เที่ยวแทนแม่ >> ทริปสามเหลี่ยมแตก: โครเอเชีย มอนเตเนโกร และบอสเนีย
ฉัน: “มิ้นท์จะไปโครเอเชียนะ อาจจะวนไปที่บอสเนียกับมอนเตเนโกรด้วย”
แม่: “ไปกับใคร นี่อย่าบอกนะว่าจะไปคนเดียว”
ฉัน: “ไปคนเดียวนี่แหละ ไม่มีใครไปด้วยนี่”
แม่: “นี่เดี๋ยวชั้นต้องสวดมนต์ให้เยอะขึ้นอีกหล่ะสิ แกนี่ตลอด”
ฉัน: “แหมะ จุ๊บๆนะ”
เป็นอันว่าทริปก็เกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้.
ขอเรียกมันว่าทริปสามเหลี่ยม
ขอเท้าความเสียหน่อยถึงที่มาที่ไปของทริปนี้ ทริปนี้เกิดขึ้นได้เพราะเพื่อนชาวสเปน หนุ่มคนนี้ชื่อฆอร์เฆ่ เราแชร์ห้องพักอยู่ด้วยกันเมื่อสมัยที่ฉันอยู่มาดริด ด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยวทั้งคู่ หัวข้อที่พวกเรามักจะคุยกันก็ไม่พ้นเรื่องที่เที่ยว ฉันบอกเขาว่าฉันตั้งใจจะไปโครเอเชียกับมอนเตเนโกรแต่ยังลังเลเรื่องบอสเนีย เขาว่าเขาไปบอสเนียมาแล้ว เขาชอบมาก
“คนน่ารัก” เขาว่า
“อาจจะดูขรึมๆโหดๆ แต่ไม่มีอะไรน่าห่วง”
ฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะก็รู้มาบ้างว่าประเทศที่อยู่ในบทสนทนาพึ่งจะผ่านสงครามมาได้ไม่ถึงยี่สิบปีดีี คนจะมาลัลล้ายิ้มร่าก็คงไม่ใช่
“ที่บอสเนียเนี่ยตึกรามบ้านช่องยังมีรอยกระสุนอยู่เลย” ฆอร์เฆ่เล่าต่อ
พอฟังถึงรอยกระสุน ตัดสินใจเลยว่าต้องไปบอสเนีย ต้องไป ต้องไป บอสเนียเลยเข้ามาอยู่ในการเดินทางครั้งนี้แบบสบายๆ สรุปแผนง่ายๆ ก็คือ จะเที่ยวเป็นสามเหลี่ยม เริ่มที่ดูบรอฟนิก กลับจากดูบรอฟนิก ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายสามเหลี่ยมจะแตก...
ตอนนั้นพยายามหาคนไปด้วยอยู่พักนึง แต่ก็ไม่มี เลย เอ้า! ไปคนเดียวก็ได้ พอตัดสินใจได้ปุ๊บก็รีบหาตั๋วจากกรุงมาดริดไปลงที่ดูบรอฟนิกแบบกระทันหัน เห็นตั๋วถูก แล้วก็ไม่ตรงกับทริปที่จะไปแอฟริกาก็เลย
จอง!
จองตั๋วไม่มีสติ คิดจนตัว(เกือบ)ตาย
เวลาจองตั๋วให้มีสตินิดนึง วางแผนบ้าง ประมาณตนบ้าง อย่าทำแบบฉันที่ตื่นขึ้นมาปุ๊บ หาตั๋ว เน้นที่มันถูกๆ แล้วจองปั๊บแบบไม่ลังเล กระบวนการประเภทใจเร็วด่วนได้มักจะส่งผลเสียต่อชีวิตการเดินทาง เพราะกลายเป็นว่าฉันต้องเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางหลังจากกลับมาจากแอฟริกาเพียง 1 อาทิตย์ ฉันมานั่งไล่ดูว่ายังขาดอะไรบ้างสำหรับทริปสามเหลี่ยมนี้
เมืองที่จะไป เพราะตัดสินใจแค่ประเทศ
ที่พัก
ข้อมูลการเดินทางไปมาระหว่างประเทศ
นี่ฉันมีก็แค่ตั๋วเครื่องบิน!
