การแข่งขันระหว่างค่ายมือถือในปีนี้นับว่าแรงกว่าปีก่อนมากครับ นอกจากแบรนด์ชั้นนำที่พร้อมใจกันเข็นรุ่นใหม่ออกมา ยังมีสมาร์ทโฟนจากแดนมังกรอย่าง Huawei, OPPO และ Local Brand อื่นๆ มาร่วมวงอีกเพียบ สำหรับ LG แม้ว่าจะไม่หวือหวาเท่าไหร่ หลังการมาของ Nexus 4 (ซึ่งส่วนใหญ่แห่ไปเล่นเครื่องนอกหมด) โดยเร็วๆ นี้จะมีสมาร์ทโฟนระดับล่าง - กลางรุ่นมาอีก 2-3 รุ่นครับ (ใครตามข่าว MWC2013 คงเดาไม่ยาก) วันนี้เรามาชมรีวิวรุ่น High-End ล่าสุดที่เริ่มวางจำหน่ายสดๆ ร้อนๆ ขอบอกว่ารองรับ 4G LTE ของ TOT, Truemove H ด้วย ซื้อมารอบนึงก็ใช้ไปยาวๆ เลย
LG E975 Optimus G
Optimus G ไม่ใช่รุ่นใหม่ครับ เพราะเปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2012 แต่เพิ่งได้วางจำหน่ายทั่วโลกในช่วงเดือนนี้ หลังวางจำหน่ายในสหรัฐ - ญี่ปุ่น - เกาหลีใต้ก่อนหน้า (แค่ 3 ประเทศขายได้เกิน 1 ล้านเครื่องแล้ว) ทั้งนี้โมเดลที่วางจำหน่ายในไทย ไม่แตกต่างจากรุ่นเดิมมากนัก สเปคภายในใช้ชิป Snapdragon S4 Pro, จอ True HD IPS+, กล้อง 13 ล้านพิคเซล ฯลฯ และรองรับ 4G LTE สำหรับซอฟท์แวร์ได้อัพเกรดเป็น Android 4.1.2 แล้ว เดี๋ยวชมวิดิโอก็จะเห็นว่ามันค่อนข้างลื่นมากๆ เลยทีเดียว
คุณสมบัติเด่น
- ขนาด 131.9 x 68.9 x 8.45 มิลลิเมตร , น้ำหนัก 145 กรัม
- รองรับคลื่นความถี่ 3G HSPA+ (900/2100 MHz -
E975, 850/2100 MHz -
E975K)
- รองรับคลื่นความถี่ 4G LTE (800/900/1800/2100/2600 MHz) **
- หน้าจอ True HD IPS+ ขนาด 4.7 นิ้ว (ความละเอียด 1280x720 พิคเซล) , รองรับมัลติทัช 10 จุด
- เมมโมรี่ภายใน 32GB
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon S4 Pro (APQ8064) 1.5GHz , แรม 2GB (LP-DDR2)
- รองรับการเชื่อมต่อ WiFi (802.11 b/g/n), Bluetooth 4.0, NFC
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.1.2 , อินเตอร์เฟส Optimus 3.0 UI
- ฟีเจอร์ QSlide, QTranslator, Safety Care
- กล้องความละเอียด 13 ล้านพิคเซล พร้อมออโต้โฟกัส, Time-Catch Shot แฟลช LED , บันทึกวิดิโอ HD1080p
- แบตเตอรี่ SIO+ ความจุ 2100 mAh
** LTE รอปลดล็อคซอฟท์แวร์ภายหลัง
ดีไซน์
Optimus G ยังคงเด่นความเรียบง่าย เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน LG หลายๆ รุ่นที่ผ่านมาครับ ด้านหน้ามีเพียงหน้าจอ 4.7 นิ้ว ลำโพงสนทนา ปุ่ม Navi 3 ปุ่มมาตรฐาน และกล้องหน้า 1.3 ล้านพิคเซล พาเนลเป็นกระจก Gorilla Glass 2 ทนทานกำลังดี แต่แนะนำให้แปะฟิล์มกันรอยไว้ดีกว่า สำหรับขอบตัวเครื่องมีแทบสีเงินตัดกับบอดี้สีดำ มีปุ่ม Power Volume และช่อง Microusb, หูฟัง 3.5 มิลลิเมตรตามปกติ สังเกตตรงท้ายเครื่องจะมีน็อต 2 ตัวซ้ายขวา (เหมือน Nexus 4) หากจะถอดแบตเตอรี่ก็ต้องไขตรงนี้ออกก่อนจ้า
