่เค้าเน้นบรรยากาศแบบไทยๆ ไม่เว้นแต่สิ่งเล็กๆน้อยๆ เครื่องอาบน้ำมีน้ำอบให้ด้วย
ที่อาบน้ำ จะเห็นว่า มีขันกะตุ่มเตรียมไว้ให้ด้วย ย้อนยุคกันสุดๆ
พอตกเย็น จะมีเจ้าหน้าที่มากางมุ้ง และปิดหน้าต่างให้ถึงห้องเลยครับ
ถ้าใครยังอยากบิวท์อารมณ์เพิ่ม ดูตรงชั้นตู้เสื้อผ้าเลยครับ ทาง resort เค้ามีเสื้อผ้าลำลองแบบไทยๆให้ใส่ ทั้งชายและหญิง
ไม่รู้จะ review ยังไง แขวนแล้วถ่ายก้อไม่สวย เลยต้องยอมเปลืองตัวมาเป็นนายแบบจำเป็น แต่ไม่ให้เห็นหน้านะ อิอิ
Chapter4 Walk Around
จัดแจงเก็บข้าวของกันเสร็จแล้วใช่ไหมครับ ตามมา ไปเดินเล่นรอบ resort กันครับ ที่นี่ ประกอบด้วยเรือนพักประมาณ 22 หลัง กระจายรอบพื้นที่อันกว้างใหญ่ มีสระว่ายน้ำ 3 สระ ซึ่งสระแรกคนภายนอกสามารถเข้ามาใช้บริการได้ แต่สระที่ 2 และ 3 สงวนไว้ให้แขกที่มาพักเท่านั้นครับ ลองดูภาพ resort จากบนฟ้ากัน (ภาพจาก google earth)
ทางเดินที่นี่จะขนาบข้างไปด้วยต้นไม้สูงสองข้างทาง มีรูปปั้นสมัยโบราณอยู่ ประปราย
บ่อปลาคาร์ฟ
ทางเดินบาง area จะทำน้ำตกเล็กๆ และมีร่องน้ำไปตามข้างทาง ทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา ฟังแล้วรื่นหูดีครับ
บรรยากาศริมสระน้ำ มีโต๊ะกับเก้าอี้ในสระ ให้นั่งดื่ม soft drink สบายอารมณ์ในน้ำด้วยครับ
ข้างๆสระน้ำทั้ง 3 สระ จะมีห้องซาวน่า และห้องอบไอน้ำให้ใช้บริการด้วยครับ ผมลองเข้าไปนั่งในห้องไอน้ำสักพัก อยู่ไม่ไหวอ่ะ ไม่สันทัดจริงๆ
ถ้าจะออกไปเที่ยวข้างนอก ไปต่อรถสองแถว ทาง resort มีรถกอล์ฟไว้บริการออกไปส่งหน้าถนนใหญ่ครับ
จำได้ว่าตอนเข้ามา เห็นป้ายแปลกๆ เลยออกไปดูสักหน่อย เป็นป้ายระวังนกยูงนั่นเองครับ
ที่นี่มีเลี้ยงนกยูงไว้ด้วย และปล่อยมันเดินอย่างอิสระ ถ้าโชคดีจะเห็นมันรำแพนหางด้วย เสียดายผมไม่เห็น นั่งชิวๆอยู่ริมสระ บางทีจะเห็นนกยูงออกมาเดินเล่นแบบ เดินผ่านข้างๆตัวเลย
Part5 Twilight Time
มาถึงไฮไลท์ของ review ชุดนี้ล่ะครับ พร้อมเทคนิคในการถ่ายภาพเล็กๆน้อยๆ
การถ่ายรูป review resort ที่พัก หรือใช้ในเชิง commercial ส่วนใหญ่จะนิยมถ่ายกันในช่วงที่เรียกว่า Twilight Time
เพราะช่วงนี้ ภาพที่ได้จะมีความสวยงาม ท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้าสวยๆเหมือนในรูป พร้อมด้วยแสงจากแสงไฟที่เริ่มเปิด จะทำให้ที่พักดูสวยงามมาก โดยเฉพาะที่ Sugar Hut นี้ มีการตกแต่งไฟไว้อย่างสวยงาม ยิ่งทำให้บรรยากาศดูสวยงามมาก