เท่านั้นไม่พอ ทริปแอฟริกายังทำฉันร่างแหลก ไข้ขึ้นจนนึกว่าเป็นมาลาเรีย
โอ้วมายก๊อด! ความพร้อมอยู่ไหน?
ยังจำได้ว่าตอนกำลังรอขึ้นเครึ่องไปดูบรอฟนิก ยังสองจิตสองใจอยากจะทิ้งตั๋วแล้วลากกระเป๋าขึ้นรถไฟใต้ดินกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอด แต่สุดท้ายต้องยกความดีความงามให้ท่านแม่ที่ส่งเสียงเชียร์ให้ไป เพราะสุดท้ายแล้วการเดินทางที่มีแผนการแบบ ‘หลวมๆ’ นี่มันส์จริงๆ
ใครปักตะไคร้?
วันแรกที่ไปถึง ฟ้าพิโรธ พายุเข้า ฝนตกกระหน่ำ ลมพัดตึงตัง ถึงกับบ่นพึมพัมกับตัวเองว่า “นางไหนไปปักตะไคร้(วะ!)” ด้วยความที่ฉันมาแบบเหนื่อยๆ ความคาดหวังต่อการเดินทางต่ำติดดิน เลยยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ออกไปไหนก็ไม่ได้ นั่งคิดว่าถ้าฝ่าฝนออกไปเดินเที่ยวแล้วป่วยหนักกว่าเดิมนี่เซ็งนะ ฉันและคนอื่นๆที่ตกที่นั่งเดียวกันก็ทำได้แต่เฝ้ามองหน้าหงอยๆออกนอกหน้าต่าง มองออกไปในใจหวังอยากเห็นพระอาทิตย์แต่ที่เห็นก็มีแต่เมฆครึ้มๆ ฝนพรั่งพรูลงมาเป็นสาย หนักบ้างเบาบ้างสลับกันไปแบบไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด
เอาวะ! นอนหนีปัญหาดีกว่า
ALONE: เที่ยวแทนแม่: โครเอเชีย มอนเตเนโกร และบอสเนีย (1)
ฉัน: “มิ้นท์จะไปโครเอเชียนะ อาจจะวนไปที่บอสเนียกับมอนเตเนโกรด้วย”
แม่: “ไปกับใคร นี่อย่าบอกนะว่าจะไปคนเดียว”
ฉัน: “ไปคนเดียวนี่แหละ ไม่มีใครไปด้วยนี่”
แม่: “นี่เดี๋ยวชั้นต้องสวดมนต์ให้เยอะขึ้นอีกหล่ะสิ แกนี่ตลอด”
ฉัน: “แหมะ จุ๊บๆนะ”
เป็นอันว่าทริปก็เกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้.
ขอเรียกมันว่าทริปสามเหลี่ยม
ขอเท้าความเสียหน่อยถึงที่มาที่ไปของทริปนี้ ทริปนี้เกิดขึ้นได้เพราะเพื่อนชาวสเปน หนุ่มคนนี้ชื่อฆอร์เฆ่ เราแชร์ห้องพักอยู่ด้วยกันเมื่อสมัยที่ฉันอยู่มาดริด ด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยวทั้งคู่ หัวข้อที่พวกเรามักจะคุยกันก็ไม่พ้นเรื่องที่เที่ยว ฉันบอกเขาว่าฉันตั้งใจจะไปโครเอเชียกับมอนเตเนโกรแต่ยังลังเลเรื่องบอสเนีย เขาว่าเขาไปบอสเนียมาแล้ว เขาชอบมาก
“คนน่ารัก” เขาว่า
“อาจจะดูขรึมๆโหดๆ แต่ไม่มีอะไรน่าห่วง”
ฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะก็รู้มาบ้างว่าประเทศที่อยู่ในบทสนทนาพึ่งจะผ่านสงครามมาได้ไม่ถึงยี่สิบปีดีี คนจะมาลัลล้ายิ้มร่าก็คงไม่ใช่
“ที่บอสเนียเนี่ยตึกรามบ้านช่องยังมีรอยกระสุนอยู่เลย” ฆอร์เฆ่เล่าต่อ
พอฟังถึงรอยกระสุน ตัดสินใจเลยว่าต้องไปบอสเนีย ต้องไป ต้องไป บอสเนียเลยเข้ามาอยู่ในการเดินทางครั้งนี้แบบสบายๆ สรุปแผนง่ายๆ ก็คือ จะเที่ยวเป็นสามเหลี่ยม เริ่มที่ดูบรอฟนิก กลับจากดูบรอฟนิก ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายสามเหลี่ยมจะแตก...