ด้านหลังของ Optimus G ออกแบบให้มีลวดลายพื้นหลังคริสตัลระยิบระยิบ โดย Pattern จะแตกต่างจาก Nexus 4 สีดำอาจจะไม่ค่อยเห็นเด่นชัดเท่าไหร่ แต่บอดี้สีขาวแบบว่าสวยงามทีเดียว เลนส์กล้อง 13MP จะนูนจากตัวบอดี้เล็กน้อย ส่วนลำโพงหลักอยู่มุมขวาล่าง พาเนลด้านหลังใช้วัสดุ Gorilla Glass 2 แบบด้านหน้าครับ หากใครกลัวเป็นรอยทาง LG แถมฟิล์มกันรอยหน้าหลังให้ครบ หรือจะใส่เคสเพิ่มก็ได้เหมือนกัน
ขนาดของ Optimus G เล็กกว่า Nexus 4 ครับ น้ำหนัก 145 กรัม ขนาดค่อนข้างกะทัดรัด บางเฉียบเพียง 8.45 มิลลิเมตรเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม จากบอดี้ที่ค่อนข้างลื่นไปหน่อย เวลาใช้งานควรระมัดระวังนิดนึง หรือหาเคสใส่ไว้ก็ดี : )
QSlide
เป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดบน Optimus G (และ Optimus F7) ลักษณะการทำงานจะค่อนข้างคล้ายกับ Multi-Window แต่มีข้อดีกว่าตรงสามารถปรับ Transparency หน้าต่างตามความต้องการ เพื่อสามารถใช้แอพฯ Background ได้สะดวกขึ้น สำหรับ QSlide สามารถใช้งานได้ระหว่างรันแอพฯ ใดๆ เช่น เล่น Facebook แล้วอยาก Search Google ก็ลากแถบ Notification ลงมาแล้วกด Browser ได้เลย ทั้งนี้ QSlide สามารถใช้งานกับ Browser, Video, Memo, Calendar และเครื่องคิดเลขเท่านั้น จำกัด 2 หน้าต่างเท่านั้นนะจ๊ะ (ซึ่งก็คล้ายกับ Multi-Window บน Note 2)
QTranslator
แอพฯ นี้มีใช้งานบน Optimus L9 ด้วย เช่นเดียวกับ Optimus G ครับสำหรับ QTranslator มีฟีเจอร์เด่นตรงสามารถใช้กล้องส่องป้าย หนังสือ ข้อความต่างๆ แล้วแปลภาษาออกมาแบบ Real Time เหมาะกับไปต่างประเทศแล้วไม่อยากเปิด Google Translator ก็ใช้แอพฯ นี้ได้เหมือนกัน ทั้งนี้หากต้องการให้ผลลัพธ์ดีขึ้น ผู้ใช้ต้องซื้อ Dictionary เพิ่ม ซึ่งราคาก็สูงอยู่เหมือนกันนะ
Video
รุ่นนี้รองรับวิดิโอ HD1080p เต็มรูปแบบครับ รันได้แทบจะทุกฟอร์แมต ระหว่างชมวิดิโออยู่คุณสามารถใช้นิ้วซูมภาพได้ด้วย Live-Zooming ถึงจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ แต่ถ้าอยากดูหน้านักร้องใน MV ดาราในหนังแบบชัดๆ ก็จัดไป นอกจากนี้ยังเล่นวิดิโอแบบ Pop-up Mode และแชร์ออก HDTV ผ่าน SmartShare ได้อีกต่างหาก แต่ต้องใช้ Smart TV เท่านั้น
Camera
