ย้ายมาจากกระทู้เดิมที่โดนป่วนหนักนะคะ
http://ppantip.com/topic/30243382 กดไปดูพฤติกรรมแดงราชดำเนินกันค่ะ
ล๊อคอิน ทองรำไร น่าจะอาวุโสที่สุดแล้วมั๊ง ที่มาป่วนกระทู้
กระทู้นี้มิได้พึ่งพาพจนานุกรมใดๆ ใช้สัญชาตญาณ และ สามัญสำนึกล้วนๆ
หลายครั้งหลายหน เราพบว่ามีการห้อยการโหนเกิดขึ้นในราชดำเนิน ลองหลับตานึกถึงตัวอย่างของการโหนที่เป็นกิริยาซักสองกิจกรรม
1. โหนกิ่งไม้ โหนชนิดนี้ ตอนเด็กๆ ก็ชอบโหน สนุกดี โหนแล้วตัวเองดูสูง มักจะโหนเพื่อยกตัวเองให้สูงขึ้นเหนือกว่าที่เป็นอยู่
2. โหนรถเมล์ โหนชนิดนี้ เหมือนเป็นการโหนเพื่อหาหลักยึด เพื่อไม่ให้ต้องซวนเซในขนะที่ต้องเดินทาง
แล้วเกี่ยวอะไรกับการเมือง เกี่ยวอะไรกับราชดำเนิน??
การโหน ที่นำมาใช้กันใน "ทางการเมือง" มักเป็นสำนวนที่หมายถึง การโหนสิ่งที่เรา (ข้าพเจ้า) เทิดทูนคือ "โหนสถาบัน"
การโหน ที่เราพบเห็นในราชดำเนิน มีทั้งการ "โหนสถาบัน และ โหนล๊อคอินผู้อื่น"
น่าแปลกใจ
ทำไมบางคนจึงต้องโหนเพื่อแสดงความเห็นในราชดำเนิน บอร์ดสาธารณะแห่งนี้ โหนเฉยๆ จะเป็นไรไป โหนเพื่ออ้างอิงให้เครดิต ยกย่อง ชื่นชม จะเป็นไรไป แต่ "โหนเพื่อด่าทอ สาดโคลน ทั้งที่ไม่ใช่คู่กรณี" แถมโหนทั้งทียังโหนผิดๆ ถูกๆ มั่วไปหมด เพียงขอให้ฉวยโอกาสนาทีทองเพื่อ
โหนสถาบัน หรือโหนล๊อคอินมาโจมตีสมาชิกราชดำเนิน
การโหนสถาบัน หรือโหนล๊อคอินมาโจมตีสมาชิก นั้นถ้าจะมองให้ลึกลงไปแล้ว ไม่ต่างกับการโหนต้นไม้ หรือโหนรถเมล์ ผู้ที่เป็นต้นไม้ หรือราวรถเมล์ ควรภาคภูมิใจว่า
เขาเลือกโหนต้นไม้ ก็เพราะเขาอยากจะสูง เขาอยากจะเหนือกว่าใครๆ (โหนสถาบันมาด่าสมาชิก ก็เพราะลำพังตัวเองนั้นไม่มีเครดิตพอที่จะโจมตีใคร จึงเลือกใช้วิธีที่จะทำให้ตัวเองดูสูงส่ง ดูเหนือกว่าคนอื่น)
เขาเลือกโหนรถเมล์ ก็เพราะเขาต้องการหลักยึด ไม่ให้ซวนเซ (โหนล๊อคอิน ก็เพราะลำพังตัวเองนั้น ขาดหลักยึด ซวนเซ เรรวน ไร้แก่น ไร้เครดิต)
สรุปว่า หลายครั้งที่เราโดนโหนนั้น ลองวิเคราะห์ลงลึกให้ดีแล้วก็ต้องอมยิ้ม กลายเป็นความภาคภูมิใจที่เราจะขยับตัวทำอะไร ก็จะมีคนฉวยโอกาส นาทีทอง เร่งรีบ
โหนสถาบันมาด่าเรา ทั้งที่สิ่งนี้ "พวกเขา" เกลียดกันนักหนาเวลานักการเมืองโหนสถาบันมาด่าฝั่งที่เขาเชียร์ แต่เมื่อเขาใช้วิธีนี้บ้าง ทำไมการโหนของเขาจึงดูตรรกะแนวคิดพิกลพิการ หรือ