ตอนนั้นพยายามหาคนไปด้วยอยู่พักนึง แต่ก็ไม่มี เลย เอ้า! ไปคนเดียวก็ได้ พอตัดสินใจได้ปุ๊บก็รีบหาตั๋วจากกรุงมาดริดไปลงที่ดูบรอฟนิกแบบกระทันหัน เห็นตั๋วถูก แล้วก็ไม่ตรงกับทริปที่จะไปแอฟริกาก็เลย
จอง!
จองตั๋วไม่มีสติ คิดจนตัว(เกือบ)ตาย
เวลาจองตั๋วให้มีสตินิดนึง วางแผนบ้าง ประมาณตนบ้าง อย่าทำแบบฉันที่ตื่นขึ้นมาปุ๊บ หาตั๋ว เน้นที่มันถูกๆ แล้วจองปั๊บแบบไม่ลังเล กระบวนการประเภทใจเร็วด่วนได้มักจะส่งผลเสียต่อชีวิตการเดินทาง เพราะกลายเป็นว่าฉันต้องเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางหลังจากกลับมาจากแอฟริกาเพียง 1 อาทิตย์ ฉันมานั่งไล่ดูว่ายังขาดอะไรบ้างสำหรับทริปสามเหลี่ยมนี้
เมืองที่จะไป เพราะตัดสินใจแค่ประเทศ
ที่พัก
ข้อมูลการเดินทางไปมาระหว่างประเทศ
นี่ฉันมีก็แค่ตั๋วเครื่องบิน!
เท่านั้นไม่พอ ทริปแอฟริกายังทำฉันร่างแหลก ไข้ขึ้นจนนึกว่าเป็นมาลาเรีย
โอ้วมายก๊อด! ความพร้อมอยู่ไหน?
ยังจำได้ว่าตอนกำลังรอขึ้นเครึ่องไปดูบรอฟนิก ยังสองจิตสองใจอยากจะทิ้งตั๋วแล้วลากกระเป๋าขึ้นรถไฟใต้ดินกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอด แต่สุดท้ายต้องยกความดีความงามให้ท่านแม่ที่ส่งเสียงเชียร์ให้ไป เพราะสุดท้ายแล้วการเดินทางที่มีแผนการแบบ ‘หลวมๆ’ นี่มันส์จริงๆ
ใครปักตะไคร้?
วันแรกที่ไปถึง ฟ้าพิโรธ พายุเข้า ฝนตกกระหน่ำ ลมพัดตึงตัง ถึงกับบ่นพึมพัมกับตัวเองว่า “นางไหนไปปักตะไคร้(วะ!)” ด้วยความที่ฉันมาแบบเหนื่อยๆ ความคาดหวังต่อการเดินทางต่ำติดดิน เลยยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ออกไปไหนก็ไม่ได้ นั่งคิดว่าถ้าฝ่าฝนออกไปเดินเที่ยวแล้วป่วยหนักกว่าเดิมนี่เซ็งนะ ฉันและคนอื่นๆที่ตกที่นั่งเดียวกันก็ทำได้แต่เฝ้ามองหน้าหงอยๆออกนอกหน้าต่าง มองออกไปในใจหวังอยากเห็นพระอาทิตย์แต่ที่เห็นก็มีแต่เมฆครึ้มๆ ฝนพรั่งพรูลงมาเป็นสาย หนักบ้างเบาบ้างสลับกันไปแบบไม่มีที่ท่าว่าจะหยุด
เอาวะ! นอนหนีปัญหาดีกว่า