กล้องบน Optimus G ติดมาให้ 13 ล้านพิคเซล (F/2.4 Aperture) โมดูลผลิตโดย LG เองครับ เสียดายจริงๆ ที่ไม่รองรับ Zero-Shutter Lag แต่ความเร็วชัตเตอร์ก็ถือว่าใช้ได้ ระบบโฟกัสดีกว่า Optimus 4X และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง Smart Shutter, Time-Catch Shot (ถ่ายภาพย้อนหลัง 5 ภาพ แล้วเลือก Best Shot ได้) และ Voice Shutter สำหรับปุ่มชัตเตอร์สามารถใช้ Volume Down แทนปุ่มบนหน้าจอได้
วิดิโอสามารถบันทึกได้ที่ HD1080p ระบบเสียงสเตอริโอ พร้อมฟีเจอร์ Live Effect เปลี่ยนหน้า ฉากหลังขณะถ่ายวิดิโอได้เลย โดยรวมแล้วค่อนข้างพอใจกับวิดิโอครับ ถ่ายในงานเลี้ยงสบายๆ ตามตัวอย่างภาพถ่าย-วิดิโอด้านล่าง
ตัวอย่างภาพถ่าย ->
http://www.papayatop.com/08/review-lg-optimus-g/
Benchmark
ตามแบบฉบับของสมาร์ทโฟนชิป Snapdragon S4 Pro รุ่นนี้ทำคะแนน Benchmark ไว้สูงเอาเรื่องทีเดียว โดยทดสอบบน Quadrant, AnTuTu และ Vellamo คะแนนที่ได้ก็ตามภาพครับ ถือว่าไม่ห่างจาก Device อื่นๆ ที่ใช้ชิป S4 Pro เช่น HTC Butterfly, OPPO Find 5 ซึ่งถูกปรับแต่ง Software มาจากผู้ผลิตแล้ว
วิดิโอรีวิว
สรุป
ไม่รู้ LG คิดอะไรอยู่เหมือนกันถึงเพิ่งนำ Optimus G ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีก่อนมาขาย พร้อมกับการเปิดตัว Optimus G Pro ในงาน MWC2013 ซึ่งตัวหลังเนื่ยสเปคสูงกว่าเท่าตัว แถมได้หน้าจอขนาดมหึมาอีกต่างหาก (5.5 นิ้ว) อย่างไรก็ดี Optimus G ที่วางขายทั่วโลกตอนนี้ก็ถือว่าสเปคยังแรงอยู่ เพราะใช้ชิป Snapdragon S4 Pro มาตรฐานของ Flagship ส่วนใหญ่ตอนนี้ พร้อมหน้าจอ True HD IPS+ ถึงความละเอียดจะไม่ถึงระดับ Full HD แต่การแสดงผลก็เรียกว่าคมกริบ สีสันคมชัด เชื่อว่าคงเพียงพอกับการใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว ด้านซอฟท์แวร์มาพร้อมกับ Android 4.1.2 + Optimus 3.0 UI ล่าสุด ความลื่นจัดว่าสุดๆ ครับ จากอานิสงส์ของ Project Butter (JB) บวกฟีเจอร์น่าสนใจอย่าง QSlide, QTranslator และอื่นๆ จึงทำให้รุ่นนี้น่าสนใจไม่น้อย สำหรับเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในไทย ยืนยันแล้วว่ารองรับ 4G LTE แน่นอน (คลื่น 800/900/1800/2100/2600 MHz) ซึ่งหาก TOT, Truemove H เปิดเมื่อไหร่ ก็สามารถใช้งานได้ทันที