โหนล๊อคอินเราเพื่อมาด่าทอสาดโคลน หรือสร้างความน่าเชื่อถือ อวดบารมี สะกดจิตสาวก
ยิ่งเร่งรีบ ลุกลี้ลุกลน เขาจะก็จะยิ่งพลาดพลั้งผิดๆ ถูกๆ บ้างก็รีบเอาไปตีกินจนหยิบยกไปโหนอย่างไม่ครบถ้วน บางครั้งเราจะไปสอนสั่ง ชี้แจงให้ตาสว่างกันก็คงเสียเวลามากเกิน เพราะ เหยื่อ propaganda นั้นเยียวยาได้ต้องใช้ทรัพยากรมากมาย ก็อะไรจะง่ายกว่าเชื่อตามกันไป หลักกาลามสูตรที่พระมหาศาสดาของเราประดิษฐ์ไว้ให้เพื่อเป็นเครื่องมือ ไม่ถูกนำมาใช้วิเคราะห์หาสาเหตุที่มาที่ไปของเรื่องราวที่ได้รับรู้ เรื่องนี้มันแสนจะเบสิค แต่มันซับซ้อนสำหรับใครหลายๆ คนที่ชอบเชื่อโดยไม่คิดวิเคาะห์ และไม่บันเทิงเท่า เรื่องเม้าท์มอย เรื่องสะกดจิต เชื่อไว้ก่อน ด่าตามน้ำไปเลย ทั้งที่ไม่รู้ที่มาที่ไป...ง่ายดี สนุกด้วย
คำเตือน...วันนี้คุณโหนใครหรือยัง ระวังต่ำต้อย ซวนเซ ขาดหลักยึด และไม่ป๊อป ถ้าไม่ได้ฉวยโอกาสโหนใคร
ปล.
1. พรุ่งนี้จะมาแสดงการห้อยโหนล๊อคอิน ในรูปแบบต่างๆ (โหนอย่างไรให้สาวกเชื่อโดยไม่ต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะ)
2. ล๊อคอินที่โดนพาดพิงเขาไม่ชอบให้หลังไมค์ไปบอกนะคะ พี่ทวดเอง
3. กระทู้นี้เป็นกระทู้บอกเล่า ก็แลกเปลี่ยนกันไปตามระดับสติปัญญา อคติ ได้เลย จขกท.ขอไปนอนต่อ ตื่นมามีนัดลูกค้า ดึกกลับมาเห็นความเห็นไหนน่าแลกเปลี่ยนก็จะแลกเปลี่ยนด้วย ปริมาณเยอะเลยต้องเลือกคุณภาพหน่อย ไม่ต้องนอยย์ ไม่ว่ากันเนอะ
****ภาษาคน (ไทย) วันนี้เสนอคำว่า "โหน" อ่านบางกระทู้แล้วนับถือตัวเองจริงๆ(2)
ล๊อคอิน ทองรำไร น่าจะอาวุโสที่สุดแล้วมั๊ง ที่มาป่วนกระทู้
กระทู้นี้มิได้พึ่งพาพจนานุกรมใดๆ ใช้สัญชาตญาณ และ สามัญสำนึกล้วนๆ
หลายครั้งหลายหน เราพบว่ามีการห้อยการโหนเกิดขึ้นในราชดำเนิน ลองหลับตานึกถึงตัวอย่างของการโหนที่เป็นกิริยาซักสองกิจกรรม
1. โหนกิ่งไม้ โหนชนิดนี้ ตอนเด็กๆ ก็ชอบโหน สนุกดี โหนแล้วตัวเองดูสูง มักจะโหนเพื่อยกตัวเองให้สูงขึ้นเหนือกว่าที่เป็นอยู่
2. โหนรถเมล์ โหนชนิดนี้ เหมือนเป็นการโหนเพื่อหาหลักยึด เพื่อไม่ให้ต้องซวนเซในขนะที่ต้องเดินทาง
แล้วเกี่ยวอะไรกับการเมือง เกี่ยวอะไรกับราชดำเนิน??