แล้ว Twilight Time คือช่วงไหน คือช่วงเวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และ ครึ่งชั่วโมงหลังพระอาทิตย์ตก ครับ สองช่วงเวลานี้ เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาทองของการถ่ายรูปเลยทีเดียว
แน่นอนว่า พอช่วงเวลาดังกล่าวมาถึง จะมีเวลาให้เราถ่ายรูปได้อีกเพียงประมาณ 15 -20 นาทีเท่านั้น ก่อนฟ้าจะสว่าง หรือมืดสนิทเต็มที่
[SR] Sugar Hut Resort บรรยากาศไทยๆท่ามกลางแสงสีแห่งพัทยา
คราวนี้ได้รับเชิญให้ไปพักที่ Sugar Hut Resort and Restaurant ที่พัทยา ก่อนไปก้อหาข้อมูลสักนิด เห็นว่าโรงแรมนี้เป็นโรงแรมเก่า ตั้งแต่สมัยปี 1984 โน่นแหน่ะ แถมเป็นโรงแรมในเชิงอนุรักษ์บรรยากาศไทยๆซะด้วยสิ ก้อหวั่นๆเล็กน้อยว่าโรงแรมเก่าจะเป็นยังไงหนอ แต่ขอบอกว่า ช่วงเวลา 2วัน 1 คืน มีแต่ความประทับใจไม่รู้ลืม ไม่รู้สึกเลยว่าโรงแรมเก่าสักนิดเลยครับ
Chapter1 Welcome
จากหน้าถนนใหญ่ เจอป้าย Sugar Hut เลี้ยวเข้ามาใน resort เหมือนกับหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกที่แตกต่าง ทิ้งแสงสี และความวุ่นวายของตัวเมืองพัทยาไว้ข้างนอก หลังจากจอดรถเสร็จ จะเห็นป้าย Sugar Hut Restaurant อย่างชัดเจน เนื่องจากที่นี่นอกจากเปิดเป็น resort แล้วยังเปิดเป็นร้านอาหารให้คนข้างนอกเข้ามาใช้บริการอีกด้วย
หลังจากเดินเข้าไปที่ front ด้านซ้ายแล้ว พนักงานก้อพามานั่งรอที่ Sala Pavillion หลังนี้ เพื่อรอห้องพักครับ
เรือนหลังนี้ทำเป็นที่ให้นั่งพัก นั่งอ่านหนังสือเล่น พร้อมกับมี Wifi ให้ใช้บริการฟรีครับ
นั่งรออยู่สักพัก พนักงานก้อนำ welcome drink มาเสริฟให้ เป็นน้ำตะไคร้หอมชื่นใจครับ
พอเหลือบไปดูอีก เย้ยยยยย ยังไม่พอครับ มีนี่มี เรียกว่าอะไรดี Welcome Snack เหรอ นี่กะจะให้อิ่มกันเลยใช่ไหม เป็นอาหารทานเล็กจัดมาพอดีคำน่ารักๆ 5 อย่างครับ มีน้ำพริก ห่อหมก เปาะเปี๊ยะทอด ไก่ห่อใบเตย และเมี่ยงคำ
Chapter2 First Impression
เมื่ออิ่มหมีพีมันแล้ว พนักงานก้อมาพาไปยังห้องพักล่ะครับ เดินเข้ามาเจอเรือนห้องอาหาร เป็นเรือนไทยยกไต้ถุนสูงครับ เดี๋ยวเวลาอาหารเราค่อยมาเยี่ยมชมกันนะ
สิ่งต่อมาที่เห็นก้อคือ สระน้ำขนาดใหญ่ สวยงาม ซึ่งสระนี้มีบริการให้คนนอกเข้ามาใช้บริการว่ายน้ำได้ด้วยครับ
รอบๆสระน้ำจะเห็นเรือนไทยกระจายกันไป นี่คือห้องพักนั่นเอง