จุดด้อยเท่าที่เห็นอยู่ตรงกล้องครับ ไม่รองรับ Zero-Shutter Lag ทำให้มีดีเลย์ และการวัดแสงยังไม่ดีเท่าไหร่ รวมถึงด้านวัสดุตัวเครื่องไม่ค่อยพรีเมี่ยมเท่าไหร่ สุดท้ายคือเรื่องราคา อาจจะเหนื่อยหน่อย เมื่อคู่แข่งหลายตัวเปิดราคามาใกล้เคียงเช่น OPPO Find 5 (16,990 บาท), Sony Xperia ZL (18,900 บาท) ซึ่งผู้ใช้ระดับนี้อาจเพิ่มงบไปเล่นรุ่น Flagship อย่าง HTC One, Galaxy S IV, Sony Xperia Z ได้ไม่ยากนัก แน่นอนว่า “Nexus 4″ คืออีกตัวเลือกนึง เพราะความสวย อัพเกรดซอฟท์แวร์ได้เร็ว แถมมีผู้ใช้เยอะทั่วโลก ทั้งหมดนี้น่าจะกระทบ Optimus G อยู่บ้าง
Pros
- หน้าจอ True HD IPS+ สวยกริบคมเป๊ะ
- ชิป Snapdragon S4 Pro ใช้งานทั่วไปเหลือเฟือ
- Android 4.1.2 พร้อม UI ลื่นสุดเท่าที่เคยมีมา
- รองรับ 4G LTE สมบูรณ์แบบ
- ฟีเจอร์ QSlide ใช้งานหลายแอพฯ คล้าย Multi-Window
- ในชุดขายแถมหูฟัง QuadBeat เสียงดีมาก !!
- เมมภายใน 32GB
- กล้อง 13 ล้านพิคเซล + บันทึกวิดิโอ HD1080p
- รองรับการใช้งาน Miracast (Dual-Play)
Cons
- ราคาเปิดตัวค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
- มี Nexus 4 เป็นทางเลือกที่ใกล้เคียงกันมาก
- วัสดุไม่พรีเมี่ยม
- ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้
- แยก 3G 850, 900 (ผลจากเครื่องเวอร์ชั่น LTE)
LG Optimus G เริ่มวางจำหน่ายแล้วครับ สนนราคาที่ 19,900 บาท พร้อมแถมฟิล์มกันรอยหน้าหลัง + เคส Flip Cover ให้ ตัวเครื่องมีสีดำสีเดียว แต่เร็วๆ นี้น่าจะมีสีขาวเข้ามาอีกสีนึง สำหรับตัวเลือกอื่นๆ ในระดับราคานี้ก็มีเพียบ ! เชื่อว่าหลายคนคงสามารถเพิ่มงบขึ้นไปเล่นตัว Flagship ได้ไม่ยากนัก (ยิ่งผ่อน 0% แล้วแทบไม่ลังเล)
- Sony Xperia ZL
- OPPO Find 5
- Nexus 4
- Galaxy S III
- HTC One X
[SR] [ Review ] : LG E975 Optimus G - จินตนาการไร้ขอบเขต
LG E975 Optimus G
Optimus G ไม่ใช่รุ่นใหม่ครับ เพราะเปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2012 แต่เพิ่งได้วางจำหน่ายทั่วโลกในช่วงเดือนนี้ หลังวางจำหน่ายในสหรัฐ - ญี่ปุ่น - เกาหลีใต้ก่อนหน้า (แค่ 3 ประเทศขายได้เกิน 1 ล้านเครื่องแล้ว) ทั้งนี้โมเดลที่วางจำหน่ายในไทย ไม่แตกต่างจากรุ่นเดิมมากนัก สเปคภายในใช้ชิป Snapdragon S4 Pro, จอ True HD IPS+, กล้อง 13 ล้านพิคเซล ฯลฯ และรองรับ 4G LTE สำหรับซอฟท์แวร์ได้อัพเกรดเป็น Android 4.1.2 แล้ว เดี๋ยวชมวิดิโอก็จะเห็นว่ามันค่อนข้างลื่นมากๆ เลยทีเดียว
คุณสมบัติเด่น
- ขนาด 131.9 x 68.9 x 8.45 มิลลิเมตร , น้ำหนัก 145 กรัม
- รองรับคลื่นความถี่ 3G HSPA+ (900/2100 MHz - E975, 850/2100 MHz - E975K)
- รองรับคลื่นความถี่ 4G LTE (800/900/1800/2100/2600 MHz) **
- หน้าจอ True HD IPS+ ขนาด 4.7 นิ้ว (ความละเอียด 1280x720 พิคเซล) , รองรับมัลติทัช 10 จุด
