มีเรื่องเบาๆมาเล่าสู่กันฟังเช่นเคยครับคุณผู้ชม
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จขกท.มีโอกาสไปทานข้าวกับลูกค้าคนหนึ่งที่สนิทสนมกันพอสมควร
ลูกค้าคนนี้เป็นหนุ่มรุ่นน้อง อายุประมาณสามสิบกว่าๆ ขอสมมุติชื่อว่าน้องเอก็แล้วกัน
เจอกันคราวที่แล้วเมื่อตอนต้นปี ตอนนั้นเอกำลังมีปัญหากับภรรยาอยู่พอดี
เรื่องก็คือ เอ ไปทราบโดยบังเอิญว่าภรรยาได้ติดตามดูความเคลื่อนไหวของแฟนเก่าผ่านเฟสบุ๊คนั่นเอง
มีการทักทายกันบ้างแต่ก็ไม่ได้เกินเลยอะไร
แต่เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะเกิดกับคนเป็นสามีหรือภรรยา ก็คงไม่มีใครไม่รู้สึกอะไรแน่นอน
และแค่นั้นก็คงไม่เท่าไหร่ ถ้าภรรยาไม่มาบ่นว่าสามีทำแต่งาน ไม่มีเวลาให้เลย
ทำไมไม่เหมือนคู่อื่นที่เค้าแต่งงานกันมาห้าหกปีแล้ว แต่ก็เค้ายังหวานอยู่เลย
คนอื่นเค้ามีเวลาพาภรรยาไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ ถ่ายรูปมาอวดให้คนโน้นคนนี้ดู แต่เธอกลับไม่ได้ไปไหนเลย
ซึ่งเรื่องนี้ ก็ยังอาจไม่ได้ทำให้เกิดปัญหามากนัก ถ้าเขาจะไม่ได้มั่นใจว่า
คนที่พาภรรยาไปเที่ยวแล้วลงรูปอวดในเฟสบุ๊คนั้น จะไม่ได้หมายถึงแฟนเก่าของภรรยา
เพราะเขาเห็นรูปที่ว่านั้นมาจากเฟสบุ๊คของแฟนเก่าภรรยานั่นเอง
เมื่อเข้าใจว่าตัวเองถูกนำไปเปรียบเทียบเช่นนี้ ใครเล่าจะไม่เจ็บ
ยิ่งมีปากเสียงกันบ่อยขึ้น เค้าก็ยิ่งคิดไปเองว่า ที่ภรรยามีทีท่าเบื่อหน่ายและเซ็งบ่อยๆนั้น
ก็น่าจะเป็นเพราะเค้าสู้แฟนเก่าของเธอไม่ได้นั่นเอง และเมื่อความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น ความหมางเมินจึงตามมา
จำได้ดีว่า วันนั้นบอกเค้าไปว่าอย่าไปคิดอย่างนั้น กลับไปทบทวนตัวเองดีๆว่าเรามีเวลาให้เธอน้อยลงจริงหรือไม่
ที่เราทำงานหนัก ก็เพื่อเธอมิใช่หรือ ที่เรารู้สึกหวงเธอ ก็เพราะรักเธอมากใช่หรือไม่
แล้วทำไมจะทำเพื่อเธออีกสักเรื่องไม่ได้ล่ะ หากมีเวลาให้กันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าเดิม
แคร์ความรู้สึกกันให้เหมือนวันเก่าๆ เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถทำลายความรักเราได้เลย
เราก็คือเรา เราทำก็เพราะเรารักเค้า เราไม่ได้มาแทนที่ใคร และก็ไม่มีใครมาแทนที่เราได้
ส่วนเรื่องเฟสบุ๊ค ถ้าไว้ใจเธอก็อย่าไปสนใจมันเลย วันนั้นเอก็รับฟัง บอกว่าจะพยายามทำอย่างที่แนะนำ
ก็แนะนำน้องเค้าไปประมาณนั้นล่ะ ล่าสุดเจอกัน เอบอกว่าตอนนี้เข้าใจกันดีแล้ว เมื่อตรุษจีนก็ไปเที่ยวกันมา
ซึ่งจริงๆแล้ว ที่เค้ากลับมารักกันดี มันคงมีรายละเอียดมากกว่านี้ แต่เมื่อได้ฟังก็รู้สึกยินดีไปกับเค้ามากมายทีเดียว
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคู่อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้มีบทสรุปอะไร และคงไม่หาว่าใครเป็นคนผิด
แต่ จขกท.ก็เชื่อนะ ว่าหากคนสองคนยังเชื่อใจกัน ให้เกียรติกัน ถนอมน้ำใจกันและรักกันมากพอ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคู่ เราก็จะจูงมือกันผ่านพ้นไปได้เสมอ
