หลังจากที่ได้ไปสัมผัสธรรมชาติที่วังผาเมฆกับเพื่อนๆมาในช่วงวันหยุดระยะสั้นๆ ทำให้เกิดความประทับใจกับสถานที่ที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมากนัก ก็เลยอยากมารีวิว เพื่อให้ผู้ที่สนใจและรักการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ(แท้ๆ)และชอบการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างจะผาดโผนเล็กน้อยมาให้ได้ดูกันคะ พร้อมกับภาพถ่ายสวยงามที่ได้รับการอนุญาติยินยอม(พร้อมใจ)จากเพื่อนร่วมเดินทางมาให้ดูกันคะ
เริ่มกันที่การเดินทาง เริ่มแรกจากตัวอ.เมืองตรังสู่ อ.วังวิเศษ เป็นระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตรซึ่งก่อนไปก็มีการโทรบอกเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเพื่อนัดแนะไว้ก่อนคะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นี้ทุกคนอัธยาศัยดีมากคะ ขอบอก^^
หลังจากได้พบกับพี่ๆเข้าหน้าที่ ที่รอต้อนรับ ต่อจากนั้นพี่ๆเจ้าหน้าที่ก็ได้พาไปสำรวจสถานที่ที่จะกางเต้นท์เพื่อนอนดูดาวกันคืนนี้ อ่อ ลืมไป ที่นี้ไม่มีไฟฟ้าใช้นะคะ ดังนั้นเราจึ้งต้องเตรียมไฟฉายและชาร์ตแบตโทรศัพท์มาอย่างดี
และเมื่อเราจัดการเรื่องแหล่งหลับนอนเสร็จ เราก็ได้ไปถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศที่สวยงามรอบๆหุบเขาที่เราอยู่
กว่าเราจะเก็บภาพบรรยากาศอิ่มเต็มพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดิน พวกเราก็เลยเริ่มกลับลงมาหุงข้าวด้วยเตาแก๊สและนำมะละกอที่เก็บจากบริเวณนั้นมาทำกับข้าวกินกัน ซึ่งที่นี้ก็มีห้องครัวที่ให้นักท่องเที่ยวได้หุงหาอาหารกินกันโดยมีข้าวสารอาหารแห้งเตรียมไว้ให้ส่วนนึง พร้อมบริการจากพี่ๆเจ้าหน้าที่หากต้องการ ซึ่งกว่าเราจะกินข้าวกันเสร็จก็ค่ำพอดี และบรรยากาศตอนนั้นมืด ไม่เห็นแสงไฟใดๆเลยยกเว้นแสงจากเทียนอันน้อยนิด
และพวกเราก็ช่วยกันนำทางไปอาบน้ำซึ่งมีห้องอาบน้ำให้ทั้งหมด 4 ห้อง โดยเป็นการอาบน้ำใต้แสงเทียน ที่สลัวๆ ซึ่งก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนึงเช่นกัน
ซึ่งเมื่อเสร็จภารกิจทุกอย่างแล้ว เราก็มานั่งดูดาว ดื่มด่ำธรรมชาติ พร้อมกับฮูคูเลเล่ ตัวน้อยที่เตรียมมาเพื่อร้องเพลงล้อมวงกันท่ามกลางบรรยากาศอย่างนี้โดยเฉพาะ ต่อจากนั้นเราก็มีเซอร์ไพร์ วันเกิดให้เพื่อนร่วมทริปของเราเล็กๆน้อยๆ ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปนอนพร้อมเดินทางตอน ตี 4.30 น. ของวันพรุ่งนี้และเก็บแรงไว้เพราะพี่ๆเจ้าหน้าที่ก็แอบกระซิบมาว่าการเดินทางขึ้นไปดูทะเลหมอดนั้นต้องใช้พลังงานนิดนึง ฮิๆ
เริ่มเดินทางสู่จุดชมทะเลหมอกบนเขาชัน
เมื่อเวลาตี4 มาถึง พวกเราก็ต่างตื่นกันมากินขนมเล็กๆน้อยๆเพื่อเก็บกักตุนพลังงาน และ ล้างหน้าแปรงฟัน พร้อมเดินทาง เฮ้