- เมมโมรี่ภายใน 32GB
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon S4 Pro (APQ8064) 1.5GHz , แรม 2GB (LP-DDR2)
- รองรับการเชื่อมต่อ WiFi (802.11 b/g/n), Bluetooth 4.0, NFC
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.1.2 , อินเตอร์เฟส Optimus 3.0 UI
- ฟีเจอร์ QSlide, QTranslator, Safety Care
- กล้องความละเอียด 13 ล้านพิคเซล พร้อมออโต้โฟกัส, Time-Catch Shot แฟลช LED , บันทึกวิดิโอ HD1080p
- แบตเตอรี่ SIO+ ความจุ 2100 mAh
** LTE รอปลดล็อคซอฟท์แวร์ภายหลัง
ดีไซน์
Optimus G ยังคงเด่นความเรียบง่าย เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน LG หลายๆ รุ่นที่ผ่านมาครับ ด้านหน้ามีเพียงหน้าจอ 4.7 นิ้ว ลำโพงสนทนา ปุ่ม Navi 3 ปุ่มมาตรฐาน และกล้องหน้า 1.3 ล้านพิคเซล พาเนลเป็นกระจก Gorilla Glass 2 ทนทานกำลังดี แต่แนะนำให้แปะฟิล์มกันรอยไว้ดีกว่า สำหรับขอบตัวเครื่องมีแทบสีเงินตัดกับบอดี้สีดำ มีปุ่ม Power Volume และช่อง Microusb, หูฟัง 3.5 มิลลิเมตรตามปกติ สังเกตตรงท้ายเครื่องจะมีน็อต 2 ตัวซ้ายขวา (เหมือน Nexus 4) หากจะถอดแบตเตอรี่ก็ต้องไขตรงนี้ออกก่อนจ้า
ด้านหลังของ Optimus G ออกแบบให้มีลวดลายพื้นหลังคริสตัลระยิบระยิบ โดย Pattern จะแตกต่างจาก Nexus 4 สีดำอาจจะไม่ค่อยเห็นเด่นชัดเท่าไหร่ แต่บอดี้สีขาวแบบว่าสวยงามทีเดียว เลนส์กล้อง 13MP จะนูนจากตัวบอดี้เล็กน้อย ส่วนลำโพงหลักอยู่มุมขวาล่าง พาเนลด้านหลังใช้วัสดุ Gorilla Glass 2 แบบด้านหน้าครับ หากใครกลัวเป็นรอยทาง LG แถมฟิล์มกันรอยหน้าหลังให้ครบ หรือจะใส่เคสเพิ่มก็ได้เหมือนกัน
ขนาดของ Optimus G เล็กกว่า Nexus 4 ครับ น้ำหนัก 145 กรัม ขนาดค่อนข้างกะทัดรัด บางเฉียบเพียง 8.45 มิลลิเมตรเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม จากบอดี้ที่ค่อนข้างลื่นไปหน่อย เวลาใช้งานควรระมัดระวังนิดนึง หรือหาเคสใส่ไว้ก็ดี : )
QSlide
เป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดบน Optimus G (และ Optimus F7) ลักษณะการทำงานจะค่อนข้างคล้ายกับ Multi-Window แต่มีข้อดีกว่าตรงสามารถปรับ Transparency หน้าต่างตามความต้องการ เพื่อสามารถใช้แอพฯ Background ได้สะดวกขึ้น สำหรับ QSlide สามารถใช้งานได้ระหว่างรันแอพฯ ใดๆ เช่น เล่น Facebook แล้วอยาก Search Google ก็ลากแถบ Notification ลงมาแล้วกด Browser ได้เลย ทั้งนี้ QSlide สามารถใช้งานกับ Browser, Video, Memo, Calendar และเครื่องคิดเลขเท่านั้น จำกัด 2 หน้าต่างเท่านั้นนะจ๊ะ (ซึ่งก็คล้ายกับ Multi-Window บน Note 2)