การโหน ที่นำมาใช้กันใน "ทางการเมือง" มักเป็นสำนวนที่หมายถึง การโหนสิ่งที่เรา (ข้าพเจ้า) เทิดทูนคือ "โหนสถาบัน"
การโหน ที่เราพบเห็นในราชดำเนิน มีทั้งการ "โหนสถาบัน และ โหนล๊อคอินผู้อื่น"
น่าแปลกใจ ทำไมบางคนจึงต้องโหนเพื่อแสดงความเห็นในราชดำเนิน บอร์ดสาธารณะแห่งนี้ โหนเฉยๆ จะเป็นไรไป โหนเพื่ออ้างอิงให้เครดิต ยกย่อง ชื่นชม จะเป็นไรไป แต่ "โหนเพื่อด่าทอ สาดโคลน ทั้งที่ไม่ใช่คู่กรณี" แถมโหนทั้งทียังโหนผิดๆ ถูกๆ มั่วไปหมด เพียงขอให้ฉวยโอกาสนาทีทองเพื่อ โหนสถาบัน หรือโหนล๊อคอินมาโจมตีสมาชิกราชดำเนิน
การโหนสถาบัน หรือโหนล๊อคอินมาโจมตีสมาชิก นั้นถ้าจะมองให้ลึกลงไปแล้ว ไม่ต่างกับการโหนต้นไม้ หรือโหนรถเมล์ ผู้ที่เป็นต้นไม้ หรือราวรถเมล์ ควรภาคภูมิใจว่า
เขาเลือกโหนต้นไม้ ก็เพราะเขาอยากจะสูง เขาอยากจะเหนือกว่าใครๆ (โหนสถาบันมาด่าสมาชิก ก็เพราะลำพังตัวเองนั้นไม่มีเครดิตพอที่จะโจมตีใคร จึงเลือกใช้วิธีที่จะทำให้ตัวเองดูสูงส่ง ดูเหนือกว่าคนอื่น)
เขาเลือกโหนรถเมล์ ก็เพราะเขาต้องการหลักยึด ไม่ให้ซวนเซ (โหนล๊อคอิน ก็เพราะลำพังตัวเองนั้น ขาดหลักยึด ซวนเซ เรรวน ไร้แก่น ไร้เครดิต)
สรุปว่า หลายครั้งที่เราโดนโหนนั้น ลองวิเคราะห์ลงลึกให้ดีแล้วก็ต้องอมยิ้ม กลายเป็นความภาคภูมิใจที่เราจะขยับตัวทำอะไร ก็จะมีคนฉวยโอกาส นาทีทอง เร่งรีบ
โหนสถาบันมาด่าเรา ทั้งที่สิ่งนี้ "พวกเขา" เกลียดกันนักหนาเวลานักการเมืองโหนสถาบันมาด่าฝั่งที่เขาเชียร์ แต่เมื่อเขาใช้วิธีนี้บ้าง ทำไมการโหนของเขาจึงดูตรรกะแนวคิดพิกลพิการ หรือ
โหนล๊อคอินเราเพื่อมาด่าทอสาดโคลน หรือสร้างความน่าเชื่อถือ อวดบารมี สะกดจิตสาวก
ยิ่งเร่งรีบ ลุกลี้ลุกลน เขาจะก็จะยิ่งพลาดพลั้งผิดๆ ถูกๆ บ้างก็รีบเอาไปตีกินจนหยิบยกไปโหนอย่างไม่ครบถ้วน บางครั้งเราจะไปสอนสั่ง ชี้แจงให้ตาสว่างกันก็คงเสียเวลามากเกิน เพราะ เหยื่อ propaganda นั้นเยียวยาได้ต้องใช้ทรัพยากรมากมาย ก็อะไรจะง่ายกว่าเชื่อตามกันไป หลักกาลามสูตรที่พระมหาศาสดาของเราประดิษฐ์ไว้ให้เพื่อเป็นเครื่องมือ ไม่ถูกนำมาใช้วิเคราะห์หาสาเหตุที่มาที่ไปของเรื่องราวที่ได้รับรู้ เรื่องนี้มันแสนจะเบสิค แต่มันซับซ้อนสำหรับใครหลายๆ คนที่ชอบเชื่อโดยไม่คิดวิเคาะห์ และไม่บันเทิงเท่า เรื่องเม้าท์มอย เรื่องสะกดจิต เชื่อไว้ก่อน ด่าตามน้ำไปเลย ทั้งที่ไม่รู้ที่มาที่ไป...ง่ายดี สนุกด้วย
คำเตือน...วันนี้คุณโหนใครหรือยัง ระวังต่ำต้อย ซวนเซ ขาดหลักยึด และไม่ป๊อป ถ้าไม่ได้ฉวยโอกาสโหนใคร
ปล.
1. พรุ่งนี้จะมาแสดงการห้อยโหนล๊อคอิน ในรูปแบบต่างๆ (โหนอย่างไรให้สาวกเชื่อโดยไม่ต้องคิดวิเคราะห์แยกแยะ)
2. ล๊อคอินที่โดนพาดพิงเขาไม่ชอบให้หลังไมค์ไปบอกนะคะ พี่ทวดเอง
3. กระทู้นี้เป็นกระทู้บอกเล่า ก็แลกเปลี่ยนกันไปตามระดับสติปัญญา อคติ ได้เลย จขกท.ขอไปนอนต่อ ตื่นมามีนัดลูกค้า ดึกกลับมาเห็นความเห็นไหนน่าแลกเปลี่ยนก็จะแลกเปลี่ยนด้วย ปริมาณเยอะเลยต้องเลือกคุณภาพหน่อย ไม่ต้องนอยย์ ไม่ว่ากันเนอะ