เดินไปตามทางเรื่อยๆ บรรยากาศเขียวชะอุ่ม ดูเงียบสงบจนแทบจะลืมไปเลยนะเนี่ย ว่าผมกำลังอยู่ที่พัทยา
เดินเพลินๆสักพักก้อมาถึงห้องพักของผมล่ะ
Chapter3 The Room
ห้องพักของลูกค้าแต่ละท่าน จะได้เป็นบ้านทรงไทยยกไต้ถุนสูงไปเลย 1 หลังครับ แต่ละหลังแยกออกจากกัน เป็นส่วนตัวดี ห้องที่ผมได้พักเป็นห้องแบบ One Bedroom ประตูทางเข้าจะเป็นประตูไม้แบบไทยๆ แถมมีที่ล๊อคแบบโบราณๆแขวนไว้ด้วย (ไม่รู้ใช้ยังไงเหมือนกัน แหะ แหะ) อ้อ ห้องที่ผมพักอยู่ในทำเลที่ดีมากเลย คืออยู่ข้างๆสระว่ายน้ำเลยครับ
จะเข้าไปล่ะนะคร๊าบบบบบ แอ๊ดดดดดดดดดดด (เสียงเปิดประตู)
อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า โรงแรมนี้เน้นความเป็นไทย ก่อนขึ้นบันไดก้อจะทำเลียนแบบบ้านไทยในสมัยโบราณ คือมีอ่างน้ำไว้ล้างเท้าก่อนขึ้นบ้าน แต่คงไม่มีใครล้างจริงๆมั๊ง (นะ)
ตัวเรือนไทยเป็นแบบยกไต้ถุนสูง ก้อต้องเดินขึ้นบันไดไป
เรือนที่พักจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนนั่งเล่นกลางแจ้ง จะเป็นลานขนาดกระทัดรัด มีโต๊ะนั่งเล่นให้ 1 ชุดครับ และแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น และห้องนอน(+ห้องน้ำ) ตามลำดับ
มาดูห้องนั่งเล่นกันก่อน ข้างในก้อมีโซฟา (นอนสบายมาก ขอบอก พร้อมหมอนอิงให้กอดสบาย) TV ตู้เย็น ที่สำคัญ มีตู้แช่ไวน์ไว้บริการด้วยครับ
มองออกไปนอกหน้าต่างกันนิด มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำเลย วิวดีมาก
กลับมาที่ห้องนอนกันครับ เปิดออกมาจะสะดุดตากับเตียงนอนขนาดใหญ่ที่จัดไว้อย่างสวยงาม
หลังคาห้องนอนจะเป็นแบบ สูงๆโล่งๆเลยครับ นอนแล้วสบายมาก ไม่อึดอัด
ดอกลีลาวดีที่ประดับไว้ตรงที่นอน
ตรงหัวนอนจะมีหนังสือข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในพัทยาให้อ่าน
มาดูห้องน้ำกันบ้าง กว้างใหญ่ดีครับ เปิดออกมาจะเจอตู้เสื้อผ้าแบบเปิดโล่ง
เค้าเตอร์
ที่นี่เค้าเน้นบรรยากาศแบบไทยๆ ไม่เว้นแต่สิ่งเล็กๆน้อยๆ เครื่องอาบน้ำมีน้ำอบให้ด้วย
ที่อาบน้ำ จะเห็นว่า มีขันกะตุ่มเตรียมไว้ให้ด้วย ย้อนยุคกันสุดๆ
พอตกเย็น จะมีเจ้าหน้าที่มากางมุ้ง และปิดหน้าต่างให้ถึงห้องเลยครับ
ถ้าใครยังอยากบิวท์อารมณ์เพิ่ม ดูตรงชั้นตู้เสื้อผ้าเลยครับ ทาง resort เค้ามีเสื้อผ้าลำลองแบบไทยๆให้ใส่ ทั้งชายและหญิง
ไม่รู้จะ review ยังไง แขวนแล้วถ่ายก้อไม่สวย เลยต้องยอมเปลืองตัวมาเป็นนายแบบจำเป็น แต่ไม่ให้เห็นหน้านะ อิอิ