เล่าสู่กันฟัง...แฟนเก่า
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จขกท.มีโอกาสไปทานข้าวกับลูกค้าคนหนึ่งที่สนิทสนมกันพอสมควร
ลูกค้าคนนี้เป็นหนุ่มรุ่นน้อง อายุประมาณสามสิบกว่าๆ ขอสมมุติชื่อว่าน้องเอก็แล้วกัน
เจอกันคราวที่แล้วเมื่อตอนต้นปี ตอนนั้นเอกำลังมีปัญหากับภรรยาอยู่พอดี
เรื่องก็คือ เอ ไปทราบโดยบังเอิญว่าภรรยาได้ติดตามดูความเคลื่อนไหวของแฟนเก่าผ่านเฟสบุ๊คนั่นเอง
มีการทักทายกันบ้างแต่ก็ไม่ได้เกินเลยอะไร
แต่เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะเกิดกับคนเป็นสามีหรือภรรยา ก็คงไม่มีใครไม่รู้สึกอะไรแน่นอน
และแค่นั้นก็คงไม่เท่าไหร่ ถ้าภรรยาไม่มาบ่นว่าสามีทำแต่งาน ไม่มีเวลาให้เลย
ทำไมไม่เหมือนคู่อื่นที่เค้าแต่งงานกันมาห้าหกปีแล้ว แต่ก็เค้ายังหวานอยู่เลย
คนอื่นเค้ามีเวลาพาภรรยาไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ ถ่ายรูปมาอวดให้คนโน้นคนนี้ดู แต่เธอกลับไม่ได้ไปไหนเลย
ซึ่งเรื่องนี้ ก็ยังอาจไม่ได้ทำให้เกิดปัญหามากนัก ถ้าเขาจะไม่ได้มั่นใจว่า
คนที่พาภรรยาไปเที่ยวแล้วลงรูปอวดในเฟสบุ๊คนั้น จะไม่ได้หมายถึงแฟนเก่าของภรรยา
เพราะเขาเห็นรูปที่ว่านั้นมาจากเฟสบุ๊คของแฟนเก่าภรรยานั่นเอง
เมื่อเข้าใจว่าตัวเองถูกนำไปเปรียบเทียบเช่นนี้ ใครเล่าจะไม่เจ็บ
ยิ่งมีปากเสียงกันบ่อยขึ้น เค้าก็ยิ่งคิดไปเองว่า ที่ภรรยามีทีท่าเบื่อหน่ายและเซ็งบ่อยๆนั้น
ก็น่าจะเป็นเพราะเค้าสู้แฟนเก่าของเธอไม่ได้นั่นเอง และเมื่อความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น ความหมางเมินจึงตามมา
จำได้ดีว่า วันนั้นบอกเค้าไปว่าอย่าไปคิดอย่างนั้น กลับไปทบทวนตัวเองดีๆว่าเรามีเวลาให้เธอน้อยลงจริงหรือไม่
ที่เราทำงานหนัก ก็เพื่อเธอมิใช่หรือ ที่เรารู้สึกหวงเธอ ก็เพราะรักเธอมากใช่หรือไม่
แล้วทำไมจะทำเพื่อเธออีกสักเรื่องไม่ได้ล่ะ หากมีเวลาให้กันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าเดิม
แคร์ความรู้สึกกันให้เหมือนวันเก่าๆ เรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถทำลายความรักเราได้เลย
เราก็คือเรา เราทำก็เพราะเรารักเค้า เราไม่ได้มาแทนที่ใคร และก็ไม่มีใครมาแทนที่เราได้
ส่วนเรื่องเฟสบุ๊ค ถ้าไว้ใจเธอก็อย่าไปสนใจมันเลย วันนั้นเอก็รับฟัง บอกว่าจะพยายามทำอย่างที่แนะนำ
ก็แนะนำน้องเค้าไปประมาณนั้นล่ะ ล่าสุดเจอกัน เอบอกว่าตอนนี้เข้าใจกันดีแล้ว เมื่อตรุษจีนก็ไปเที่ยวกันมา
ซึ่งจริงๆแล้ว ที่เค้ากลับมารักกันดี มันคงมีรายละเอียดมากกว่านี้ แต่เมื่อได้ฟังก็รู้สึกยินดีไปกับเค้ามากมายทีเดียว
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคู่อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้มีบทสรุปอะไร และคงไม่หาว่าใครเป็นคนผิด
แต่ จขกท.ก็เชื่อนะ ว่าหากคนสองคนยังเชื่อใจกัน ให้เกียรติกัน ถนอมน้ำใจกันและรักกันมากพอ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคู่ เราก็จะจูงมือกันผ่านพ้นไปได้เสมอ