QTranslator
แอพฯ นี้มีใช้งานบน Optimus L9 ด้วย เช่นเดียวกับ Optimus G ครับสำหรับ QTranslator มีฟีเจอร์เด่นตรงสามารถใช้กล้องส่องป้าย หนังสือ ข้อความต่างๆ แล้วแปลภาษาออกมาแบบ Real Time เหมาะกับไปต่างประเทศแล้วไม่อยากเปิด Google Translator ก็ใช้แอพฯ นี้ได้เหมือนกัน ทั้งนี้หากต้องการให้ผลลัพธ์ดีขึ้น ผู้ใช้ต้องซื้อ Dictionary เพิ่ม ซึ่งราคาก็สูงอยู่เหมือนกันนะ
Video
รุ่นนี้รองรับวิดิโอ HD1080p เต็มรูปแบบครับ รันได้แทบจะทุกฟอร์แมต ระหว่างชมวิดิโออยู่คุณสามารถใช้นิ้วซูมภาพได้ด้วย Live-Zooming ถึงจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ แต่ถ้าอยากดูหน้านักร้องใน MV ดาราในหนังแบบชัดๆ ก็จัดไป นอกจากนี้ยังเล่นวิดิโอแบบ Pop-up Mode และแชร์ออก HDTV ผ่าน SmartShare ได้อีกต่างหาก แต่ต้องใช้ Smart TV เท่านั้น
Camera
กล้องบน Optimus G ติดมาให้ 13 ล้านพิคเซล (F/2.4 Aperture) โมดูลผลิตโดย LG เองครับ เสียดายจริงๆ ที่ไม่รองรับ Zero-Shutter Lag แต่ความเร็วชัตเตอร์ก็ถือว่าใช้ได้ ระบบโฟกัสดีกว่า Optimus 4X และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง Smart Shutter, Time-Catch Shot (ถ่ายภาพย้อนหลัง 5 ภาพ แล้วเลือก Best Shot ได้) และ Voice Shutter สำหรับปุ่มชัตเตอร์สามารถใช้ Volume Down แทนปุ่มบนหน้าจอได้
วิดิโอสามารถบันทึกได้ที่ HD1080p ระบบเสียงสเตอริโอ พร้อมฟีเจอร์ Live Effect เปลี่ยนหน้า ฉากหลังขณะถ่ายวิดิโอได้เลย โดยรวมแล้วค่อนข้างพอใจกับวิดิโอครับ ถ่ายในงานเลี้ยงสบายๆ ตามตัวอย่างภาพถ่าย-วิดิโอด้านล่าง
ตัวอย่างภาพถ่าย -> http://www.papayatop.com/08/review-lg-optimus-g/
Benchmark
ตามแบบฉบับของสมาร์ทโฟนชิป Snapdragon S4 Pro รุ่นนี้ทำคะแนน Benchmark ไว้สูงเอาเรื่องทีเดียว โดยทดสอบบน Quadrant, AnTuTu และ Vellamo คะแนนที่ได้ก็ตามภาพครับ ถือว่าไม่ห่างจาก Device อื่นๆ ที่ใช้ชิป S4 Pro เช่น HTC Butterfly, OPPO Find 5 ซึ่งถูกปรับแต่ง Software มาจากผู้ผลิตแล้ว
วิดิโอรีวิว
สรุป
ไม่รู้ LG คิดอะไรอยู่เหมือนกันถึงเพิ่งนำ Optimus G ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีก่อนมาขาย พร้อมกับการเปิดตัว Optimus G Pro ในงาน MWC2013 ซึ่งตัวหลังเนื่ยสเปคสูงกว่าเท่าตัว แถมได้หน้าจอขนาดมหึมาอีกต่างหาก (5.5 นิ้ว) อย่างไรก็ดี Optimus G ที่วางขายทั่วโลกตอนนี้ก็ถือว่าสเปคยังแรงอยู่ เพราะใช้ชิป Snapdragon S4 Pro