Chapter4 Walk Around
จัดแจงเก็บข้าวของกันเสร็จแล้วใช่ไหมครับ ตามมา ไปเดินเล่นรอบ resort กันครับ ที่นี่ ประกอบด้วยเรือนพักประมาณ 22 หลัง กระจายรอบพื้นที่อันกว้างใหญ่ มีสระว่ายน้ำ 3 สระ ซึ่งสระแรกคนภายนอกสามารถเข้ามาใช้บริการได้ แต่สระที่ 2 และ 3 สงวนไว้ให้แขกที่มาพักเท่านั้นครับ ลองดูภาพ resort จากบนฟ้ากัน (ภาพจาก google earth)
ทางเดินที่นี่จะขนาบข้างไปด้วยต้นไม้สูงสองข้างทาง มีรูปปั้นสมัยโบราณอยู่ ประปราย
บ่อปลาคาร์ฟ
ทางเดินบาง area จะทำน้ำตกเล็กๆ และมีร่องน้ำไปตามข้างทาง ทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา ฟังแล้วรื่นหูดีครับ
บรรยากาศริมสระน้ำ มีโต๊ะกับเก้าอี้ในสระ ให้นั่งดื่ม soft drink สบายอารมณ์ในน้ำด้วยครับ
ข้างๆสระน้ำทั้ง 3 สระ จะมีห้องซาวน่า และห้องอบไอน้ำให้ใช้บริการด้วยครับ ผมลองเข้าไปนั่งในห้องไอน้ำสักพัก อยู่ไม่ไหวอ่ะ ไม่สันทัดจริงๆ
ถ้าจะออกไปเที่ยวข้างนอก ไปต่อรถสองแถว ทาง resort มีรถกอล์ฟไว้บริการออกไปส่งหน้าถนนใหญ่ครับ
จำได้ว่าตอนเข้ามา เห็นป้ายแปลกๆ เลยออกไปดูสักหน่อย เป็นป้ายระวังนกยูงนั่นเองครับ
ที่นี่มีเลี้ยงนกยูงไว้ด้วย และปล่อยมันเดินอย่างอิสระ ถ้าโชคดีจะเห็นมันรำแพนหางด้วย เสียดายผมไม่เห็น นั่งชิวๆอยู่ริมสระ บางทีจะเห็นนกยูงออกมาเดินเล่นแบบ เดินผ่านข้างๆตัวเลย
Part5 Twilight Time
มาถึงไฮไลท์ของ review ชุดนี้ล่ะครับ พร้อมเทคนิคในการถ่ายภาพเล็กๆน้อยๆ
การถ่ายรูป review resort ที่พัก หรือใช้ในเชิง commercial ส่วนใหญ่จะนิยมถ่ายกันในช่วงที่เรียกว่า Twilight Time
เพราะช่วงนี้ ภาพที่ได้จะมีความสวยงาม ท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้าสวยๆเหมือนในรูป พร้อมด้วยแสงจากแสงไฟที่เริ่มเปิด จะทำให้ที่พักดูสวยงามมาก โดยเฉพาะที่ Sugar Hut นี้ มีการตกแต่งไฟไว้อย่างสวยงาม ยิ่งทำให้บรรยากาศดูสวยงามมาก
แล้ว Twilight Time คือช่วงไหน คือช่วงเวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และ ครึ่งชั่วโมงหลังพระอาทิตย์ตก ครับ สองช่วงเวลานี้ เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาทองของการถ่ายรูปเลยทีเดียว
แน่นอนว่า พอช่วงเวลาดังกล่าวมาถึง จะมีเวลาให้เราถ่ายรูปได้อีกเพียงประมาณ 15 -20 นาทีเท่านั้น ก่อนฟ้าจะสว่าง หรือมืดสนิทเต็มที่