เมื่อเริ่มเดินทางมาได้ประมาณ 1/5 ของเส้นทาง ก็เริ่มคิดว่า ที่ว่ากันว่าสูงชันและต้องปีนป่ายนั้นเริ่มไม่ง่ายซะแล้ว เพราะมันเป็นเขาที่ชันและเหนื่อยๆจริงๆ(สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอย่างเรานะ) แต่ด้วยกำลังใจจากเพื่อนๆและพี่ๆเจ้าหน้า เราก็ต้องเดินต่อไปเพื่อจุดสูงสุดให้ได้
[CR] วังผาเฆม อ.วังวิเศษ จ.ตรัง
เริ่มกันที่การเดินทาง เริ่มแรกจากตัวอ.เมืองตรังสู่ อ.วังวิเศษ เป็นระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตรซึ่งก่อนไปก็มีการโทรบอกเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเพื่อนัดแนะไว้ก่อนคะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นี้ทุกคนอัธยาศัยดีมากคะ ขอบอก^^
หลังจากได้พบกับพี่ๆเข้าหน้าที่ ที่รอต้อนรับ ต่อจากนั้นพี่ๆเจ้าหน้าที่ก็ได้พาไปสำรวจสถานที่ที่จะกางเต้นท์เพื่อนอนดูดาวกันคืนนี้ อ่อ ลืมไป ที่นี้ไม่มีไฟฟ้าใช้นะคะ ดังนั้นเราจึ้งต้องเตรียมไฟฉายและชาร์ตแบตโทรศัพท์มาอย่างดี
และเมื่อเราจัดการเรื่องแหล่งหลับนอนเสร็จ เราก็ได้ไปถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศที่สวยงามรอบๆหุบเขาที่เราอยู่
กว่าเราจะเก็บภาพบรรยากาศอิ่มเต็มพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดิน พวกเราก็เลยเริ่มกลับลงมาหุงข้าวด้วยเตาแก๊สและนำมะละกอที่เก็บจากบริเวณนั้นมาทำกับข้าวกินกัน ซึ่งที่นี้ก็มีห้องครัวที่ให้นักท่องเที่ยวได้หุงหาอาหารกินกันโดยมีข้าวสารอาหารแห้งเตรียมไว้ให้ส่วนนึง พร้อมบริการจากพี่ๆเจ้าหน้าที่หากต้องการ ซึ่งกว่าเราจะกินข้าวกันเสร็จก็ค่ำพอดี และบรรยากาศตอนนั้นมืด ไม่เห็นแสงไฟใดๆเลยยกเว้นแสงจากเทียนอันน้อยนิด
และพวกเราก็ช่วยกันนำทางไปอาบน้ำซึ่งมีห้องอาบน้ำให้ทั้งหมด 4 ห้อง โดยเป็นการอาบน้ำใต้แสงเทียน ที่สลัวๆ ซึ่งก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนึงเช่นกัน
ซึ่งเมื่อเสร็จภารกิจทุกอย่างแล้ว เราก็มานั่งดูดาว ดื่มด่ำธรรมชาติ พร้อมกับฮูคูเลเล่ ตัวน้อยที่เตรียมมาเพื่อร้องเพลงล้อมวงกันท่ามกลางบรรยากาศอย่างนี้โดยเฉพาะ ต่อจากนั้นเราก็มีเซอร์ไพร์ วันเกิดให้เพื่อนร่วมทริปของเราเล็กๆน้อยๆ ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปนอนพร้อมเดินทางตอน ตี 4.30 น. ของวันพรุ่งนี้และเก็บแรงไว้เพราะพี่ๆเจ้าหน้าที่ก็แอบกระซิบมาว่าการเดินทางขึ้นไปดูทะเลหมอดนั้นต้องใช้พลังงานนิดนึง ฮิๆ
เริ่มเดินทางสู่จุดชมทะเลหมอกบนเขาชัน
เมื่อเวลาตี4 มาถึง พวกเราก็ต่างตื่นกันมากินขนมเล็กๆน้อยๆเพื่อเก็บกักตุนพลังงาน และ ล้างหน้าแปรงฟัน พร้อมเดินทาง เฮ้
เมื่อเริ่มเดินทางมาได้ประมาณ 1/5 ของเส้นทาง ก็เริ่มคิดว่า ที่ว่ากันว่าสูงชันและต้องปีนป่ายนั้นเริ่มไม่ง่ายซะแล้ว เพราะมันเป็นเขาที่ชันและเหนื่อยๆจริงๆ(สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอย่างเรานะ) แต่ด้วยกำลังใจจากเพื่อนๆและพี่ๆเจ้าหน้า เราก็ต้องเดินต่อไปเพื่อจุดสูงสุดให้ได้