มาตรฐานของ Flagship ส่วนใหญ่ตอนนี้ พร้อมหน้าจอ True HD IPS+ ถึงความละเอียดจะไม่ถึงระดับ Full HD แต่การแสดงผลก็เรียกว่าคมกริบ สีสันคมชัด เชื่อว่าคงเพียงพอกับการใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว ด้านซอฟท์แวร์มาพร้อมกับ Android 4.1.2 + Optimus 3.0 UI ล่าสุด ความลื่นจัดว่าสุดๆ ครับ จากอานิสงส์ของ Project Butter (JB) บวกฟีเจอร์น่าสนใจอย่าง QSlide, QTranslator และอื่นๆ จึงทำให้รุ่นนี้น่าสนใจไม่น้อย สำหรับเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในไทย ยืนยันแล้วว่ารองรับ 4G LTE แน่นอน (คลื่น 800/900/1800/2100/2600 MHz) ซึ่งหาก TOT, Truemove H เปิดเมื่อไหร่ ก็สามารถใช้งานได้ทันที
จุดด้อยเท่าที่เห็นอยู่ตรงกล้องครับ ไม่รองรับ Zero-Shutter Lag ทำให้มีดีเลย์ และการวัดแสงยังไม่ดีเท่าไหร่ รวมถึงด้านวัสดุตัวเครื่องไม่ค่อยพรีเมี่ยมเท่าไหร่ สุดท้ายคือเรื่องราคา อาจจะเหนื่อยหน่อย เมื่อคู่แข่งหลายตัวเปิดราคามาใกล้เคียงเช่น OPPO Find 5 (16,990 บาท), Sony Xperia ZL (18,900 บาท) ซึ่งผู้ใช้ระดับนี้อาจเพิ่มงบไปเล่นรุ่น Flagship อย่าง HTC One, Galaxy S IV, Sony Xperia Z ได้ไม่ยากนัก แน่นอนว่า “Nexus 4″ คืออีกตัวเลือกนึง เพราะความสวย อัพเกรดซอฟท์แวร์ได้เร็ว แถมมีผู้ใช้เยอะทั่วโลก ทั้งหมดนี้น่าจะกระทบ Optimus G อยู่บ้าง
Pros
- หน้าจอ True HD IPS+ สวยกริบคมเป๊ะ
- ชิป Snapdragon S4 Pro ใช้งานทั่วไปเหลือเฟือ
- Android 4.1.2 พร้อม UI ลื่นสุดเท่าที่เคยมีมา
- รองรับ 4G LTE สมบูรณ์แบบ
- ฟีเจอร์ QSlide ใช้งานหลายแอพฯ คล้าย Multi-Window
- ในชุดขายแถมหูฟัง QuadBeat เสียงดีมาก !!
- เมมภายใน 32GB
- กล้อง 13 ล้านพิคเซล + บันทึกวิดิโอ HD1080p
- รองรับการใช้งาน Miracast (Dual-Play)
Cons
- ราคาเปิดตัวค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
- มี Nexus 4 เป็นทางเลือกที่ใกล้เคียงกันมาก
- วัสดุไม่พรีเมี่ยม
- ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้
- แยก 3G 850, 900 (ผลจากเครื่องเวอร์ชั่น LTE)
LG Optimus G เริ่มวางจำหน่ายแล้วครับ สนนราคาที่ 19,900 บาท พร้อมแถมฟิล์มกันรอยหน้าหลัง + เคส Flip Cover ให้ ตัวเครื่องมีสีดำสีเดียว แต่เร็วๆ นี้น่าจะมีสีขาวเข้ามาอีกสีนึง สำหรับตัวเลือกอื่นๆ ในระดับราคานี้ก็มีเพียบ ! เชื่อว่าหลายคนคงสามารถเพิ่มงบขึ้นไปเล่นตัว Flagship ได้ไม่ยากนัก (ยิ่งผ่อน 0% แล้วแทบไม่ลังเล)
- Sony Xperia ZL
- OPPO Find 5
- Nexus 4
- Galaxy S III
- HTC One X